ทว่าขู่เซี่ยกลับไม่ขยับเท้า เขามองไปยังประตูใหญ่ของเรือนเซียนปลูกอวี๋ ถามว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานรู้ประวัติความเป็นมาของชื่อเรือนหลังนี้ไหม?”
เฉินผิงอันเอ่ย “ไม่รู้แน่ชัด”
อันที่จริงตลอดหลายปีที่เฉินผิงอันเป็นอิ่นกวานมานี้ เขาชอบไปค้นหาเปิดอ่านเอกสารลับมากมายที่ฝุ่นจับหนาชั้นอยู่ในคฤหาสน์หลบร้อนมากที่สุด เพื่อใช้เป็นเรื่องผ่อนคลายยามแอบปลีกตัวมาจากงานที่วุ่นวาย
อดีตเจ้าของคนก่อนที่เปลี่ยนชื่อจวนส่วนตัวแห่งนี้ว่าเรือนเซียนปลูกอวี๋คือสตรีท่านหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นเซียนกระบี่ในท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายของฝ่ายบุ๋นอย่างที่หาได้ยากในกำแพงเมืองปราณกระบี่ นางเองก็เหมือนกับกวอเจี้ยที่ชอบปลูกดอกไม้พืชพรรณตระกูลเซียน เคยไหว้วานให้ภูเขาห้อยหัวซื้อต้นอวี๋ต้นหนึ่งมาจากฝูเหยาทวีป ย้ายมาปลูกในลานขนาดเล็ก ต้นอวี๋นั้นเจริญงอกงาม ออกดอกสูงชะลูดเหนือหลังคา ทำให้เซียนกระบี่เกิดความชื่นชอบ จึงเปลี่ยนชื่อจวน เพียงแต่ว่าพอเซียนกระบี่ตายไป อีกทั้งยังไร้ลูกศิษย์ จึงไม่มีคนไปทำความสะอาดเรือนหลังนี้มานานหลายปีแล้ว และเรือนเซียนปลูกอวี๋หลังนี้ยังมีตราผนึกตระกูลเซียนอยู่อีกชั้นหนึ่ง คนนอกจึงไม่คิดจะบุกเข้าไปเองโดยพลการ ดังนั้นสภาพของจวนหลังนี้ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ต้นอวี๋ต้นนั้นจะตายหรือยังงอกงาม ดอกไม้ยังผลิบานหรือร่วงโรย ไม่มีใครรู้ได้
ขู่เซี่ยเอ่ย “ครั้งแรกที่ข้ากับสหายเดินทางมาท่องเที่ยวที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ สหายของข้าหลงรักลูกศิษย์คนหนึ่งของเซียนกระบี่ท่านนี้ เพียงแต่ว่ากฎเกณฑ์มิอาจเปลี่ยนแปลง คนทั้งสองจึงไม่อาจเป็นคู่รักเทพเซียนกันได้”
เฉินผิงอันกล่าว “หากสหายของท่านยอมอยู่ต่อก็ไม่ได้กลายเป็นคู่รักกันแล้วหรอกหรือ?”
สีหน้าของขู่เซี่ยยิ่งขมขื่น เขาเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ผู้ฝึกกระบี่ของใต้หล้าไพศาลพวกเราจะมีสักกี่คนที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระไร้พันธนาการ? ต่อให้ตอนแรกใช่ ก็เหมือนกับเติ้งเหลียงแห่งธวัลทวีปนั่นแหละ สุดท้ายก็ยังถูกศาลบรรพจารย์ของสำนักใหญ่รับตัวไปอยู่ดี แล้วนับประสาอะไรกับที่นับแต่เด็กมาสหายของข้าก็เป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่ถูกฝากความหวังไว้สูง บุญคุณยิ่งใหญ่ของสำนัก นึกจะตัดขาดก็ตัดขาดเลยได้อย่างไร? อีกทั้งในสำนักยังมีผู้อาวุโสที่สหายของข้าให้ความเคารพอย่างถึงที่สุดอยู่ด้วย”
เฉินผิงอันเอ่ย “ยากที่จะสมปรารถนาทั้งสองฝ่าย”
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยหันหน้ามาเอ่ยว่า “ดังนั้นข้ากับสหายจึงนับถือใต้เท้าอิ่นกวานอย่างมาก”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เซียนกระบี่ขู่เซี่ย หากท่านโกหกไม่เป็นก็อย่าโกหกเลยดีกว่า”
ไม่มีสหายอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของเซียนกระบี่อะไรทั้งนั้น
เห็นชัดๆ ว่าเป็นตัวของขู่เซี่ยเองกับเซียนกระบี่หญิงท่านนั้น
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยเอ่ยอย่างจนใจ “ก่อนหน้านี้เดินทางไปส่งพวกเด็กๆ ที่ทักษินาตยทวีป ตลอดทางทุกคนล้วนเกลี้ยกล่อมข้า เด็กรุ่นหลังอย่างอวี้เจวี้ยนฟู จินเจินเมิ่งและจูเหมยต่างก็โน้มน้าวข้า ราวกับว่าข้าสร้างวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น ในใจข้ารู้สึกละอายยิ่งนัก ไม่คู่ควรกับความเคารพเลื่อมใสของพวกเขาเลย”
เฉินผิงอันกล่าว “หากเซียนกระบี่ขู่เซี่ยยอมพูดอย่างตรงไปตรงมา เชื่อหรือไม่ว่าพวกอวี้เจวี้ยนฟูและจูเหมยมีแต่จะยิ่งนับถือผู้อาวุโสมากกว่าเดิม?”
