กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 659

ชุยฉานปัดสองนิ้วออกไปเบาๆ ราวกับว่าปัดเส้นสายเหล่านั้นออกไปให้สะอาด

หลินโส่วอีนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้ ใกล้เพียงเบื้องหน้า ยังไงก็ต้องจัดการแต่ละเรื่องให้ดี”

แล้วหลินโส่วอีก็ถอนหายใจ “วันหน้าก็ยุ่งให้น้อยลง”

ชุยฉานยิ้มอย่างเข้าใจ “ไม่เสียแรงที่พ่อของเจ้างอแงขอให้ข้าตั้งชื่อดีๆ นี้ให้แก่เจ้า”

หลินโส่วอีพลันหยุดเดิน ประสานมือคารวะอีกครั้ง เขาปลุกความกล้าให้ตัวเอง ถามเสียงสั่น “ขอถามอาจารย์ลุงสักคำ เหตุใดปีนั้นถึงได้นิ่งดูดาย ปล่อยให้อาจารย์กระโจนเข้าหาความตายเพียงลำพัง?”

คำถามนี้อัดอั้นอยู่ในใจของหลินโส่วอีมานานมากแล้ว หากไม่ถามเขาต้องอึดอัดตายเป็นแน่

ต่อให้จะทำให้ใต้เท้าราชครูที่ไม่ยอมรับสถานะของอาจารย์ลุงผู้นี้เดือดดาล วันนี้หลินโส่วอีก็จะยังต้องถามให้รู้เรื่อง!

ชุยฉานไม่ถือสา เห็นได้ชัดว่าไม่โกรธเคืองกับการไม่รู้จักกลัวตายของคนหนุ่มผู้นี้ กลับกันยังรู้สึกปลาบปลื้มไม่น้อย เขาเอ่ยว่า “หากใช้เหตุผลข้อใหญ่แล้วไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใหญ่ ถ้าอย่างนั้นคุณค่าของมันจะอยู่ที่ใด? หากไม่ว่าใครก็ใช้เหตุผลไม่ได้ แล้วความหมายในการเรียนหนังสือจะอยู่ที่ใด? ไม่เกี่ยงงอนในเรื่องที่ควรกระทำ เรื่องโง่ๆ เช่นนี้ หากไม่เรียนหนังสือก็ยากที่จะทำได้มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ว่าตำราแบ่งออกเป็นในและนอก การอบรมให้ความรู้ของลัทธิขงจื๊อ มีแห่งหนใดบ้างที่ไม่ใช่ตำราอริยะปราชญ์แต่ละเล่มที่วางกางออก”

ชุยฉานตบไหล่ของคนหนุ่มเบาๆ ยิ้มเอ่ย “ดังนั้นคนเรามีชีวิตอยู่บนโลกต้องด่าพวกบัณฑิตครึ่งๆ กลางๆ ให้มาก ด่าตำราอริยะปราชญ์ให้น้อย”

ชุยฉานกวาดตามองรอบด้าน “ในอดีตตอนเดินทางไปศึกษาต่อ ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อบิดานั้นย่ำแย่มาก ตอนนั้นเฉินผิงอันที่เดินทางร่วมกับเจ้าก็ได้จดจำไว้ในใจมานานแล้ว ดังนั้นต่อให้ภายหลังเฉินผิงอันจะมีความกล้ามากพอไปเปิดบัญชีเก่า แล้วก็เปิดเจอปฏิทินเหลืองมากมายที่เกี่ยวกับตระกูลหม่าของตรอกซิ่งฮวา ทว่ากลับมาหยุดชะงักค้างอยู่กับใต้เท้าหลินแห่งที่ว่าการงานเตาเผา นั่นก็เป็นเพราะว่าเชื่อมั่นในตัวเจ้า กลัวว่าข่าวลือพวกนั้นจะเชื่อไม่ได้ ยิ่งไม่เชื่อใจคนที่เขาไม่เคยพบเห็นกับตาตัวเองมาก่อน กลัวที่สุดก็คือหากสุดท้ายความจริงเปิดเผยจะทำร้ายให้สหายอย่างหลินโส่วอีเจ็บปวดหลั่งเลือด นี่เรียกว่าโดนงูกัดครั้งหนึ่งกลัวเชือกไปสิบปี เจอกับความยากลำบากที่ทะเลสาบซูเจี่ยนมาก่อน จึงไม่คิดอยากจะมาเจอซ้ำที่บ้านเกิดอีก”

