กวอจู๋จิ่วยืนด้วยท่าไก่ทองขาเดียว พูดด้วยสีหน้าขึงขัง “สถานการณ์อันตราย ผู้ฝึกกระบี่ที่เข่นฆ่าจนตาแดงก่ำ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตห้าเล่มที่ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุด อย่างน้อยก็สูงเหนือหัวของจ้าวหยวนฮว่าสองคนไปหนึ่งช่วงศีรษะพากันพุ่งมาถึง พวกเจ้ากลัวหรือไม่? อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ขนาดข้ายังกลัว! พวกเจ้าลองคิดดูนะ หลีเจินผู้นั้นคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของภูเขาทัวเยว่ จู๋เชี่ยยังเป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของหลิวชา ส่วนหลิวป๋ายผู้นั้นก็เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของจิ้งจอกเฒ่าฝีมือร้ายกาจอย่างโจวมี่ ที่พึ่งของคนทั้งสามใหญ่แค่ไหน ประวัติความเป็นมาใหญ่แค่ไหน? อีกอย่างในเมื่ออวี่ซื่อกับจวินทานต่างก็สามารถอยู่ในกระโจมเจี่ยเซินได้ ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นอายุน้อยแค่นั้นจะสามารถเลื่อนมาอยู่ในลำดับร้อยเซียนกระบี่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้หรือ? แต่ก็ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เท่านั้นเอง ตอนนั้นแม้อาจารย์ของข้าจะเจอกับสถานการณ์อันตราย แต่จิตใจก็ไม่วุ่นวาย เพียงทำแบบนี้ พลังอำนาจของเขาก็ชวนให้คนครั่นคร้ามได้แล้ว พวกเจ้าเองก็ถือว่าเป็นคนที่เรียนวิชาหมัดแล้ว ควรจะรู้ว่าท่าหมัดทุกท่าของปรมาจารย์ใหญ่บนวิถีวรยุทธล้วนมีเรื่องให้ต้องพิถีพิถันกันทั้งนั้น…”
เฉินผิงอันทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับที่ท่ายืนของลูกศิษย์ตัวเองไม่มีมาดของยอดฝีมือ หรือบุคลิกของปรมาจารย์เลยแม้แต่น้อย
เขารีบลุกขึ้นยืน เดินก้าวหนึ่งก็พุ่งไปถึงลานประลองยุทธ กระแอมหนึ่งทีเป็นการเตือนลูกศิษย์ที่กำลังช่วยให้เสียเรื่องว่าควรปิดงานได้แล้ว
กวอจู๋จิ่วหันหน้ามาเห็นอาจารย์ของตน กลัวว่าอาจารย์จะวางตัวเป็นผู้สูงส่ง ไม่ต้องการให้ตนพูดจาแสดงความเป็นธรรมแทน นางจึงร้อนใจเล็กน้อย ยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยน แต่พูดรัวเร็วราวเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ บรรยายสถานการณ์การรบช่วงหลังผ่านร้อยกว่าตัวอักษรเร็วปรื๋อ
เฉินผิงอันเดินมาถึงข้างกายกวอจู๋จิ่ว ยื่นมือไปกดศีรษะของนาง
กวอจู๋จิ่วทำท่ากดลมปราณลงสู่จุดตันเถียน “ไม่พูดแล้วๆ ถึงอย่างไรข้าก็ได้แค่เล่าถึงมาดองอาจเพียงหนึ่งในหมื่นยามที่อาจารย์ออกหมัดเท่านั้น น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก”
เด็กที่มีชื่อว่าเจียงอวิ๋นยกสองแขนกอดอก “เฉินผิงอัน พี่หญิงกวอบอกว่าเจ้าใช้หมัดเดียวก็ต่อยร่างของผู้ฝึกกระบี่หญิงนามหลิวป๋ายให้หักดังกร๊อบได้ จริงหรือไม่? เจ้าคนนี้นี่เป็นยังไงนะ อีกฝ่ายมีผู้ฝึกกระบี่ห้าคน ชายสี่คน เจ้ากลับไม่ต่อยพวกเขาให้ตาย ผลกลับเลือกจะลงมือกับสตรี นี่เจ้าคิดจะเก็บมะพลับนิ่มมาบีบใช่ไหม?”
