กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 659

กู้ช่านมาถึงหน้าประตูใหญ่ของเรือนในเขตการปกครอง หน้าประตูมีมังกรหยกขาวสองตัวที่มาจากฝีมือตระกูลเซียนนั่งหมอบอยู่ บารมีอำนาจนั้น ต่อให้เป็นขอทานที่หิวโซมาเห็นเข้าก็น่าจะไม่เหลือความกล้าที่จะขยับมาขออาหารตรงหน้าประตูใหญ่อีกแล้ว

กู้ช่านไม่ได้รีบร้อนเคาะประตู

หลิ่วชื่อเฉิงกับไฉ่ป๋อฝูจึงได้แต่ยืนกินลมอยู่บนถนนตามไปด้วย

กู้ช่านเดินไปบนขั้นบันไดที่ไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ด ยื่นมือออกไปลูบห่วงเคาะประตูหัวสัตว์ แล้วพลันหยุดนิ้ว การกระทำชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือหัวสัตว์ลงรักที่มีเพียงตระกูลกงโหวเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ได้ กู้ช่านถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่ควรทำอะไรล้ำเส้นเช่นนี้เลย ต่อให้ในบ้านจะมีป้ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นหนึ่งคอยพิทักษ์ปกป้อง นี่จึงเป็นปัญหาไม่มาก และทางฝ่ายของจวนผู้ว่าในจังหวัดก็น่าจะได้รับข้อมูลลับมาจากที่ว่าการงานเตาเผาถึงได้ไม่ถือสาจวนหลังนี้ เพียงแต่เรื่องแบบนี้ก็ยังคงต้องบอกท่านแม่สักคำ ไม่จำเป็นต้องมือใหญ่ใจโตออกหน้าออกตาเช่นนี้ เพราะง่ายที่จะก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน

กู้ช่านจับห่วงหน้าประตูแล้วเคาะลงไป ถอยหลังไปหนึ่งก้าว คนเฝ้าประตูที่สวมเสื้อผ้าหรูหราคนหนึ่งมาเปิดประตูให้ พอเห็นกู้ช่านที่ใส่ชุดธรรมดาก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วถาม “เป็นลูกหลานบ้านใดในเมือง หรือว่าเป็นคนงานของที่ว่าการ?”

กู้ช่านอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย แล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสภาพของตัวเองในเวลานี้คงมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปหน่อย อีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่คนเก่าแก่ของเกาะชิงเสีย จำตนไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ปีนั้นท่านแม่ได้พาสาวใช้คนสนิทออกมาจากทะเลสาบซูเจี่ยนด้วย หลายปีมานี้ต่างก็ฝึกตนได้อย่างราบรื่น ทยอยกันกลายเป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลาง ขอบเขตไม่สูง แต่กลับไม่ต้องมาคอยสนใจเรื่องจุกจิกในจวน เกี่ยวกับการฝึกตนของพวกนาง กู้ช่านเคยเขียนจดหมายมาคุยกับท่านแม่นานแล้ว ในจดหมายมีคำชี้แนะอย่างละเอียด และยังช่วยเลือกสมบัติบนภูเขาให้หลายชิ้น พวกนางแค่ฝึกตน หลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิต ฝ่าทะลุขอบเขตไปตามขั้นตอนก็พอ

คนเฝ้าประตูกวาดตามองคนสองคนที่อยู่ด้านล่างขั้นบันไดเบื้องหลังบุรุษหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งคือบัณฑิตท่าทางอ่อนแอ อีกคนเป็นเด็กหนุ่มผมขาว พริบตาเดียวเขาก็คิดว่าตัวเองชั่งน้ำหนักกำลังทรัพย์ของทั้งสามคนได้แล้ว

