เทวบุตรมารนอกโลกที่ดูเหมือนว่าใช้ชีวิตลอยชายไร้แก่นสารไปวันๆ หลังจากได้รับคำสั่งและคำอนุญาตจากเฉินชิงตู ในที่สุดก็ปลดพันธนาการทุกอย่างทิ้งไป ได้รับอิสระในช่วงเวลาสั้นๆ สามารถร่ายวิชาอภินิหารของขอบเขตบินทะยานได้อย่างแท้จริง หมื่นสรรพสิ่งในฟ้าดินโคจรไปตามใจปรารถนา แทบจะสามารถทัดเทียมกับ ‘ภาพเหตุการณ์จริง’ ได้เลย
เฒ่าหูหนวกเองก็ได้รับคำกำชับจากเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส จึงคลายตราผนึกของฟ้าดินขนาดเล็กที่เป็นซากปรักของคุกออก รับเอาโชคชะตาบู๊ที่มาจากทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่และใต้หล้าเปลี่ยวร้างเข้ามา ทันใดนั้นโชคชะตาบู๊ก็เหมือนเจียวหลงที่จับกลุ่มกันกรูเข้ามาในซากปรักสนามรบโบราณอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ริมลำธาร เซียนกระบี่สิงกวานเดินออกมาจากกระท่อม เดินมาตรงโต๊ะหินตัวนั้น ยื่นมือไปกดตำราเทพเซียนที่เลี้ยงปลามอดเล่มนั้นเอาไว้
หญิงสาวทุบผ้ากับดรุณีน้อยซักผ้ายังคงทำงานในมือตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ดังเดิม
ตู้ซานอินยืนอยู่ใต้ซุ้มองุ่น มองผ่านร่องแมกไม้เขียวชอุ่มเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำไปมองเห็นภาพนั้น สีหน้าก็ซับซ้อน
เมื่อสิงกวานเอามือกดตำราเอาไว้ ภาพบรรยากาศของฟ้าดินขนาดเล็กที่อยู่ริมลำธารก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม
เฒ่าหูหนวกยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าคุก ลูบหนวดยิ้มกล่าว “ฟ้าดินพลิกตลบชวนให้อารมณ์ห้าวเหิม”
เด็กหนุ่มโยวอวี้ที่ถูกพามาชมทัศนียภาพจิตใจแกว่งไกว เกิดความเคารพยำเกรงในตัวอิ่นกวานหนุ่มเพิ่มมาอีกหลายส่วน
เหนี่ยนซินเผยกายอย่างเงียบเชียบ เอ่ยเบาๆ ว่า “เทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นมีวิชาอภินิหารขนาดนี้เชียวหรือ?”
เฒ่าหูหนวกยิ้มกล่าว “เจ้าคงไม่ได้เห็นมันเป็นเจ้าตัวน้อยที่ชอบเล่นสมบัติจริงๆ หรอกกระมัง? ขอบเขตบินทะยานของมันก็แค่ถูกมหามรรคาของที่นี่สยบกำราบเอาไว้มากเกินไป ถึงได้ทำให้ดูเหมือนท่าดีทีเหลว อีกทั้งมันยังกริ่งเกรงเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส ไม่อย่างนั้นลำพังเพียงแค่ขอบเขตและจิตแห่งมรรคาน้อยนิดแค่นั้นของเจ้า ป่านนี้ก็คงกลายไปเป็นของเล่นกลายไปเป็นหุ่นเชิดของมันนานแล้ว ต่อให้วิธีในการเย็บผ้าจะเกี่ยวพันกับจิตวิญญาณไม่น้อย แต่ก็ยังสู้เทวบุตรมารที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจคนไม่ได้”
เหนี่ยนซินถาม “มันหวังมาโดยตลอดว่าจะอาศัยเฉินผิงอันพามันออกไปจากที่นี่”
เฒ่าหูหนวกส่ายหน้า “เฉินผิงอันไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดพ้นไปจากพันธนาการของที่แห่งนี้ ขอแค่ไม่มีการสยบกำราบจากเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส เฉินผิงอันก็จะกลายเป็นเปลือกที่ดีที่สุดของมัน เหมือนถูกเซียนยึดครองร่าง ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณล้วนถูกเปลี่ยนเจ้านาย ถึงเวลานั้นขอแค่มันไปถึงใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้ ฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ ไปที่ใดก็มีแต่อิสระเสรี เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันดีอยู่แก่ใจ เทวบุตรมารนอกโลกกำลังสาวเส้นไหม ทำความเข้าใจกับเส้นทางหัวใจของเฉินผิงอันอย่างต่อเนื่อง ส่วนเฉินผิงอันก็กำลังรักษาจิตดั้งเดิมของตน หันกลับมาขัดเกลาจิตแห่งเต๋า ในเวลาปกติมองดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขากลมเกลียว พูดคุยหัวเราะกันถูกคอ แต่แท้จริงแล้วนี่คือการช่วงชิงของชีวิต ไม่แตกต่างจากการช่วงชิงกันบนมหามรรคาของผู้ฝึกลมปราณสักเท่าไร เจ้าอาจจะไม่รู้ คำสาบานทั้งหลายที่เทวบุตรมารนอกโลกกล่าวเอาไว้ เบาบางล่องลอยไร้พันธนาการที่สุดแล้ว”
