ในสิ่งปลูกสร้างที่ลอยอยู่กลางอากาศ เฉินผิงอันสาวเท้าเดินเป็นวงกลม เพียงแต่ว่าร่างกายกลับงองุ้มอย่างไม่อาจห้าม แขนข้างหนึ่งก็ห้อยลู่ลง
เหนี่ยนซินนั่งอยู่บนขั้นบันไดที่ห่างไปไกล เอ่ยว่า “หากยังไม่เลื่อนสู่ขอบเขตเดินทางไกลอีก โรคร้ายที่จะทิ้งไว้ภายหลังย่อมต้องมากกว่าเดิม ต่อให้สุดท้ายจะทำสำเร็จ แต่ประสิทธิผลก็จะต้องถูกลดทอนลงไปหลายส่วนใหญ่”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับเบาๆ “ทราบแล้ว”
เหนี่ยนซินเองก็จนใจมากเหมือนกัน
เด็กชายผมขาวมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเหนี่ยนซิน เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เป็นบัณฑิตของปีศาจใหญ่อวิ๋นชิง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แม่นางเหนี่ยนซิน บอกตามตรง ข้าหลงรักเจ้ามานานแล้ว คำว่า ‘เส้นผมสีนิลยาวปล่อยสยาย สะอาดบริสุทธิ์ไม่เหมือนการแต่งกายของสตรีชนชั้นสูง’ ช่างกล่าวได้ดีจริงๆ”
เหนี่ยนซินไม่ได้สนใจ
เทวบุตรมารนอกโลกแปลงโฉมไปอีกครั้ง เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เหนี่ยนซินจ๋า เจ้าคงไม่ได้รังเกียจว่าข้าทั้งหูหนวกทั้งตาบอดทั้งอายุมากหรอกกระมัง?”
เหนี่ยนซินยังคงไม่สนใจ
เทวบุตรมารนอกโลกเปลี่ยนรูปร่างไปอีกครั้ง “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน คนเราจะมองกันแต่รูปโฉมภายนอกไม่ได้ ในใจและในสายตาของข้า เจ้าคือแม่นางที่งดงาม สตรีงดงามต่อให้มีนับพันนับหมื่น แม่นางเหนี่ยนซินก็ยังมีแค่คนเดียว”
เฉินผิงอันฝึกท่าเดินนิ่งไม่หยุด เอ่ยว่า “แค่พอประมาณก็พอแล้ว”
ที่แท้เทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นก็แปลงสภาพเป็นเฉินผิงอันที่สวมชุดเขียว
เหนี่ยนซินเพียงแค่คิดถึงเรื่องต่อจากการเย็บผ้า
เทวบุตรมารนอกโลกกลับคืนมาอยู่ในเนื้อหนังมังสาที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุด นั่งอยู่บนขั้นบันได “บุรุษกับสตรีอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง แต่กลับไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ต่อกันเลย นี่ไม่เข้าท่าสักนิด! พวกเจ้าสองคนนี่ยังไงนะ ทำลายบรรยากาศจริงๆ”
เฉินผิงอันเดินนิ่งเสร็จแล้วก็เริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู หลังจากยืนนิ่งอยู่ครึ่งชั่วยามก็เริ่มเข้าฌานทำสมาธิ สงบจิตใจบำรุงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตด้วยความอบอุ่น
เหนี่ยนซินจากไป
เทวบุตรมารนอกโลกที่ห้อยงูเขียวแทนต่างหูกลับไม่ยอมจากไป จ้องมองน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ข้างกายเฉินผิงอันเขม็ง
‘หลงชิว’ กระบี่สั้นเล่มนั้นของเขาอยู่ข้างในนั้น เล่มที่เฉินผิงอันเอาคืนมาให้เขาก่อนหน้านี้ ถูกเขาเอามาผูกไว้ตรงเอว มีชื่อว่า ‘เจียงตู๋’
ต่างก็มีประวัติความเป็นมา เอามาใช้เลี้ยงเจ้าตัวน้อยสองตัวที่ห้อยอยู่ตรงหูเขาได้พอดี
ในความเป็นจริงแล้ววัตถุที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยาวนานในฟ้าดินแห่งนี้ ระดับขั้นต้องไม่แย่อย่างแน่นอน
แต่สำหรับเทวบุตรมารนอกโลกตนหนึ่งแล้ว อันที่จริงไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แค่เห็นแล้วถูกชะตาเท่านั้น
เขาพลันเอ่ยว่า “คราบร่างเซียนเหรินชิ้นนั้นล่ะ? ไม่สู้ให้ข้ามอบชุดคลุมอาคมบนร่างไปให้เจ้าพร้อมกันเลยดีไหม นางจะได้สวมมันไว้ตอนออกกระบี่?”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างเฉยเมย “ต้องให้ความเคารพคนตาย”
พอลุกขึ้นยืนก็ทิ้งตัวไปด้านหลัง ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งค้ำยันพื้น หลับตาลง อีกมือหนึ่งทำมุทรากระบี่
เด็กชายผมขาวพูดจาน่าเชื่อถือบอกว่าจะไม่ก้าวเข้ามาในสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ แค่จะเตร็ดเตร่ไปรอบด้านเท่านั้น ทว่ากลับคอยเปลี่ยนร่างเป็นเผ่าปีศาจแต่ละตนที่ตายไปภายใต้หมัดและกระบี่ของเฉินผิงอัน แล้วก็ถามขึ้นมาว่า “ต้องให้ความเคารพคนตายหรือ? แล้วคนที่มีชีวิตอยู่ล่ะควรเป็นอย่างไร?”
