กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 676

อวิ๋นเชียนกลับไปถึงตำหนักสุ่ยจิง พออ่านจดหมายลับที่เนื้อหาระบุบอกถึงความเป็นจริงนั้นแล้วก็นอนไม่หลับทั้งคืน ช่วงท้ายของจดหมายเขียนแปดคำว่า ‘สำนักแบ่งเหนือใต้ ขุนเขาเขียวยังอยู่ก็ยังมีฟืน’

ทางฝั่งของเรือนชุนฟาน หลังจากอวิ๋นเชียนจากมาแล้ว หมี่อวี้กับน่าหลันไฉ่ฮ่วนก็เผยกายพร้อมกัน หมี่อวี้ยิ้มถามว่า “พี่เส้า เจ้าคิดว่าอวิ๋นเชียนจะพาคนย้ายขึ้นเหนือหรือไม่? หากนางมีความกล้าหาญและมีฝีมือเช่นนี้จริงจะสามารถช่วยลูกศิษย์ของสำนักอวี่หลงไปได้อีกกี่คน?”

เส้าอวิ๋นเหยียนเอ่ย “ตระกูลเซียนอักษรจงล้วนเคยชินที่จะแบ่งคนออกเป็นกลุ่มอยู่เสมอ อวิ๋นเชียนอยู่ในสำนักอวี่หลงที่ทำการค้ามาจนเคยชิน ขอบเขตของนางที่มีอยู่ก็เสียเปล่า มิอาจทำอะไรได้ดั่งใจปรารถนา ดังนั้นต่อให้นางจะยอมย้ายรังก็ไม่มีทางพาคนไปด้วยได้มากแน่”

หมี่อวี้เอ่ย “คนที่อวิ๋นเชียนพาไปด้วยไม่ได้ก็ไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องพาไปเลย”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ยังจะกล้าพูดว่าอวิ๋นเชียนใจอ่อนดั่งสตรี เชื่อหรือไม่ว่าหากอวิ๋นเชียนกล้าย้ายขึ้นเหนือจริง สำนักอวี่หลงที่ถูกแบ่งแยก วันหน้าเมื่อพวกเซียนซือทางทิศใต้ที่หนีตายเอาชีวิตรอดไปได้แล้วไปรวมกับสำนักทางเหนือ มีแต่จะยิ่งเกลียดแค้นที่กำแพงเมืองปราณกระบี่เห็นคนจะตายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้เท้าอิ่นกวานที่จิตใจเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ของพวกเราที่ขอแค่อวิ๋นเชียนไม่ทันระวังหลุดปากพูดเนื้อหาในจดหมายสองฉบับออกไป กลับกลายเป็นว่าเขาจะถูกคนเกลียด”

เส้าอวิ๋นเหยียนพยักหน้ารับ “เพราะฉะนั้นถึงได้บอกให้อวิ๋นเชียนทำลายจดหมายลับทิ้ง นี่ก็น่าจะเป็นเพราะเขาคาดเดาได้ถึงจิตใจคนล่วงหน้า เชื่อว่าต่อให้อวิ๋นเชียนจะมีใจมุ่งมั่นต่อการฝึกตนแค่ไหน ผลได้ผลเสียน้อยนิดแค่นี้ก็น่าจะยังพอคิดได้”

หมี่อวี้ยิ้มเอ่ย “อวิ๋นเชียนคิดไม่ได้แล้วอย่างไร ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราจะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?”

เส้าอวิ๋นเหยียนถอนหายใจ “กลัวก็แต่ว่าสำนักอวี่หลงที่เชื่อว่าการช่วงชิงใต้หล้าเป็นแค่เรื่องเรื่องหนึ่งจะไม่ได้มีแค่คนที่มีตำแหน่งอยู่ในศาลบรรพจารย์เท่านั้นที่มีใจคิดอยากจะเป็นขุนนางผู้ประคับประคองมังกร อาจจะยังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องของการค้าขายด้วย”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนแค่นเสียงหยัน “ไม่มีหัวสมองอย่างอิ่นกวานก็คู่ควรจะทำการค้าเพ้อเจ้อภายใต้สถานการณ์ใหญ่ด้วยหรือ?!”

สตรีรู้ว่าตัวเองพูดจาไม่เหมาะสมจึงเดินนวยนาดไปคิดบัญชีของตัวเองต่อ

เส้าอวิ๋นเหยียนหันมามองสบตากับหมี่อวี้แล้วยิ้มให้กัน

ที่ท่าเรือของภูเขาห้อยหัว เรือข้ามฟากลำหนึ่งที่มาจากอุตรกุรุทวีปมีผู้ฝึกกระบี่มาใหม่หกสิบสองคน แต่ละคนพูดน้อยเงียบขรึม มาถึงก็ตรงไปที่ประตูใหญ่ มุ่งหน้าสู่กำแพงเมืองปราณกระบี่เท่านั้น

……

ในสิ่งปลูกสร้างคล้ายศาลาที่ลอยอยู่กลางอากาศแห่งนั้น เฉินผิงอันนั่งอยู่บนเสื่อ สองหมัดวางไว้บนหัวเข่า ลมหายใจทอดยาว