เฒ่าหูหนวกทำสีหน้ามีเลศนัย “มีสภาพจิตใจและเนื้อหนังมังสาของเฉินผิงอันเป็นพื้นฐาน ไม่แน่ว่าวันหน้าไปอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เพียงไม่นานก็อาจจะมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์คนใหม่ปรากฏตัว บรรพบุรุษใหญ่ของภูเขาทัวเยว่ต้องยินดีเห็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน อิ่นกวานสองคนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ทยอยกันไปสวามิภักดิ์ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง นี่ก็คือจุดที่สถานการณ์ใหญ่มุ่งหน้าไป อยู่ต่อหน้าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส ข้าก็ต้องเอ่ยถ้อยคำที่ฟังดูเนรคุณสักประโยค ข้าเองก็รอคอยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง ‘เฉินผิงอัน’ ที่เดินไปยังปลายทางแห่งความสุดโต่งยังคงเป็นเฉินผิงอัน แต่ก็ไม่ใช่เฉินผิงอันทั้งหมด ได้รับอิสระเสรีที่บริสุทธิ์ที่สุด การฝึกตนต่อจากนี้ก็ขอแค่ได้มีชีวิตเป็นอมตะเท่านั้น เหนี่ยนซิน เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เหนี่ยนซินเอ่ย “ข้ายังไงก็ได้”
เหนี่ยนซินพูดเสริมมาอีกประโยค “หากมีวันนั้นอยู่จริง ข้าอาจจะเลือกพึ่งพาเฉินผิงอันคนใหม่ ไปลงหลักปักฐานอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างด้วยเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีโอกาสได้ฝ่าทะลุขอบเขต”
เฒ่าหูหนวกใช้สองนิ้วลูบหนวดเบาๆ ยิ้มร่าเอ่ยว่า “เฉินผิงอันคนใหม่ เหนี่ยนซินคนเย็บผ้า บวกกับขอบเขตบินทะยานอย่างข้า หากพวกเราสามคนร่วมมือกับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ร่วมกันก่อสำนักตั้งพรรค จะต้องมีภาพบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา โอกาสประสบผลสำเร็จสูงอย่างแน่นอน”
จากนั้นเฒ่าหูหนวกก็พึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องงดงามที่ใหญ่เทียมฟ้าขนาดนี้ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแล้ว”
เด็กหนุ่มโยวอวี้ฟังด้วยความอกสั่นขวัญผวา
ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากอิ่นกวานหนุ่มไปเข้าร่วมกับเผ่าปีศาจ สำหรับกำแพงเมืองปราณกระบี่และใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขาแล้ว จะกลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวปานใด
ส่วนลึกในใจของเด็กหนุ่มถึงขั้นรู้สึกว่าหากเฉินผิงอันไปเข้าร่วมกับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เมื่อเทียบกับเซียวสวิ้นอิ่นกวานคนก่อนที่ทรยศออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว ผลลัพธ์ที่ตามต้องยิ่งหนักหนามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
เหนี่ยนซินถามอย่างใคร่รู้ “เจ้าเปิดเผยความคิดจิตใจเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสจะลงโทษบ้างหรือ?”