ชุยฉานยิ้มเอ่ย “แม้เฉินผิงอันจะคิดไปคนละทาง แต่กลับถือเป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเขา หากคิดเอาจริงขึ้นมา ต่อให้สืบเจอความจริงแล้วจะโล่งอก เพราะสามารถอ้อมผ่านเจ้าและบิดาของเจ้าไปได้อย่างราบรื่น แต่ภูเขาลั่วพั่วกลับจะต้องพุ่งชนกับสกุลซ่งต้าหลีจนหัวร้างข้างแตกไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาจะยังต้องอยู่ที่บ้านเกิดเพื่อสืบเรื่องนี้ต่ออย่างแน่นอน เมื่อรอบกายมีแต่ศัตรู พลังชีวิตต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวง ก็ย่อมไม่ได้ไปเป็นใต้เท้าอิ่นกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่ สกุลสวี่นครลมเย็นและกองกำลังมากมายรวมถึงภูเขาตะวันเที่ยงเป็นหนึ่งในนั้นจะต้องขว้างหินซ้ำเติมภูเขาลั่วพั่วอย่างไม่ออมแรงแน่”

ชุยฉานเอ่ย “ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องกลับไปที่สำนักศึกษา ลองไปถามพวกหลี่เป่าผิง หลี่ไหวดูก่อนว่าพวกเขามีใครยังเก็บตัวอักษรฉีเอาไว้บ้าง บวกกับของเจ้าเองด้วย รวบรวมเอามาไว้ด้วยกัน จากนั้นเจ้าก็ไปหาชุยตงซาน มอบตัวอักษร ‘ฉี’ ทั้งหมดให้กับเขา เสร็จแล้วเจ้าก็ไปทะเลสาบซูเจี่ยน ไปเก็บเอาแผ่นไม้ไผ่ที่เฉินผิงอันโยนลงทะเลสาบกลับมา”

หลินโส่วอีไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้ารับตอบตกลง

ชุยฉานแหงนหน้ามองแสงกระบี่ยิ่งใหญ่ที่พุ่งวาบแล้วก็หายไป เชิญเทพมาง่าย ส่งเทพกลับไปยาก ในที่สุดก็ไปได้เสียที

……

เรื่องการขุดเจาะลำน้ำใหญ่ของราชวงศ์ต้าหลีได้เริ่มมีการขุดดินก่อสร้างอย่างว่องไวราวกับไฟลามทุ่ง

กวนอี้หรานลูกหลานชนชั้นสูงกับหลิวสวินเหม่ยลูกหลานเมล็ดพันธ์แม่ทัพพลันกลายมาเป็นบุคคลชั้นสูงที่มีอำนาจบารมีกลุ่มใหม่ล่าสุดของต้าหลี

ส่วนหลิ่วชิวเฟิงอดีตเจ้าเมืองแคว้นชิงหลวนที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาคนนั้น หลังจากความครึกครื้นในวงการขุนนางเมืองหลวงต้าหลีผ่านพ้นไป บวกกับการจงใจวางแผนของคนเบื้องหลังบางส่วน เพียงไม่นานหลิ่วชิงเฟิงก็ไม่เหลือจุดที่ทำให้ผู้คนสนใจจะสืบเสาะอีก

มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลปัญญาชนในแคว้นเล็กๆ อันห่างไกล ไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณอะไรจริงๆ ถูกกำหนดมาแล้วว่าชีวิตจะไม่มีทางยืนยาว ผลงานในอดีตยามอยู่แคว้นชิงหลวนนับว่าพอใช้ได้ เพียงแต่ว่าชื่อเสียงฉาวโฉ่ ดังนั้นเมื่อมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้จึงพอจะมีอนาคต แต่ยากที่อนาคตจะราบรื่นยาวไกล เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีชาติกำเนิดมาจากขุนนางต้าหลี ส่วนข้อที่ว่าเหตุใดถึงสามารถเดินขึ้นฟ้าในก้าวเดียว มีบารมีอำนาจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก็มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ เมืองหลวงต้าหลีมีคนเคยคาดเดาว่าคนผู้นี้คือหุ่นเชิดที่สกุลเจียงอวิ๋นหลินประคับประคองขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรทางเข้าที่ลำน้ำใหญ่สายใหม่จะไหลลงสู่มหาสมุทรก็อยู่ตรงหน้าประตูบ้านของสกุลเจียงพอดี