บุรุษผู้เฝ้าประตูคือผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่ปิดบังฝีมือที่แท้จริงคนหนึ่ง ขอบเขตห้า เมื่ออยู่ในยุทธภพธรรมดาทั่วไปก็ถือว่าเป็นคนมีฝีมือดีคนหนึ่ง อยู่ในแคว้นเล็กๆ ใต้อาณัติแห่งใดก็ตาม คิดจะสร้างพรรคขึ้นเป็นของตนเองยังเหลือเฟือ มาทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตูปกป้องเรือนถือเป็นการลดฐานะแล้ว คาดว่าสาเหตุคงเป็นเพราะมีเงินก็จ้างผีให้โม่แป้งได้ หรือไม่ก็ไปก่อเรื่องเอาไว้จึงต้องมาหลบภัยอยู่ที่นี่ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย หวังปล่อยสายเบ็ดยาวเพื่อตกปลาตัวใหญ่ ไปสมคบคิดกับผู้ฝึกตนอิสระ ละโมบอยากครอบครองทรัพย์สมบัติอันอุดมสมบูรณ์ของเรือนโอ่อ่าหลังนี้ หลายปีมานี้กู้ช่านท่องอยู่ในยุทธภพมาจนชิน เคยเห็นพวกนักต้มตุ๋นที่ทำงานร่วมกันเป็นขบวนการมาไม่น้อย แล้วยังเคยจงใจจับตามองอยู่ไกลๆ ได้เห็นแผนเฟิง แผนเชวี่ย (เฟิงเหนี่ยวและเชวี่ยเหนี่ยวเป็นนกประเภทเดียวกัน ในสมัยโบราณเปรียบเปรยถึงการวางแผนต้มตุ๋นสองแบบ) สองครั้งกับตาตัวเอง ครอบครัวหนึ่งที่ร่ำรวยแต่ไร้คุณธรรมจึงต้องพินาศวอดวายทั้งอย่างนี้ กู้ช่านปรากฎตัวตอนที่โจรกลุ่มนั้นแบ่งทรัพย์สินกัน ขอความรู้ในด้านนี้จากพวกเขา อีกฝ่ายอึกๆ อักๆ พูดจาไม่ชัดเจนตรงไปตรงมา กู้ช่านจึงให้เจิงเย่ร่ายเวทเป็นนกพิราบที่ยึดรังนกกางเขน ดึงเอาความรู้ของพวกเขามาด้วยตัวเอง ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งมองดูแล้วขนบธรรมเนียมประจำครอบครัวน่าจะไม่เลว กู้ช่านจึงลงมือช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นภัย

กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ข้าชื่อกู้ช่าน ที่นี่คือบ้านของข้า”

บุรุษที่เป็นคนเฝ้าประตูเปลี่ยนสีหน้าในทันใด ก้มหัวค้อมเอวขยับถอยเปิดทางให้ “คารวะนายน้อย ข้าน้อยจะไปแจ้งฮูหยินเดี๋ยวนี้”

กู้ช่านเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป โบกมือเอ่ยว่า “ไม่ต้อง เดินแค่ไม่กี่ก้าว ไม่ต้องรบกวนเจ้า”

คนเฝ้าประตูคลี่ยิ้มใบหน้าประจบสอพลอ “เมื่อครู่ข้าน้อยแค่เห็นก็เกือบจะเข้าใจผิดคิดว่านายน้อยเป็นวิญญูชนเป็นอริยะปราชญ์แห่งสำนักศึกษาเสียแล้ว”

ชายคนเฝ้าประตูสืบจนรู้ถึงรากฐานของบ้านหลังนี้อย่างชัดเจนมานานแล้ว ประมุขของบ้านเป็นผู้ฝึกตน ออกเดินทางไกลหลายปียังไม่เคยกลับมา เรื่องนี้ทางจวนไม่มีคำบอกที่แน่ชัดนัก คาดว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจบอกกล่าวแก่ใครได้ นายน้อยคือเมล็ดพันธ์บัณฑิตที่ไปศึกษาอยู่ข้างนอก ดังนั้นจึงเหลือเพียงสตรีออกเรือนแล้วที่สวมใส่เครื่องประดับหยกทองเต็มตัว ดูแล้วมีเงินมีทองอย่างถึงที่สุดคอยดูแลบ้านเรือน ทุกครั้งที่ฮูหยินท่านนั้นพูดถึงบุตรชายล้วนมีท่าทางภาคภูมิใจไม่น้อย หากไม่เป็นเพราะสาวใช้คนสนิทสองคนข้างกายสตรีเป็นถึงผู้ฝึกลมปราณที่ฝึกตนประสบความสำเร็จ ป่านนี้พวกเขาก็คงลงมือไปนานแล้ว เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ต้องใช้กี่ชาติถึงจะหมด ดังนั้นหนึ่งปีมานี้พวกเขาจึงตั้งใจรวบรวมพรรคพวกมาเพิ่มมากขึ้น และให้เขาทุ่มเทความคิดจิตใจกับสาวใช้คนหนึ่งในนั้นให้มากหน่อย

กู้ช่านยิ้มเอ่ย “สายตาดี”

หลิ่วชื่อเฉิงพยักหน้ารับ “ดีมากจริงๆ”

ไฉ่ป๋อฝูชำเลืองตามองผู้ฝึกยุทธคนนั้น น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ เส้นทางหาเงินมีมากมายขนาดนั้นไม่เลือกเดิน ดันพุ่งเอาหัวมาโหม่งชนครอบครัวนี้เสียได้ จิ้งจอกฝูงหนึ่งที่คิดว่าตัวเองฉลาด บุกเข้าไปกระโดดโลดเต้นอย่างลิงโลดในบ่อมังกรถ้ำพยัคฆ์ ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร

หลิ่วชื่อเฉิงเอาฝ่ามือข้างหนึ่งกดหัวไฉ่ป๋อฝู “น้องหลงป๋อ เป็นอะไรไป? ไม่พูดไม่จาสักคำ หรือคิดว่านายน้อยกู้ของพวกเราไม่เหมาะจะเป็นนักปราชญ์เป็นวิญญูชน?”