เฒ่าหูหนวกหัวเราะฮ่าๆ “เดิมทีข้าก็เป็นเผ่าปีศาจอยู่แล้ว เคยปิดบังนิสัยดุร้ายปีศาจใหญ่ของตนตั้งแต่เมื่อไหร่? เฉินผิงอันถามข้าว่าหากไร้พันธนาการจะเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่ได้บอกไปตามตรงว่า ‘ทุกคนที่เห็นล้วนต้องตาย’ หรอกหรือ?”
เหนี่ยนซินมองภาพบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ตระการตาบนม่านฟ้าแล้วเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่พลังอำนาจยามที่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองฝ่าทะลุขอบเขตสมควรมี ต่อให้เฉินผิงอันได้รับคำว่าแข็งแกร่งที่สุดมา นี่ก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี”
เฒ่าหูหนวกส่ายหน้า “นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เคยเห็นเฉาสือมาก่อน เขาเป็นคนวัยเดียวกันกับเฉินผิงอัน ตอนนั้นที่เฉาสือกลับมายังภูเขาห้อยหัว ตอนที่เดินข้ามประตูก็ฝ่าทะลุขอบเขตพอดี ชักนำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่ใหญ่มากจากฟ้าดินทั้งสองแห่ง แต่สุดท้ายเฉาสือกลับไม่ได้รับโชคชะตาบู๊เหล่านั้นเอาไว้ เดือดร้อนให้เซียนกระบี่หกท่านของกำแพงเมืองปราณกระบี่ต้องออกกระบี่ทำให้โชคชะตาบู๊ล่าถอยไป แล้วยังต้องให้เทียนจวินสองท่านของภูเขาห้อยหัวลงมือด้วยตัวเองด้วย”
เฒ่าหูหนวกชำเลืองตามองม่านฟ้า “แต่ว่าบนเส้นทางวิถีวรยุทธ เฉินผิงอันก็ขยับเข้าใกล้เฉาสือมากขึ้นทุกทีแล้ว ผู้ฝึกยุทธในใต้หล้าแห่งอื่นๆ คาดว่ามีแต่จะยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไกลเฉาสือ”
นี่คือคำประเมินที่สูงอย่างถึงที่สุดที่ผู้อาวุโสใหญ่ขอบเขตบินทะยานมอบให้แก่เด็กรุ่นหลัง
ตอนที่เฉินผิงอันได้พบกับเฉาสือเป็นครั้งแรก ผู้ฝึกยุทธเด็กหนุ่มสองคนที่อายุเท่ากัน ตอนนั้นคนในใต้หล้ารู้จักแค่เฉาสือเท่านั้น
โยวอวี้เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ผู้อาวุโสหูหนวก หากยิ่งเดินยิ่งขยับเข้าใกล้เฉาสือผู้นั้น นั่นก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าใต้เท้าอิ่นกวานเดินได้เร็วกว่าเฉาสือหรอกหรือ?”
เฒ่าหูหนวกพยักหน้ารับ “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ”
จิตหยินชุดขาวกลับคืนสู่ช่องโพรงลมปราณแล้ว เฉินผิงอันที่ทั้งเรือนกายและจิตใจผสานรวมเป็นหนึ่งกระแทกตกลงบนพื้นอย่างแรง สองเข่างอ ก้มหน้าลง หอบหายใจหนักหน่วง
นาทีนี้คนชุดเขียวที่ก้มหน้าไม่พูดไม่จารู้สึกเพียงว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ ไม่มีสถานที่แห่งใดที่จะไปเยือนไม่ได้ ต่อให้เจ้าเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ เป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยาน ขอแค่มาอยู่ตรงหน้าข้า เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็มีสองหมัดมีหนึ่งกระบี่ มากพอจะให้ต่อสู้แล้ว
เด็กชายผมขาวพลิ้วกายลงพื้น พูดทวงคุณความชอบ “ข้าใส่แรงเต็มที่เลยนะ ถึงได้ทำให้เกิดภาพบรรยากาศยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ท่านปู่อิ่นกวานท่านต้องเห็นแก่น้ำใจครั้งนี้ของข้านะ”
เทวบุตรมารนอกโลกตนนี้เห็นแค่คนหนุ่มยังคงยืนค้างอยู่ในท่าเดิม แต่ช้อนเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย
มันหุบยิ้ม ประสานสายตากับเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันค่อยๆ ยืดเอวขึ้นตรง ความเคลื่อนไหวติดขัดเล็กน้อย ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องใดที่ปรึกษากันไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!