ปีศาจห้าขอบเขตกลางหกสิบเอ็ดตนที่ถูกขังอยู่ในคุกเหลืออีกแค่ไม่กี่ตนเท่านั้น
วันนี้การเย็บผ้าของเหนี่ยนซินเป็นกุญแจสำคัญ เพราะเป็นช่วงสุดท้ายของการเย็บตำแหน่งกระดูกสันหลัง
เฒ่าหูหนวกยืนสองมือไพล่หลัง ตั้งใจมาดูการเย็บผ้าครั้งนี้โดยเฉพาะ
ในฐานะเผ่าปีศาจ มองเห็นคนอื่นได้รับความทุกข์ทรมาน ถึงอย่างไรก็สบายใจกว่าการเห็นคนอื่นเสวยสุข
เด็กชายผมขาวร้องเรียกหลานชายอยู่ด้านข้าง
เฒ่าหูหนวกขานรับหนึ่งทีก็ทำตัวหูหนวกต่อไป
เฉินผิงอันนั่งเข้าฌานอยู่นานแล้ว ดวงจิตจมจ่อมอยู่ภายใน ทั้งสามจิตเจ็ดวิญญาณล้วนมีเข็มเย็บผ้าปักเข้าไป ถูกเหนี่ยนซินพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เฉินผิงอันทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว ไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเอง ทำให้การเย็บผ้าที่เชื่อมโยงต่อกันเป็นทอดๆ เกิดช่องโหว่
สำหรับการเย็บผ้า ‘ตัดชุดแต่งงาน’ ให้กับอิ่นกวานหนุ่มครั้งนี้ ต้องเรียกว่าเหนี่ยนซินตั้งใจอย่างถึงที่สุด
เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก โอกาสที่จะได้ฝึกปรือฝีมือเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้นางคงไม่ได้พบเจออีกแล้ว
อีกทั้งหากทำสำเร็จ อย่างน้อยผู้ฝึกลมปราณของสองใต้หล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่ชอบแสร้งวางมาดภูมิฐานเหล่านั้นล้วนจะต้องรู้จักนางเหนี่ยนซิน ในฐานะคนเย็บผ้าที่ไม่ต่างจากหนูวิ่งข้ามถนน สุดท้ายแล้วนางก็สามารถสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์และจะไม่มีในอนาคตได้สำเร็จ
จะต้องเป็นเหมือนยามที่คนบนโลกพูดถึงเวทคาถาก็จะหนีไม่พ้นนครจักรพรรดิขาว หากพูดถึงมรรคกถาก็จะหนีไม่พ้นเทียนซือ
ดังนั้นเหนี่ยนซินจึงกระหายในความสำเร็จยิ่งกว่าเฉินผิงอัน
เป็นเหตุให้คนเย็บผ้าที่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งพอลงมีด แทงเข็มนานเข้าก็มักจะรู้สึกว่าดวงตาเริ่มเจ็บเริ่มเคือง จึงหยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ข้างมือขึ้นมา เทเอาไข่มุกน้ำสีเขียวมรกตที่โชคชะตาน้ำเข้มข้นออกมาหยดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นแล้วหยอดพวกมันลงในดวงตา
นอกจากน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่ขอยืมจากอิ่นกวานหนุ่มแล้ว หลังจากที่เหนี่ยนซินเย็บผ้าไปสองครั้งก็เอาสมบัติล้ำค่าตระกูลเซียนที่เป็นสมบัติก้นกรุสองชิ้นออกมา แบ่งออกเป็นยันต์ทองและตำราหยก
เฒ่าหูหนวกก้มหน้าลงมองยันต์ทองตำราหยกแล้วก็พยักหน้า “เป็นของดี”
เด็กชายผมขาวเอ่ยอย่างเสียดาย “น่าเสียดายนัก ใช้เสร็จก็หมดค่า ไม่อย่างนั้นดวงตาสองข้างของท่านปู่อิ่นกวานของข้าจะต้องเปล่งประกายวาววับอย่างแน่นอน”
ของทั้งสองชิ้นล้วนเป็นรากฐานมรรคาของเหนี่ยนซิน
เหนี่ยนซินเคยเอ่ยกับเฉินผิงอันอย่างตรงไปตรงมาว่า โชควาสนาบนมหามรรคาของนาง นอกจากวิชาอภินิหารและเวทลับมากมายของคนเย็บผ้าแล้ว นอกจากนี้ก็มาจากยันต์ทองตำราหยกที่ต่างก็เป็นสมบัติหนักตระกูลเซียนของแท้ดั้งเดิม สามารถนำมาใช้ส่งเสริมกับวิชาเย็บผ้าของนาง ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างแน่นอน
ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป ต่อให้เป็นขอบเขตหยกดิบเหมือนกับเหนี่ยนซิน แต่ก็ไม่มีทางอ่านเนื้อหาในยันต์ทองตำราหยกได้เข้าใจ ราวกับว่ามีค่ายกลขุนเขาสายน้ำตามธรรมชาติกั้นขวางอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่ว่าเฒ่าหูหนวกกับเด็กชายผมขาวต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ตำราหยกคือตำราหยกบวงสรวงของราชวงศ์เก่าแก่แห่งหนึ่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ตำรานี้แบ่งออกเป็นยี่สิบสี่บท แต่ละบทร้อยเรียงเข้าด้วยกันด้วยเส้นด้ายสีทอง ตำราหยกแต่ละเล่มจะใช้เวทลับในการนำมาบรรจุให้ครบถ้วนแล้วขัดกลึงให้แวววาว
ยันต์ทองคือ ‘คัมภีร์สาส์นยันต์’ และคัมภีร์ยังมีอีกชื่อว่าโซ่วลู่ถู ทุกเล่มแบ่งออกเป็นสามบท บทแรกมีตัวอักษรใหญ่ประมาณสิบหกตัว แปดอักษรแรกที่บอกว่า ซานต้งอักษรทองเรียกรวมตำราเซียนเทียนจวิน ตัวอักษรล้วนเป็นอักษรลายเมฆ มีเมฆหมอกล้อมวน ไหลรินเชื่องช้า แปดตัวอักษรหลังคือ มรรคกถาดำรงอยู่ยาวนานร่วมกับฟ้า คือถ้อยคำอวยพร เขียนด้วยลายมือของเทียนซือใหญ่ภูเขามังกรพยัคฆ์คนหนึ่ง บทที่สองแบ่งออกเป็นภาพเหมือนของเทพเซียนหกสิบเอ็ดท่าน บทที่สามถึงจะเป็นเนื้อหาของ ‘คัมภีร์สาส์นยันต์’ ทั้งเล่ม เนื้อหาคือฮองเฮาพระองค์หนึ่งหวังว่าตัวเองจะกลายเป็นซ่างเซียนเสวียนจวินของลัทธิเต๋า เล่าลือกันว่าเมื่อราชวงศ์นั้นล่มสลาย สตรีก็ตั้งใจฝึกตน สุดท้ายบินทะยานไปท่ามกลางแสงเรืองรอง
ตำราหยกยังนับว่าดี หลังจากคลี่ออกมาแล้วก็ยาวแค่หนึ่งฉื่อ
แต่คัมภีร์เล่มนั้น หากกางออกมากลับยาวถึงจั้งกว่า
การที่หยิบเอาสมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้ออกมาก็เพราะเหนี่ยนซินจะต้องใช้เวทลับเฉพาะดึงเอาตัวอักษร ไม่ก็ดึงเอายันต์ หรือคัดลอกลายเมฆ จากนั้นใช้วิธีการแปะกระดาษเหลืองเอาพวกมันมาวางไว้บนผิวหนัง เส้นเอ็นและกระดูกของอิ่นกวานหนุ่ม
ดังนั้นถึงได้บอกว่าการเย็บผ้าของเหนี่ยนซินครั้งนี้ได้ดำเนินมาถึงขั้นที่ต่อให้ตัวเองต้องล้มละลายก็ไม่เสียดายแล้ว
ส่วนอิ่นกวานหนุ่มจะต้องเจอกับหายนะ เจอกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสแค่ไหน เหนี่ยนซินไม่สนใจแม้แต่น้อย ในเมื่อกล้ามาที่นี่ กล้าทำเรื่องนี้ ก็จงรับมันไว้แต่โดยดี
เวลานี้มองดูยันต์ทองตำราหยกที่อยู่บนพื้น เฒ่าหูหนวกถึงนึกเรื่องเล็กเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ การค้าที่เฒ่าหูหนวกตอบตกลงกับอิ่นกวานหนุ่มก่อนหน้านั้นนำมาใช้แลกเปลี่ยนกับการที่ลูกศิษย์ทั้งสามคนของเขาได้ออกไปจากคุกอย่างปลอดภัย
ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว เฒ่าหูหนวกจำเป็นต้องเอามรรคกถาที่เหมาะแก่การฝึกตนของเผ่าปีศาจบทหนึ่งออกมา รวมไปถึงวัตถุบนภูเขาที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมสองชิ้น อีกทั้งยังจำเป็นต้องเป็นของหายากในบรรดาสมบัติอาคมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำมาหล่อหลอมหรือนำมาใช้ ธรณีประตูจะต้องต่ำ
มอบสมบัติอาคมสองชิ้นให้อีกฝ่ายเป็นเรื่องเล็ก แต่มรรคกถาบทนั้นกลับยุ่งยากนิดๆ แล้ว
มรรคกถาบนภูเขาที่มีการถ่ายทอดอย่างเป็นระบบย่อมต้องมีตราผนึกอยู่มากมาย ก็เหมือนกับวัตถุฟางชุ่นกับวัตถุจื่อชื่อ รวมไปถึงยันต์หายากบางอย่างที่ล้วนจำเป็นต้องมีวิชาเปิดประตูและปิดประตู
หรือยกตัวอย่างเช่นยันต์บางประเภทที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ต้องผ่านการปลุกเสกหลายชั้นจากเทียนซือแต่ละยุคสมัย นอกจากลูกหลานของจวนเทียนซือแล้ว อย่าว่าแต่หล่อหลอมมันเลย ต่อให้เจ้าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเหรินก็ยังมิอาจทำได้แม้กระทั่งหยิบมันขึ้นมา
