กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 683

เส้าอวิ๋นเหยียนมองน่าหลันไฉ่ฮ่วนแวบหนึ่ง น่าหลันไฉ่ฮ่วนเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย พิงพนักเก้าอี้ บอกเป็นนัยแก่เซียนกระบี่เส้าว่าต่อจากนี้นางจะทำตัวเป็นคนใบ้แล้ว

อันที่จริงนี่จะถือเป็นคำพูดไม่น่าฟังอะไรได้ คำพูดทิ่มแทงใจที่แท้จริงนางยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเรื่องที่ว่าในสำนักอวี่หลงต้องมีคนที่ฐานะสูงอำนาจหนัก และยังไม่ใช่แค่คนสองคนที่คิดจะทำการค้าครั้งใหญ่ยิ่งกว่ายามที่ฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ ขุนเขาสายน้ำกำลังจะเปลี่ยนสี อย่าว่าแต่เกาะหลูฮวาที่อวิ๋นเชียนไม่มีหน้าจะช่วงชิงเอามาครองเลย แม้แต่สถานที่อันเป็นสำนักเบื้องล่างซึ่งใบถงทวีปตัดแบ่งออกมาก็ล้วนมีโอกาสทั้งนั้น

เส้าอวิ๋นเหยียนเอ่ย “ดูจากตอนนี้ทางฝั่งศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงต้องไม่มีทางย้ายขึ้นเหนือแน่นอนแล้ว การที่ผู้ฝึกตนในสำนักที่คิดจะติดตามสหายอวิ๋นเชียนมีอยู่ไม่กี่คน อันที่จริงจะโทษว่าสายตาพวกเขาตื้นเขินก็คงไม่ถูก กลับกันยังต้องบอกว่าพวกเขาคิดคำนวณได้อย่างแม่นยำต่างหากถึงได้ทำเช่นนี้ ข้อแรกผู้ฝึกตนที่จะติดตามสหายขึ้นเหนือนั้น แต่ละคนล้วนต้องแบกรับข้อครหาว่าคิดจะแบ่งแยกสำนักอวี่หลง หากทางศาลบรรพจารย์เดือดดาลขึ้นมา ศิษย์พี่หญิงของเจ้าออกคำสั่งแค่คำเดียว พวกเขาก็จะเปลี่ยนจากเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักอักษรจงกลายไปเป็นผู้ฝึกตนอิสระกลุ่มหนึ่ง นี่ก็คือภัยอันน่ากังวลที่แท้จริงซึ่งอยู่ใกล้ในระยะประชิด”

“ข้อต่อมา ต่อให้ยอมเสี่ยงอันตรายย้ายขึ้นเหนือจริง แต่จะย้ายไปอยู่ที่ไหน? จะไปหาเกาะตระกูลเซียนที่มีปราณวิญญาณเปี่ยมล้นอย่างที่ตั้งศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงเจออีกได้อย่างไร? หรือจะให้ไปเช่าที่จากคนอื่น ผู้ฝึกตนสำนักอวี่หลงต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจตั้งแต่เมื่อไหร่? หากจะให้หาสถานที่สักแห่งที่ปราณวิญญาณบางเบา วันหน้าเวลาผ่านไปร้อยปีพันปี จะต้องถ่วงรั้งอนาคตบนมหามรรคาของผู้ฝึกตนที่ย้ายขึ้นเหนือไว้กี่มากน้อย?”

“ถอยมาหนึ่งก้าว ต่อให้เจอเกาะเซียนนอกทะเลที่พอจะเหมาะสมต่อการฝึกตนอยู่บ้าง ไปสร้างเรือนอยู่ที่นั่น สร้างค่ายกลใหญ่แห่งขุนเขาสายน้ำ ค่าใช้จ่ายจากการที่ต้องใช้สมบัติวิเศษแห่งฟ้าดิน เงินเทพเซียนก้อนใหญ่ขนาดนี้จะไปหามาจากที่ไหน? บรรพจารย์อวิ๋นเชียนขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ไม่เชี่ยวชาญการทำการค้า ทรัพย์สมบัติมีอยู่น้อยนิด แล้วนับประสาอะไรกับที่บรรพจารย์อวิ๋นเชียนไร้ความต้องการไร้ปรารถนา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ชอบคบหากับใคร ไม่มีเส้นสายพวกพ้อง ติดตามผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีแต่ขอบเขตแต่ไร้ฝีมือในการหาเงินเช่นนี้พลัดถิ่นไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ล้วนไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี”

อวิ๋นเชียนอึ้งงันไร้คำพูด แม้แต่การพยักหน้าตอบรับก็ยังเว้นไว้

ในที่สุดน่าหลันไฉ่ฮ่วนก็ส่งเสียง “แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?”