ไฉ่ป๋อฝูเหมือนถูกห้าอสนีผ่าลงหัว ช่องโพรงลมปราณที่สำคัญแต่ละจุดสั่นสะเทือน กว่าจะสร้างความมั่นคงให้ขอบเขตประตูมังกรได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลานี้ยังมาเจออันตรายล่อแหลมเต็มที! ไฉ่ป๋อฝูจึงรีบเอ่ยว่า “นายน้อยกู้คู่ควร คู่ควรอยู่แล้ว”

คนชั่วทั่วไป ก่อนจะลงมือมักจะข่มขู่คนอื่นอย่างดุดันก่อนสักสองสามคำ ทว่าผู้อาวุโสที่นิสัยประหลาดข้างกายผู้นี้กลับลงมือก่อนแล้วค่อยอธิบายเหตุผล

แต่อยู่ด้วยกันนานวันเข้า จิตที่มุ่งไปสู่มรรคาของไฉ่ป๋อฝูก็ยิ่งยืนหยัดหนักแน่น ตนจะต้องกลายเป็นลูกศิษย์ทำเนียบวงศ์ตระกูลของนครจักรพรรดิขาวทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางให้จงได้

คนเฝ้าประตูปิดประตู แล้วพลันรู้สึกได้ว่าหลังคอเย็นวาบ ที่แท้กู้ช่านที่เรือนกายสูงเพรียวก็ยื่นมือมากุมคอของคนผู้นี้เอาไว้ เขากดหัวของฝ่ายหลังไว้กับประตูใหญ่ ระหว่างร่องนิ้วทั้งห้าของกู้ช่านมีเลือดซึมออกมาแล้ว มากพอจะเห็นได้ชัดว่าเขาลงมืออำมหิตเพียงใด เขาเอ่ยถามเบาๆ ว่า “ปิดประตูแล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าคนนอกจะเห็นเรื่องตลก ว่ามาเถอะ ทั้งในและนอกจวนรวมแล้วมีกี่คน? คนที่ขอบเขตสูงที่สุดเป็นเทพเซียนจากฝ่ายใด?”

กู้ช่านพลันปล่อยมือ หันตัวกลับมา ยิ้มมองไปยังทิศไกล ทิ้งผู้ฝึกยุทธไว้ด้านหลังตัวเองทั้งอย่างนั้น

สตรีออกเรือนแล้วคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มาหา หลายครั้งที่สะดุดชายกระโปรงของตัวเอง ได้เห็นกู้ช่านที่ไม่เจอกันมานานหลายปี น้ำตาร้อนๆ พลันเอ่อคลอดวงตาของนาง

ใช้ชีวิตอย่างลำบากยากแค้น พยายามหาเงินมาเพื่อเสวยสุข สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ล้วนทำไปเพราะเจ้าตะพาบน้อยใจดำที่ดีแต่จะส่งจดหมายกลับมาบ้านตรงหน้าผู้นี้

กู้ช่านก้าวเร็วๆ เข้าไปหา สตรีโอบกอดบุตรชายตัวเองเอาไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น กู้ช่านตบหลังมารดาเบาๆ สีหน้าเป็นปกติ ยิ้มมองไปยังสาวใช้สองคนที่ความรุ่งโรจน์มีเกียรติล้วนได้มาจากเขากู้ช่าน

หญิงสาวสองคนนั้นเพียงแค่สบตากับกู้ช่านก็รีบก้มหน้าลงต่ำ มือเท้าเย็นเฉียบ รู้สึกเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง

สตรีออกเรือนแล้วปล่อยกู้ช่าน เช็ดน้ำตา เริ่มมองประเมินบุตรชายของตนอย่างละเอียด ตอนแรกก็ยังปลาบปลื้มดีใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดว่ากู้ช่านอยู่คนเดียวข้างนอกต้องเจอกับความยากลำบากมามากเพียงไรอีกหรือไม่ สตรีถึงได้ยกมืออุดปากร้องสะอึกสะอื้นอีกครั้ง ในใจตำหนิตัวเอง ตำหนิบุรุษที่พอตายเป็นผีอยู่ดีๆ ก็ได้กลายเป็นเทพภูเขาใหญ่คนนั้น ตำหนิเฉินผิงอันที่ทิ้งกู้ช่านไว้คนเดียว แล้วยังสังหารถานเซวี่ย ตำหนิสวรรค์ที่ไม่มีตา เหตุใดถึงต้องให้กู้ช่านพบเจอกับความลำบากยากแค้นเช่นนี้ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!