สิ่งที่เขานั่งทับอยู่ตอนนี้ก็คือเสื่อไม้ไผ่ที่เก็บมาจากสวนดอกเหมย นอกจากจะสามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนสงบจิตใจได้แล้วยังมีความมหัศจรรย์มากกว่านั้น สามารถทำให้เฉินผิงอันหลอมไข่มุกน้ำสีเขียวมรกตที่โชคชะตาน้ำเปี่ยมล้นได้เร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านี้ บางทีสาเหตุอาจเป็นเพราะทำมาจากไม้ไผ่ นอกจากจะให้ประโยชน์ต่อจวนน้ำอย่างถึงที่สุดแล้ว ทางฝั่งของจวนไม้ก็ได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อย โชคชะตาน้ำและปราณวิญญาณที่เหลือจากการหลอมไข่มุกน้ำของเฉินผิงอันถูกชักนำเพียงเล็กน้อยก็สามารถเคลื่อนไปยังช่องโพรงลมปราณที่จวนไม้ตั้งอยู่ โชคชะตาน้ำที่ทอดยาวกลุ่มหนึ่งไหลรินออกไปในลักษณะของเส้นยาว ระหว่างทางก็ให้ความชุ่มชื้นกับอวัยวะภายในด้วย

ฝึกตนอยู่บนภูเขา วัตถุจากตระกูลเซียนประเภทนี้บางทีระดับขั้นอาจไม่สูงมากนัก แต่เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดมากที่สุด ทีละเล็กทีละน้อย สะสมจากน้อยเป็นมาก เวลาสองสามปีบางทีประสิทธิผลอาจไม่ชัดเจนนัก แต่หากตั้งใจฝึกตน ไม่ถามร้อนหนาวอยู่ในภูเขานานหลายสิบปีหลายร้อยปีก็จะมีฟ้าดินสองชนิดที่ต่างกันไป ดังนั้นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักใหญ่จึงเป็นอย่างที่ลู่ไถบอก จำเป็นต้องมีวัตถุแห่งชะตาชีวิตที่ช่วยในการฝึกตนชิ้นหนึ่ง หากมีเงินเทพเซียนมากพอ นอกจากวัตถุแห่งชะตาชีวิตแล้วก็ต้องการเงินเหมือนกัน นี่ก็เพราะหวังให้มหามรรคายาวไกล มีหอสูงหมื่นจั้งผุดขึ้นมาจากพื้นดิน

จากช่วงเวลาที่แตกต่าง ถ้ำสถิตตระกูลเซียนที่แตกต่าง รวมไปถึงตบะขอบเขตที่ไม่เหมือนกัน ยังต้องมีการเปลี่ยนสิ่งของไปอย่างต่อเนื่อง มีข้อที่ต้องพิถีพิถันเยอะมาก

เทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นลอยไปลอยมาอยู่รอบสิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้เอ่ยอะไร ราวกับว่าคนหนุ่มผู้นั้นมีค่าให้เขาสืบเสาะสำรวจมากกว่าเซียนกระบี่สิงกวานที่มีเมฆหมอกล้อมวนเสียอีก

อิ่นกวานหนุ่มเพิ่งจะกลับมาจากพื้นที่ลับแห่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขาถูกเหนี่ยนซินกระชากคอลากไปที่นั่น ฟ้าดินที่เกิดจากการหลอมโครงกระดูกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลแห่งนี้ ตรงตำแหน่งหัวใจมีพื้นที่ต้องห้ามอยู่แห่งหนึ่ง ขนาดเฒ่าหูหนวก เทวบุตรมารนอกโลกและคนเย็บผ้าก็ยังมิอาจเข้าไปข้างในได้ ข้างในนั้นมีประตูเล็กอยู่หนึ่งบาน คล้องกุญแจไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ แค่ต้องให้เฒ่าหูหนวกควักกุญแจออกมาพอเป็นพิธีแล้วค่อยให้เหนี่ยนซินโยนคนหนุ่มเข้าไปข้างใน

นั่นคือบ่อสีทองแห่งหนึ่ง ด้านในคือลาวาที่เดือดปุดๆ ในห้องลับมีแสงสีทองเจิดจ้าบาดตา

ทุกครั้งที่เฉินผิงอันถูกเหนี่ยนซินโยนลงไปในลาวาสีทอง อย่างมากสุดแค่ไม่กี่ชั่วยาม พอเดินออกมาจากประตูเล็กก็จะสามารถกลับคืนมาเป็นปกติ บาดแผลประสานตัวหายดีได้แล้ว

เพียงแต่ว่าวัตถุจื่อชื่อ น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ล้วนจำเป็นต้องทิ้งไว้ที่ศาลาแห่งนี้

เฉินผิงอันถาม “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลก็มีช่องโพรงลมปราณ มีโครงสร้างร่างกายไม่ต่างจากมนุษย์เราด้วยหรือ?”

เด็กชายผมขาวหยุดนิ่ง “โดยภาพรวมก็ไม่ต่างกันเท่าไร เพียงแต่ว่าถึงอย่างไรเผ่ามนุษย์อย่างพวกเจ้าก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับฟ้าดินเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นหุ่นเชิดที่พวกมันสร้างขึ้นมา สิ่งที่ต้องการก็หนีไม่พ้นควันธูป ฟ้าดินเล็กในร่างกายมนุษย์ของพวกเจ้าย่อมไม่มีทางประณีตบรรจงมากนัก เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นแล้ว พวกเจ้าก็ถือว่าเป็นลูกรักของสวรรค์แล้ว ไม่อย่างนั้นภูตผีทั้งหลาย แม้แต่เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เหตุใดถึงต้องยอมเหน็ดเหนื่อยยากลำบากอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แต่ก็ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์ให้ได้?”

เฉินผิงอันได้ยินถ้อยคำที่เป็นกุญแจสำคัญ “แนบแน่น? เกี่ยวข้องกับคำว่าสะอาดไร้มลทินที่ลัทธิเต๋าแสวงหาด้วยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!