กระโจมเจี่ยเซิน ผู้ฝึกกระบี่อวี่ซื่อ ในเนื้อหาของรายงานลับของทางฝั่งตำหนักหลบร้อน เมื่อเทียบกับของจู๋เชี่ยและของหลิวป๋ายแล้ว รายละเอียดกลับมีเยอะยิ่งกว่า
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตชื่อว่า ‘น้ำตก’
หลังจากที่อวี่ซื่อเรียกกระบี่บินออกมา ก็เหมือนเขาได้สวมใส่ผ้าบุนวมตัวหนาในช่วงเวลาที่อากาศหนาวเหน็บพอดี
ดังนั้นต่อให้จะถูกกระบี่บินที่ตัดสลับบินฉวัดเฉวียนอย่างกำเริบเสิบสานพวกนั้นกักตัวเอาไว้ แต่กลับยังพอจะประคับประคองตนต่อไปได้
ถ้าหากหลิวป๋ายเปลี่ยนตำแหน่งกับอวี่ซื่อ ป่านนี้หลิวป๋ายก็น่าจะตายไปแล้ว
วิชาอภินิหารของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มของเฉินผิงอันสามารถสยบกำราบกระบี่บินที่แปลกประหลาดของหลิวป๋ายได้พอดี
น่าเสียดายก็แต่ไม่มี ‘ถ้าหากที่ดี’ แบบนี้ ศึกในวันนี้ส่วนใหญ่แล้วมีแต่เรื่องไม่คาดฝันและหนึ่งในหมื่นที่ไม่ดีทั้งนั้น
สมบัติล้ำค่าสามชิ้นของผู้ฝึกยุทธโหวขุยเหวินถูกคนเล่นตุกติกมาก่อน การลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวของผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่ม ความอำมหิตที่หลิวป๋ายผู้เป็นสตรีมีต่อสหายร่วมรบ…
ส่วนในฟ้าดินขนาดเล็กบ้านของตน วิชาอภินิหารพับขุนเขาสายน้ำเหมือนพับกระดาษ ได้แรงจูงใจมาจากเมื่อครั้งที่เฉินผิงอันได้เห็นภาพบรรยากาศประหลาดยามอาจารย์เหมาตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมในเมืองหลวงต้าสุย
น่าเสียดายก็แต่เฉินผิงอันยังไม่สามารถควบคุมอย่างถนัดมือได้อย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นการฝืนฝ่าค่ายกลของหลีเจินและจู๋เชี่ยคงอยู่ไกลเกินกว่าที่จะทำได้สำเร็จในเวลาหนึ่งก้านธูป เพราะกระบี่บิน ‘นกในกรง’ ไม่ใช่ค่ายกลภูเขาสายน้ำที่เป็นของไร้ชีวิต เมื่อเทียบกับสำนักศึกษา วัดวาอารามเต๋าหรือซากปรักสนามรบที่อริยะเฝ้าพิทักษ์แล้ว ก็ยังมีความแตกต่าง อาณาเขตขุนเขาสายน้ำที่ฝ่ายหลังเฝ้าพิทักษ์แทบจะมั่นคงแน่นอน แต่นกในกรงที่เฉินผิงอันสร้างขึ้นมานี้กลับเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าเดินผ่านที่ใดก็ล้วนเป็นฟ้าดิน ขณะเดียวกันก็ยังมีสาเหตุมาจากการที่เฉินผิงอันเป็นอิ่นกวาน จึงไม่สามารถตั้งใจฝึกตนหลอมกระบี่ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย ไม่อย่างนั้นการแบ่งระดับชั้นของฟ้าดินกรงในกรงประเภทนี้ จะยิ่งราบรื่นเป็นไปตามใจปรารถนา รัดกุมแน่นหนาจนน้ำสักหยดก็ไหลออกไปไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องราวบนโลกก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่มีใครที่ได้เปรียบไปเสียทั้งหมด