เฉินผิงอันลืมตาขึ้น ประกบสองนิ้วค้ำยันพื้น เป็นเหตุให้สองเท้าลอยพ้นพื้นขึ้นมาหลายส่วน
เด็กชายผมขาวที่กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมจ้องตากับเขา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ปากไม่ตรงกับใจ เจ้าคอยเข้มงวดกวดขันตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นผู้แข็งแกร่ง อยู่ร่วมกับฟ้าดิน”
เฉินผิงอันหลับตาลงอีกครั้ง เอ่ยว่า “ทุกเรื่องราวล้วนดำรงอยู่ด้วยเงื่อนไขและเหตุผลที่แน่นอน”
เทวบุตรมารนอกโลกพลันกลายร่างเป็นสตรีแล้วคลี่ยิ้มหวาน
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย เขาลืมตามองไป คือใบหน้าที่สามารถสวมรอยตัวจริงได้
สิ่งที่คิดในใจ สิ่งที่เห็นในสายตา
นี่ก็คือความน่ากลัวของเทวบุตรมารนอกโลก
เฉินผิงอันหลับตาลง เอ่ยว่า “แบกรับผลลัพธ์ที่จะตามมาเอาเอง”
เด็กชายผมขาวโวยวายทันใด “ท่านปู่อิ่นกวาน หากจิตมารของท่านก็คือสตรีผู้นี้ จะทำอย่างไรกันดีเล่า?”
เฉินผิงอันคลี่ยิ้มบางๆ เอ่ยเนิบช้าว่า “ข้ากลับหวังให้เป็นเช่นนั้น”
เด็กชายผมขาวยกมือสองข้างขึ้น สองนิ้วดีดงูเขียวข้างหูเบาๆ ความเคลื่อนไหวแผ่วเบา แต่กลับมีเสียงดังเหมือนระฆังที่ตีดังก้องสะท้อนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ถามว่า “ไม่สู้มาลองแสดงกันดูสักรอบ?”
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงหนัก “ไสหัวไปให้ไกลๆ ข้าผู้อาวุโส!”
เด็กชายผมขาวบ่นว่า “ลดลำดับศักดิ์ลงมาให้เสียเปล่าไปไย การค้าครั้งนี้ท่านปู่อิ่นกวานขาดทุนแล้ว”
จากนั้นนาทีถัดมา เทวบุตรมารก็เงียบกริบเป็นจักจั่นในหน้าหนาว หดคออย่างขลาดกลัว
ที่แท้ก็ถูกเฉินชิงตูเอามือคว้าหัวแล้วหิ้วไว้ในมือ
ผู้เฒ่าแค่ใช้ปณิธานกระบี่สยบกำราบ ใบหน้าของเทวบุตรมารก็เปลี่ยนมาเป็นบิดเบี้ยวแล้ว ร่างทั้งร่างก็ยิ่งเหมือนเทียนหอมที่เริ่มหลอมละลาย ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง พลันร้องคร่ำครวญไม่หยุด เอ่ยปากอ้อนวอนสุดชีวิต
เฉินผิงอันพลิกตัวพลิ้วกายยืนนิ่ง
เฉินชิงตูโยนเทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นออกไปไกลๆ มองไปทางเฉินผิงอัน ขมวดคิ้วเอ่ย “ชื่อจริงของปีศาจใหญ่ที่สำคัญหลายตนกลับสลักออกมาไม่ได้สักชื่อเลยหรือ?”
เหนี่ยนซินปรากฎกายบนขั้นบันได “จะโทษข้าไม่ได้นะ แกะสลักได้ก็จริง แต่คงต้องแกะลงบนร่างของคนตายแล้วล่ะ”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “คอขวดผู้ฝึกยุทธมิอาจฝ่าไปง่ายๆ ได้จริงๆ ต่อให้จะถามหมัดกับเทวบุตรมารนอกโลกก็ยังไม่มีประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่ข้าขาดก็คือปณิธานแห่งจิตวิญญาณที่ลี้ลับมหัศจรรย์นั้น ไม่อย่างนั้นหากมีแค่การหล่อหลอมเรือนกายอย่างเดียว ลำพังเพียงแค่แบกรับการเย็บผ้าจากผู้อาวุโสเหนี่ยนซินก็มากพอให้ข้าเลื่อนสู่ขอบเขตเดินทางไกลได้แล้ว”
เฉินชิงตูกล่าว “จะให้ข้าไปหาผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบที่พลังจิตเปี่ยมล้นจากที่ไหนมาให้ใต้เท้าอิ่นกวานได้ล่ะ”
เฉินผิงอันเอ่ย “อย่าถามข้า”
เฉินชิงตูยิ้มอย่างขำๆ ปนฉุน
เหนี่ยนซินได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่
เฒ่าหูหนวกที่เร่งรุดมาตามเสียงความเคลื่อนไหวก็รู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!