เด็กหนุ่มชุดขาวหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งนั่งยองอยู่ระหว่างคันนา มองการแย่งน้ำทำนาของตระกูลหนึ่งในพื้นที่ที่อยู่ห่างไปไกลอย่างสนุกสนาน ข้างกายมีเด็กน้อยผอมอ่อนแอสีหน้าทึ่มทื่อนั่งอยู่

หลิ่วชิงเฟิงนั่งอยู่บนคันนา หวังอี้ฝู่องค์รักษ์และเด็กหนุ่มหลิ่วซัวยืนอยู่ห่างไปไกล หลิ่วซัวไม่ค่อยกลัวเด็กหนุ่มประหลาดที่ในอดีตเคยเจอกันมาก่อนสักเท่าไรแล้ว เพราะนอกจากสมองจะผิดปกติ เรื่องอื่นก็ไม่มีค่าพอให้พูดถึง ทว่าหวังอี้ฝู๋กลับเตือนหลิ่วซัวว่าทางที่ดีที่สุดอย่าเข้าไปใกล้ ‘เด็กหนุ่ม’ คนนั้น

หลิ่วชิงเฟิงหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่คาบต้นหญ้าไว้ในปาก ถามว่า “การขุดเจาะลำน้ำใหญ่ เรื่องน้อยใหญ่ทั้งหลายก็แค่ทำไปตามลำดับขั้นตอนเท่านั้น อาจารย์ชุยน่าจะไม่จำเป็นต้องมาจับตามองอยู่ที่นี่”

ชุยตงซานยังคงมองทางฝั่งนั้นที่ตีกันเจ้าหนึ่งจอบข้าหนึ่งคานหาบ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายประมือกัน พวกหลานๆ ทั้งหลายตีกันเอาจริงเอาจังอย่างมาก ตีกันเสร็จแล้วก็ยังเป็นญาติกันอยู่เหมือนเดิม ไม่แน่ว่าอาจจะควักเงินจ่ายค่ายาให้อีกฝ่ายด้วยความจริงใจอีกด้วย

ได้ยินคำถามของหลิ่วชิงเฟิง ชุยตงซานที่ตาจ้องมองภาพนั้นไม่กะพริบก็เอ่ยอย่างขอไปทีว่า “ลำน้ำใหญ่มีชื่อว่าฉี นี่ก็คือเหตุผล”

หลิ่วชิงเฟิงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม แสดงให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว

รถม้าคันหนึ่งมาจอดลงบนทางเล็กๆ ในชนบท หลี่เป่าเจินเดินลงมาจากห้องโดยสารรถม้า พอเดินมาถึงตรงนี้ก็ประสานมือคารวะ “อาจารย์ชุย”

ชุยตงซานไม่ได้สนใจเขา

หลี่เป่าเจินยืดตัวขึ้นแล้วก็มองไปทางหลิ่วชิงเฟิง ยิ้มกล่าว “อาจารย์หลิ่ว”

หลิ่วชิงเฟิงยิ้มพลางผายมือบอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายนั่งลง

หลี่เป่าเจินจึงนั่งลงข้างกายหลิ่วชิงเฟิง

ชุยตงซานหันหน้ามาเอ่ยสัพยอก “พบหน้าเอ่ยคำว่าลำบาก ล้วนเป็นคนในยุทธภพ”

“ไม่กวนเวลาถามไถ่ทักทายของพวกเจ้าสองคนแล้ว ข้าไปหาเรื่องสนุกทำดีกว่า” ชุยตงซานลุกขึ้นยืน หิ้วคอเสื้อของเด็กน้อยข้างกายทะยานลมจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!