เวทคาถาสูงส่งลึกล้ำของตระกูลเซียนนี้ หากใช้คาถามารวมเป็นตำรา ส่วนใหญ่ก็มักจะสอดคล้องกับมหามรรคา พอเรียบเรียงเป็นสมุดเป็นตำราได้แล้วก็จะซุกซ่อนความมหัศจรรย์อย่างเป็นธรรมชาติ หนึ่งก็เพราะวัตถุที่สามารถรองรับตัวอักษรที่เป็นคาถาได้นี้ วัสดุต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สองก็เพราะต่อให้ผู้ฝึกตนใหญ่คลายตราผนึกแต่ละชนิดออกไปแล้ว ผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตต่ำก็ยังอ่านไม่ออกอยู่ดี ดังนั้นตระกูลเซียนอักษรจงจึงมักจะเก็บรักษาตำราไว้เป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปากถ่ายทอดใจรับไว้ ซึ่งเรียกว่า ‘การถ่ายทอดแบบตัวต่อตัว’
อีกทั้งปากถ่ายทอดใจรับไว้จากผู้ถ่ายทอดมรรคานี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน หากไม่ระวังก็อาจจะไปทำลายจิตแห่งมรรคาของลูกศิษย์เอาได้
เฒ่าหูหนวกครุ่นคิด ตำราเล่มนั้นตนเก็บไว้ก็ไม่มีความหมาย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะก่อพรรคตั้งสำนักอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ถอนตราผนึกทั้งหมดออกแล้วมอบมันให้อิ่นกวานหนุ่มเลยแล้วกัน เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นไปเฉินผิงอันจะเอาไปถ่ายทอดให้คนอื่นอย่างไร เฒ่าหูหนวกไม่สนใจแล้ว ยื่นกระดาษชำระให้คนที่นั่งในห้องส้วมก็ถือว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว คงไม่ถึงขั้นต้องไปเช็ดก้นให้ด้วยกระมัง
เด็กชายผมขาวยิ้มถาม “หากเปลี่ยนเป็นโยวอวี้กับตู้ซานอิน มีดหนึ่งจ้วงแทงลงไปจะลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นเลยหรือเปล่า?”
เฒ่าหูหนวกส่ายหน้า “ฝืนทนได้ครั้งสองครั้งก็ยังพอจะมีโอกาส ถึงอย่างไรเจ้าลูกกระต่ายโง่สองคนนี้ก็ไม่ได้ฝึกตนโดยอาศัยการทนกับความยากลำบาก ชะตาชีวิตดีย่อมได้ผลดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นไหนเลยจะถึงคราวพวกเขาที่ได้มาเสวยสุขที่นี่”
เหนี่ยนซินเก็บมีดพักผ่อนอยู่ชั่วขณะ เพราะก่อนหน้านี้การลงมีดของนางค่อนข้างจะติดขัด คล้ายกับว่านางอารมณ์ไม่ดี พอได้ยินเสียงพูดชวนหนวกหูของเฒ่าหูหนวกกับเทวบุตรมารนอกโลกก็ยิ่งสีหน้ามืดทะมึน พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ไสหัวไปให้ไกลหน่อย!”
เฒ่าหูหนวกที่มีชื่อเสียงเรื่องความใจเย็นนิสัยดีขยับออกห่างจากที่แห่งนี้จริงๆ เขาเดินขึ้นบันไดไป แม่นางน้อยหน้าตาอัปลักษณ์ก็ช่างเถิด แต่นิสัยยังแย่ขนาดนี้ มิน่าเล่าถึงออกเรือนไม่ได้
เด็กชายชุดขาวพลิ้วกายมาหยุดอยู่ข้างกายเฒ่าหูหนวก “จิตแห่งมรรคาของโยวอวี้ต้องการให้ท่านปู่ช่วยขัดเกลาหน่อยหรือไม่? ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ เจ้าไม่ต้องขอบคุณท่านปู่หรอก”
เฒ่าหูหนวกหัวเราะร่า “แนะนำเจ้าว่าอย่าทำดีกว่า เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสจับตามองที่นี่อยู่ หากบ่าวอย่างข้าปกป้องนายได้ไม่ดีพอ ก่อนข้าจะถูกตบตายจะต้องมาคิดบัญชีกับเจ้าดีๆ แน่นอน ทั้งบัญชีเก่าบัญชีใหม่ล้วนคิดไปพร้อมกัน”
หลังจากเจ้าสองคนนั้นจากไปแล้ว เหนี่ยนซินก็พ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนึ่งเฮือก แล้วรวบรวมสมาธิค่อยๆ ลงมีดต่ออีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!