หากไม่ได้เป็นอิ่นกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เฉินผิงอันก็ไม่มีทางหลอมกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่ ‘สอดคล้องกับมหามรรคา’ ของกำแพงเมืองปราณกระบี่สองเล่มนี้ออกมาได้
ตอนนี้อวี่ซื่อยังสามารถรักษาชีวิตรอดเอาไว้ได้ก็จริง แต่ต้องไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน
นอกจากอิ่นกวานหนุ่มจะใช้กระบี่บินสังหารศัตรูแล้ว เมื่ออยู่ในสถานที่ไร้กฎเกณฑ์ที่สยบกำราบกระบี่บินของอีกฝ่าย แต่กระบี่บินของตัวเองกลับโคจรได้อย่างราบรื่นว่องไวแห่งนี้ เขายังออกหมัดด้วยสถานะของผู้ฝึกยุทธ สองมือถือมีด คอยปรากฏตัวอย่างลึกลับอีกด้วย
เลือดเนื้อบนใบหน้าของอวี่ซื่อถูกเฉินผิงอันใช้มีดเฉือนออกไปก้อนใหญ่ บนร่างก็ยิ่งเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ
โชคดีที่ทั้งไม่มีปราณกระบี่ขดตัวอยู่ในช่องโพรงลมปราณสำคัญ แล้วก็ไม่มีพายุลมกรดที่สะเทือนช่องโพรงลมปราณ ถึงอย่างไรอวี่ซื่อก็มีเรือนกายของผู้ฝึกกระบี่ จึงยังไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงจนถึงชีวิต
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับมาดสง่างามดุจต้นไม้หยกรับลมตอนที่อวี่ซื่อปรากฎตัวครั้งแรกก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว
ทันใดนั้นก็มีกระบี่หนึ่งแหวกม่านฟ้าออกมา
กระบี่ยาวถูกส่งออกไปนอกฟ้าดิน จู๋เชี่ยอาศัยปณิธานกระบี่เป็นเส้นๆ ที่หลงเหลืออยู่ตามมาจนพบที่แห่งนี้
ร่างของเฉินผิงอันหายวับไป โคจรฟ้าดิน เดิมทีเขาก็กำลังรอกระบี่นี้อยู่ ถึงได้จงใจทิ้งปณิธานกระบี่น้อยนิดนั่นเอาไว้
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของหลิวป๋ายยากที่จะตามหาร่องรอยได้พบ ทว่าปณิธานกระบี่ของจู๋เชี่ยที่ปรากฏอยู่ในสายตาเฉินผิงอันกลับไม่ต่างจากแสงหิ่งห้อยในม่านราตรีที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดเลยแม้แต่น้อย
เฉินผิงอันไม่อาจเล่นงานอวี่ซื่อที่มีปราณกระบี่บินน้ำตกคอยปกป้องคุ้มกันกายได้ เขาจึงพลิกกลับฟ้าดิน ให้อวี่ซื่อที่กำลังง่วนอยู่กับการต้านทาน ‘จันทร์ใต้บ่อ’ กระบี่บินที่เพิ่มมาร้อยเล่มพุ่งไปอยู่ในตำแหน่งที่แสงกระบี่เส้นนั้นฟันลงมาพอดี
จู๋เชี่ยใช้เสียงในใจเอ่ยเตือน “อวี่ซื่อ!”