กล่าวมาถึงตรงนี้เจียงอวิ๋นก็หัวเราะหึหึ ยักคิ้วขึ้นลง “บีบมะพลับนิ่ม หมัดนั้นต่อยลงไปตรงไหนล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าบนสนามรบตอนนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง มองเห็นภาพเหตุการณ์จริงไม่ชัด ราวกับดึงผ้าห่มมาปิดอย่างไรอย่างนั้น คนนอกมองไม่ออกว่าคนที่นอนอยู่ในผ้าห่มคือใคร…”
กวอจู๋จิ่วส่ายหน้า สายตาเวทนา “เจียงอวิ๋น ความเป็นสหายของพวกเราถือว่าจบสิ้นแล้ว”
เจียงอวิ๋นที่ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินกลับร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “พี่หญิงกวอ ไม่นะ พวกเราคือคู่พี่น้องร่วมสาบาน จะปล่อยให้คนนอกมาทำลายความปรองดองไม่ได้ ต่อให้พวกเราแตกสามัคคีกัน วันหน้าเจ้าก็อย่าไปตีฆ้องร้องป่าวอยู่นอกหน้าต่างบ้านข้าเด็ดขาด…”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เอาเถอะ เริ่มฝึกหมัดกันได้แล้ว กวอจู๋จิ่วไปคอยดูอยู่ด้านข้าง”
กวอจู๋จิ่วรับฟังคำสั่งอาจารย์ไปยืนอยู่ด้านข้าง
เฉินผิงอันมักจะมาที่นี่บ่อยๆ ช่วยป้อนหมัดให้พวกเด็กๆ หนึ่งชั่วยาม
คำว่าป้อนหมัดก็คือปล่อยให้พวกเด็กๆ ปล่อยหมัดใส่เขาได้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจว่าใช้กระบวนท่าหมัดไหน
เจียงอวิ๋นชำเลืองตามองใต้เท้าอิ่นกวาน “ดูจากสภาพของเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บไม่เบา ข้ากลัวว่าหมัดเดียวของข้าจะต่อยให้เจ้าล้มคว่ำเสียมากกว่า เจ้าต้องระวังหน่อยล่ะ อย่าอวดเก่งเป็นอันขาด เจ้าไม่ได้เจอข้ามาหลายวันคงไม่รู้สินะว่าทุกวันนี้วิชาหมัดของข้าประสบความสำเร็จไปมากแล้ว ออกหมัดไม่รู้หนักเบา หนึ่งหมัดปล่อยไปฟ้าปริแตกแผ่นดินสะเทือน”
เฉินผิงอันมองเด็กชายที่คุณสมบัติในการเรียนวรยุทธดีที่สุด ทว่าฝีปากกลับมีพรสวรรค์โดดเด่นยิ่งกว่า
เจียงอวิ๋นรีบถอยหลังกรูดไปหลายก้าวแล้วตั้งท่าหมัดรับศัตรูทันที กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง ก้าวถอยหนึ่งก้าวแล้วค่อยก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว พลันทะยานตัวขึ้นสูง มาหยุดอยู่เบื้องหน้าอิ่นกวานหนุ่มโดยตรงแล้วปล่อยหมัดออกไป
เฉินผิงอันเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง เอียงศีรษะ อีกมือหนึ่งกดหัวเจียงอวิ๋นผลักออกเบาๆ ฝ่ายหลังกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง พลิกตลบหลายครั้งก่อนจะลุกขึ้นได้
หลังจากที่เจียงอวิ๋นออกหมัดนำมาก่อน เด็กชายตัวปลอมที่ชื่อหยวนจ้าวฮว่าก็ตามหลังมาติดๆ นางฟาดเท้าเหวี่ยงใส่มาด้านหลังอิ่นกวานหนุ่ม เฉินผิงอันเบี่ยงตัวเล็กน้อย ถองศอกเข้าใส่ กระแทกร่างของแม่นางน้อยให้หล่นลงบนพื้น จากนั้นก็ใช้เท้าเตะเข้าที่ศีรษะของนาง ร่างทั้งร่างของแม่นางน้อยไถลกรูดออกไปในชั่วพริบตา
การป้อนหมัดของเฉินผิงอัน แน่นอนว่าต้องกดขอบเขตเอาไว้ แต่เขาไม่เคยพลั้งมือ
ตามข้อตกลง เมื่อไหร่ที่เฉินผิงอันโดนต่อยหนึ่งหมัดก็ถือว่าเด็กเหล่านี้ประสบความสำเร็จแล้ว สามารถแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันได้แล้ว
มีเด็กคนหนึ่งถูกเฉินผิงอันจับไหล่แล้วผลักออกไปเบาๆ ร่างของเขากระแทกเข้ากับคนที่อยู่ด้านหลัง ทั้งสองจึงพากันปลิวลิ่วออกไป
เด็กคนหนึ่งที่ขยับเข้ามาใกล้เฉินผิงอันถูกนิ้วทั้งห้าของเขาจับใบหน้า บิดข้อมือครั้งเดียว เท้าทั้งสองของเด็กน้อยก็ลอยพ้นพื้นแล้วร่างก็กระเด็นหวือออกไป