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยมีสีหน้างงงันก่อน จากนั้นก็พลันกระจ่างแจ้ง สุดท้ายคล้ายจะปล่อยวางได้ “ไม่พูดตรงๆ ก็มีข้อดีเหมือนกัน ในฐานะผู้อาวุโส พูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของชายหญิงกับเด็กรุ่นหลัง คงไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร”
เฉินผิงอันถามคำถามหนึ่ง “เจ้าของเรือนเซียนปลูกอวี๋ ปีนั้นเพื่อสะสมคุณความชอบทางการสู้รบกลับกลายเป็นว่ารบตาย ท่านไม่เคียดแค้ดเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส ไม่อาฆาตแค้นกำแพงเมืองปราณกระบี่บ้างเลยหรือ?”
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยส่ายหน้า “ไม่มีดินและน้ำของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ข้าจะได้พบนางที่เป็นเช่นนั้นไหม?”
นี่คือคำพูดจากใจจริงของเซียนกระบี่ขู่เซี่ย ไม่เกลียดกำแพงเมืองปราณกระบี่ เกลียดอะไร หากจะเกลียดก็ควรเกลียดความไม่เอาไหนของตัวเองมากกว่า
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
ตอนแรกก็เป็นหลินจวินปี้ แล้วค่อยตามมาด้วยเซียนกระบี่ขู่เซี่ย ความประทับใจที่เฉินผิงอันมีต่อราชวงศ์เส้าหยวนเปลี่ยนมาดีขึ้นได้หลายส่วน
เมื่อวานอาเหลียงคลายปมปริศนาเรื่องหนึ่ง วันนี้เซียนกระบี่ขู่เซี่ยก็ช่วยคลายปมปริศนาอีกเรื่องหนึ่ง
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยพลันถามว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน ไหนท่านบอกว่าตัวเองไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้สักนิดเลยอย่างไรล่ะ?”