จู๋เชี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น ด้วยไม่อยากเปิดเผยความลับทางฝั่งพวกเขา
ต้องดูที่ความรู้ใจกันระหว่างพวกเขาแล้ว
อวี่ซื่อไม่ทำให้จู๋เชี่ยผิดหวัง เขายื่นมือไปคว้าแสงกระบี่เส้นนั้นเอาไว้
แล้วแสงกระบี่ก็พลันคดงอเหมือนเชือกเส้นหนึ่ง จู๋เชี่ยใช้จิตบังคับปณิธานกระบี่แล้วกระชากมันขึ้นมา หมายจะลากอวี่ซื่อที่กำแสงกระบี่เส้นนี้ไว้แน่นให้ออกไปจากฟ้าดินขนาดเล็กที่คล้ายกรงขังขนาดใหญ่แห่งนี้
เพื่อป้องกันไม่ให้เฉินผิงอันฉวยโอกาสนี้ลงมือ หลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นว่าช่วยคนไม่สำเร็จแล้วยังถูกเฉินผิงอันลอบฆ่าอวี่ซื่อที่ทิ้งร่องรอยการหลบหนีให้ตามเจอได้อีก หลิวป๋ายไม่จำเป็นต้องให้จู๋เชี่ยเอ่ยเตือน ก็เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่ราวกับว่าไม่ได้ดำรงอยู่บนโลกเล่มนั้นออกมา
ขณะที่จู๋เชี่ยออกกระบี่ก็ได้มายืนอยู่ตรงหัวไหล่ของกายธรรมเทพหญิง
เฉินผิงอันถอนหายใจนิดๆ ปล่อยให้จู๋เชี่ยช่วยอวี่ซื่อกลับไป ส่วนเขาจะฆ่าเด็กหนุ่ม เดิมทีเรื่องพวกนี้ต้องไม่ถ่วงเวลากันและกัน
เจ้าช่วยคนของพวกเจ้าไป ข้าก็ฆ่าคนของพวกเจ้า ทำการค้าต้องยึดหลักยุติธรรม
ในเมื่อจู๋เชี่ยคาดการณ์ได้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ถอยมาเลือกลำดับรอง
ชูอี สืออู่ที่เดินทางข้ามผ่านพันภูเขาหมื่นแม่น้ำมาพร้อมกับเฉินผิงอัน ในที่สุดก็เผยกายบนโลกพร้อมกัน
จากนั้นด้านหลังเทพหญิงก็พลันมีกายธรรมชุดเขียวที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าภูเขาปรากฎขึ้นมา นิ้วทั้งสิบของสองมือประสานกันเป็นหมัดแล้วทุบใส่หัวของนางโดยตรง
จู๋เชี่ยที่ถือกระบี่ไว้ในมือปาดกระบี่ขึ้นไปบนฟ้า
แสงกระบี่จันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง พุ่งเข้าฟาดฟันสองมือที่กำเป็นหมัดของกายธรรมเฉินผิงอันให้ขาด
ในเมื่อสังหารจุดอ่อนของพวกผู้ฝึกกระบี่ที่มาล้อมฆ่าไม่สำเร็จ
ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะมอบเรื่องไม่คาดฝันให้อีกฝ่าย สังหารคนที่แข็งแกร่งที่สุด
เฉินผิงอันบังคับสับเปลี่ยนความหนาบางของฟ้าดิน ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในขุนเขาสายน้ำที่พับได้ ใช้ความเร็วที่มากกว่าการชักนำจากซงเจินไฮเหลยบวกกับยันต์ย่อพื้นที่มาโผล่อยู่ด้านหลังของจู๋เชี่ยในเสี้ยววินาที
จู๋เชี่ยถูกคนต่อยเข้าที่หัวใจด้านหลัง ร่างทั้งร่างจึงพลัดตกลงจากไหล่ของกายธรรมเทพหญิง ไปหล่นกระแทกกลางหลุมใหญ่ที่ห่างไปไกล
ส่วนเฉินผิงอันก็ถูกจู๋เชี่ยพลิกมือกลับจ้วงแทงกระบี่เข้าใส่ ตรงหน้าท้องจึงรับกระบี่ของอีกฝ่ายไปอย่างจัง จู๋เชี่ยสามารถหลบได้แต่กลับไม่หลบ เห็นได้ชัดว่าต้องการแลกเปลี่ยนอาการบาดเจ็บกับเฉินผิงอัน
ชูอีกับสืออู่กำลังพุ่งชนเข้ากับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของหลิวป๋ายไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว
วิธีการของเฉินผิงอันไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ระหว่างฟ้าดินพลันปรากฏแม่น้ำยาวจากยันต์ขึ้นมาสองสาย ส่องแสงสีทองอร่ามเป็นประกาย พากันซัดกรากเข้าหาอวี่ซื่ออย่างดุดัน
ต่อให้จะถูกหนึ่งหมัดต่อยจนกระเด็นออกไป จู๋เชี่ยก็ยังดึงแสงกระบี่เส้นนั้นเอาไว้ ทำให้กลางอากาศถูกวาดเป็นวงโค้งขนาดใหญ่ พยายามจะกระชากอวี่ซื่อมาหาตน
ส่วนหลิวป๋ายนั้นจับไหล่จวินทาน บังคับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตให้ขัดขวางชูอีสืออู่ต่อไป ส่วนนางพาจวินทานขี่กระบี่ขยับห่างออกไป จะไม่ยอมให้โอกาสเฉินผิงอันได้เข้ามาต่อสู้ประชิดตัวเด็ดขาด
แล้วก็จริงดังคาด อิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นตามอวี่ซื่อไปติดๆ
ทว่าอวี่ซื่อกลับคำรามอย่างเดือดดาล “หลิวป๋าย!”