“ร่างเคลื่อนไปตามจิต ลมปราณล่องสู่ตันเถียน ปณิธานทะลวงทั่วร่าง ผู้ฝึกยุทธเช่นข้า ค้ำฟ้ายันดิน ออกหมัดเร็วเหมือนกระบี่บิน ปณิธานหมัดไม่แพ้ให้กับเซียนกระบี่”
เฉินผิงอันก้าวเดินเนิบช้าด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย หมัดหนึ่งต่อยลงบนลำคอของเด็กคนหนึ่ง ต่อยจนอีกฝ่ายศีรษะเอียง เฉินผิงอันจึงเปลี่ยนจากหมัดเป็นฝ่ามือ หันฝ่ามือลงด้านล่าง หลังมือตบเข้าที่ไหล่ของเด็กน้อย ฝ่ายหลังเซล้มลงกับพื้น ยกเท้าขึ้นเบาๆ ปณิธานหมัดแผ่ออกมาจากส้นรองเท้าผ้า เตะให้เด็กชายที่แม้กำลังตะลึงลานแต่ก็ยังออกหมัดสะเปะสะปะกระเด็นออกไป ขณะเดียวกันก็ไปขวางการออกหมัดของเด็กอีกคนหนึ่ง สองขาของฝ่ายหลังลอยคู่พ้นพื้นรับหมัดที่พุ่งแสกหน้าเข้ามา
“พละกำลังรุนแรงดุดัน แข็งแกร่งมิอาจทำลาย เมื่อต้องการหมัดหยุด ปณิธานหมัดถูกนำมาใช้ เล็กบางราวเข็ม เมื่อความคิดบังเกิดหมัดพุ่งไปข้างหน้า”
เฉินผิงอันขยับเท้าเดินไปด้านข้าง หมัดหนึ่งต่อยลงลงบนท้ายทอยของเด็กคนนั้น เด็กชายหน้าทิ่มลงกับพื้น กระแทกกับลานประลองยุทธ เลือดกำเดาไหลทันที
เด็กคนหนึ่งสลับเปลี่ยนทิศทางการโคจรอยู่หลายครั้ง ตีศอกกระทุ้ง ฝ่ามือพลิกหมุนว่องไว ผสานกับท่าเดินนิ่งหกก้าว ขยับเข้ามาใกล้ร่างเฉินผิงอันเร็วมาก วิชาหมัดพอจะมีพลังอำนาจปรากฏให้เห็นนิดๆ แล้ว
แต่กระนั้นก็ยังถูกเฉินผิงอันใช้ศอกถองศอก ใช้ฝ่ามือปะทะฝ่ามือ พลิกแพลงกระบวนท่าจนคนมองตาลาย สุดท้ายผลักเด็กคนนั้นกลับไปยืนตำแหน่งเดิมได้พอดี
เจียงอวิ๋นแอบเหวี่ยงเท้าเตะใส่เฉินผิงอัน ผลกลับถูกเฉินผิงอันชิงถีบเข้าที่หน้าอก ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น เจียงอวิ๋นกำลังจะด่าว่าเฉินผิงอันฉวยโอกาสที่ตัวสูงกว่า นึกไม่ถึงว่าจะเห็นอิ่นกวานหนุ่มยกเท้าเหวี่ยงมาด้านหลัง เจียงอวิ๋นเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก เอาฝ่ามือตบพื้นพลิกตัวลุกขึ้นยืน
เด็กทุกคนที่เข้ามาออกหมัดได้ในระยะประชิดล้วนถูกเฉินผิงอันโจมตีให้ถอยร่นออกไปได้ง่ายๆ คนหนึ่งถูกศอกถองจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น อีกคนถูกเฉินผิงอันใช้ไหล่ชนกระเด็น ตอนที่ลุกขึ้นมารู้สึกเพียงว่ากระดูกกระเดี้ยวเกินครึ่งร่างหลุดเคลื่อนออกหมดแล้ว แต่กระนั้นก็ยังกัดฟันลุกขึ้นยืน โดยทั่วไปแล้วยามออกหมัดย่อมต้องช้ากว่าเสี้ยวหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น เด็กทุกคนที่มาฝึกวรยุทธอยู่ที่นี่รวมถึงเจียงอวิ๋นต่างก็จำคำกล่าวหนึ่งของอิ่นกวานหนุ่มได้อย่างแม่นยำ เรือนกายของผู้ฝึกยุทธได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็ย่อมบาดเจ็บไปถึงปณิธานของหมัด ถ้าอย่างนั้นเท่ากับว่าตัวเองรนหาที่ตายแล้ว สามารถใช้การบาดเจ็บมาแลกด้วยการออกหมัดที่เร็วกว่าเดิม นั่นต่างหากถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่เข้าขั้นอย่างแท้จริง
หยวนจ้าวฮว่าดีดปลายเท้าออกไปราวลูกธนูหลุดออกจากสาย
มีเด็กคนหนึ่งเหวี่ยงแขนเป็นวงกว้างปล่อยหมัดอย่างเดือดดาลเพียงลำพัง
แล้วก็มีเด็กหลายคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันคอยร่วมมือกัน หวังเพียงให้มีหมัดของใครสักคนต่อยลงบนร่างของเฉินผิงอันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!