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่า ‘ไม่รู้แน่ชัด’ สำหรับเรือนเซียนปลูกอวี๋ที่อยู่ใต้เปลือกตาของคฤหาสน์หลบร้อนแล้ว ในฐานะอิ่นกวาน มีภาระหน้าที่ติดกาย จะมากจะน้อยก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง”
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยจนใจที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
หากพูดคุยกับพวกบัณฑิตของสายหย่าเซิ่งต้องไม่เป็นอย่างนี้แน่นอน
พาเซียนกระบี่ขู่เซี่ยหวนกลับมาที่คฤหาสน์หลบร้อน เฉินผิงอันตะโกนเรียกคำหนึ่ง เด็กหนุ่มชุดขาวหลินจวินปี้ก็เดินออกมาจากประตูใหญ่ด้วยมาดดั่งเซียน
เห็นเซียนกระบี่ขู่เซี่ย หลินจวินปี้ก็รู้ถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนของอีกฝ่ายทันที ได้แต่กุมหมัดให้เฉินผิงอันอย่างไร้คำพูด
ออกไปจากคฤหาสน์หลบร้อนและกำแพงเมืองปราณกระบี่ในเวลานี้ ปลดเปลื้องภาระของผู้ฝึกกระบี่สายอิ่นกวานทิ้งไป สุดท้ายย่อมต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าคิดจะหนีเอาตัวรอด หากเป็นพวกเติ้งเหลียง เฉากุ่นย่อมต้องมีความคิดในแง่ลบเช่นนี้ แต่หลินจวินปี้กลับไม่มีทางมีความคิดแบบนั้นแน่นอน
เฉินผิงอันตบไหล่หลินจวินปี้ “พบเจอกันด้วยดีและจากลากันด้วยดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถนอมตัวด้วย”
หลินจวินปี้ยืนหลังตรง ยังคงกุมหมัดค้างไว้ “ช่วงเวลาที่ได้อยู่ข้างกายใต้เท้าอิ่นกวาน ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้รับผลประโยชน์มหาศาล จวินปี้จดจำได้ขึ้นใจ วิญญูชนอุทิศตัวสร้างรากฐาน รากฐานมั่นคงแล้วหลักการเป็นคนจะปรากฏ!”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “คำพูดตามมารยาทพูดให้น้อย ลงมือปฏิบัติจริงให้มาก ส่วนสัญญาที่เคยให้ไว้ ข้าย่อมต้องช่วยเจ้าทำให้ได้อย่างแน่นอน”
หลินจวินปี้เข้าใจความนัยได้ทันที เขาเอ่ยด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ “ใต้เท้าอิ่นกวานเชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อม ถ้าอย่างนั้นกระดานหมากและโถเก็บเม็ดหมากก็จะทิ้งไว้ที่คฤหาสน์หลบร้อนแล้วกัน”
เฉินผิงอันตบไหล่ของหลินจวินปี้หนักๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ดูท่าจวินปี้จะเรียนรู้ความสามารถที่แท้จริงไปได้หลายส่วนแล้ว”
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยรู้สึกโล่งอก
ก่อนหน้านี้เขายังกังวลว่าด้วยความสัมพันธ์ของราชครูแห่งราชวงศ์เส้าหยวนและผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์กลุ่มนั้น จะทำให้อิ่นกวานหนุ่มจงใจสร้างความลำบากใจให้หลินจวินปี้
ดูท่าตนคงจะใช้ใจคนถ่อยไปวัดใจวิญญูชนเสียแล้ว
เซียนกระบี่ขู่เซี่ยควักจดหมายลับฉบับหนึ่งออกมายื่นส่งให้หลินจวินปี้ เอ่ยกับเด็กหนุ่มว่า “จวินปี้ หากไม่ผิดไปจากที่คาด พรุ่งนี้เจ้าก็น่าจะต้องจากไปแล้ว ได้โดยสารเรือข้ามฟากของทักษินาตยทวีปที่ย้อนกลับพอดี จดหมายฉบับนี้อาจารย์ของเจ้าเพิ่งจะใช้กระบี่บินส่งมาที่เรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัวได้ไม่นาน เขาไหว้วานให้ข้านำมามอบให้เจ้า”
วันนี้หลินจวินปี้ยังต้องอยู่ที่คฤหาสน์หลบร้อนไปก่อน เพราะในจวนของเซียนกระบี่ซุนจวี้เฉวียนที่อยู่ในนครก็ไม่มีคนสนิทคุ้นเคยของเขาอีกแล้ว นอกจากนี้ทุกวันนี้ความประทับใจที่ซุนจวี้เฉวียนมีต่อผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ราชวงศ์เส้าหยวนก็ย่ำแย่อย่างมาก ภายหลังยังมามีเรื่องของเปียนจิ้งอีก หลินจวินปี้ก็อย่าไปหาเรื่องใส่ตัวที่นั่นจะดีกว่า
แล้วนับประสาอะไรกับที่หลินจวินปี้กับผู้ฝึกกระบี่ทุกคนของสายอิ่นกวานมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฉากุ่นและเสวียนเซินที่มีนิสัยเปิดเผย ทุกวันนี้ก็ยิ่งสนิทสนมกันอย่างมาก
กวอจู๋จิ่วคอยยุให้พวกเขาสามคนตัดหัวไก่เผากระดาษเหลืองสาบานเป็นพี่น้องกันอยู่ตลอดเวลา แม่นางน้อยบอกว่านางเตรียมของทุกอย่างไว้ให้พร้อมหมดแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เตรียมพร้อมสรรพ ขาดก็แค่สามคนโขกหัวร่วมกันเท่านั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!