หัวสมองของสตรีผู้ฝึกกระบี่ว่างเปล่าขาวโพลน อาศัยสัญชาตญาณโยนเด็กหนุ่มจวินทานที่อยู่ในมือออกไป นางเตรียมจะระเบิดโอสถทองแล้วค่อยบังคับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตให้แทงเข้าที่หัวใจตัวเอง หวังว่าจะฆ่าตัวเองก่อนแล้วค่อยสังหารอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้น
แต่อีกฝ่ายกลับใช้ห้านิ้วกุมลำคอของนางเอาไว้แน่น กระชากไปด้านหลัง พานางออกห่างมาจากตำแหน่งเดิม จากนั้นเฉินผิงอันก็บิดข้อมือแรงๆ หักคอของหลิวป๋าย
ยิ่งใช้หนึ่งหมัดต่อยเข้าที่กระดูกสันหลังของหลิวป๋ายเต็มแรง พายุหมัดกระเทือนแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย ซัดทำลายลมปราณของหลิวป๋ายให้แหลกสลาย แม้แต่ความคิดจิตใจก็ติดร่างแหไปด้วย กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่เดิมทีนางบังคับให้บินมาตามทิศทางเดิมจึงเกิดหยุดชะงักไปเสี้ยวเวลาหนึ่ง
เฉินผิงอันกำลังจะต่อยซ้ำอีกที พยายามจะต่อยทะลุทั้งแผ่นหลังของหลิวป๋ายไปให้ได้ ไม่เพียงแต่จะกระเทือนทั้งกระดูกสันหลังและโอสถทองของอีกฝ่ายให้แหลกสลายคาที่ ยังจะสะบั้นสะพานแห่งความเป็นอมตะของนางให้ขาดอย่างสิ้นเชิงด้วย
คิดไม่ถึงว่าหน้าผากของเฉินผิงอันจะเหมือนถูกค้อนทุบอย่างแรง ร่างถูกบีบให้ต้องหายตัวไป
แม้ว่าเรือนกายที่เป็นเลือดเนื้อของหลิวป๋ายจะถูกทำลาย แต่ถึงอย่างไรก็พอจะปกป้องรากฐานมหามรรคาครึ่งหนึ่งเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าหากคิดจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน โดยเฉพาะขอบเขตเซียนเหริน ชีวิตนี้ความหวังคงพร่าเลือนเต็มที ยากที่จะเดินขึ้นฟ้าได้อีกแล้ว
เฉินผิงอันชำเลืองตามองบริเวณใกล้เคียงกับหน้าผากของสตรีผู้นั้นแวบหนึ่ง
เป็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่แอบทิ้งยันต์แผ่นหนึ่งไว้บนร่างของสตรี
เพื่อร่ายยันต์ช่วยชีวิตแผ่นนั้น เด็กหนุ่มที่เดิมทีก็บาดเจ็บอยู่แล้วยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิม กระอักเลือดไม่หยุด คราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า เส้นสายตาพร่าเลือน แต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็พยายามฝืนยกมือขึ้นกวัก เรียกให้โอสถทองและวิญญาณของสตรีที่ถูกยันต์ห่อหุ้มไว้มาหา ก่อนจะถูกเด็กหนุ่มเก็บไว้ในชายแขนเสื้อ ทำทุกอย่างนี้เสร็จ จวินทานก็แทบจะหมดสติไป ฝืนประคองสติเสี้ยวสุดท้ายที่เหลืออยู่ เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเก็บเอาเรือนกายของพี่หญิงหลิวป๋ายมาให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!