เส้าอวิ๋นเหยียนยื่นมือมานวดหว่างคิ้ว ก็โชคดีที่เป็นอวิ๋นเชียน หากเปลี่ยนไปเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนอื่น เวลานี้ก็น่าจะจากไปอย่างขุ่นเคืองแล้ว

น่าหลันไฉ่ฮ่วนชำเลืองตามองผู้ฝึกตนหญิงห้าขอบเขตบนที่นิสัยนิ่มนวลไร้ที่พึ่งแล้วถามว่า “อวิ๋นเชียน เจ้าสามารถพาคนไปได้กี่คน?”

อวิ๋นเชียนเอ่ย “หกสิบสองคน ในนั้นมีเซียนดินสามคน”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนกล่าว “เยอะขนาดนี้เชียว?”

อวิ๋นเชียนอับอาย

เข้าใจผิดคิดว่าน่าหลันไฉ่ฮ่วนพูดเหน็บแนมอีกครั้ง

แต่อยู่ดีๆ น่าหลันไฉ่ฮ่วนก็เอ่ยว่า “ข้าสามารถเอาเงินเทพเซียนก้อนหนึ่งที่ตัวเองสะสมไว้มาให้เจ้ายืมได้”

เส้าอวิ๋นเหยียนประหลาดใจอย่างมาก น่าหลันไฉ่ฮ่วนจะให้อวิ๋นเชียนยืมเงิน เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการที่วางไว้

อวิ๋นเชียนเอ่ยอย่างสงสัย “ทำไมล่ะ?”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนกล่าว “วิถีทางโลกวุ่นวาย เงินล่างภูเขาไม่มีค่า เงินบนภูเขากลับยิ่งมีค่ามากกว่าเดิม ข้ามีเงื่อนไขแค่ข้อเดียว”

อวิ๋นเชียนพยักหน้า “เชิญพูด”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนเอ่ย “หากมีวันหนึ่งที่เจ้าอวิ๋นเชียนออกจากสำนักอวี่หลงมาตั้งสำนักเป็นของตัวเอง ต้องให้ข้าเป็นเจ้าสำนัก วางใจเถอะ ถึงเวลานั้นข้าต้องเป็นเซียนกระบี่แล้วแน่นอน หากไม่มีวันนั้น เจ้ายังคงยึดมั่นสถานะของผู้ฝึกตนทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักอวี่หลงเอาไว้ไม่ยอมวาง หนึ่งร้อยปีให้หลัง ถึงเวลานั้นเจ้าก็ค่อยคืนเงินให้ข้าตามกฎของบนภูเขา”

อวิ๋นเชียนครุ่นคิดเล็กน้อยก็พยักหน้า “ตกลงตามนี้!”

ในที่สุดก็พอจะมีความกล้าหาญอย่างที่ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนสมควรมีบ้างแล้ว

เส้าอวิ๋นเหยียนรู้ว่าผู้ฝึกตนอย่างอวิ๋นเชียนนี้ คือคนที่เกิดมาก็เหมาะกับการนั่งอยู่ในอันดับรอง ไม่เหมาะจะเป็นเจ้าสำนัก

น่าหลันไฉ่ฮ่วนหันหน้ามายิ้มกล่าว “เซียนกระบี่เส้า หากมีโอกาสก็มาเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง เป็นอย่างไร?”

เส้าอวิ๋นเหยียนตอบอย่างไม่ลังเล “ได้สิ”

ผูกสัมพันธ์ควันธูปกับน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่เรือนชุนฟานเช่นนี้ ไม่เหมือนเวลาปกติทั่วไป เดิมทีเส้าอวิ๋นเหยียนก็เป็นเซียนกระบี่ที่คบหาสหายกว้างขวางอยู่แล้ว แม้ว่าน่าหลันไฉ่ฮ่วนจะทำการค้าอย่างเจ้าเล่ห์จนขาดคุณธรรม แต่ในอนาคตเมื่อไปก่อสำนักตั้งพรรคอยู่ที่ใต้หล้าไพศาลก็จำเป็นต้องให้คนอย่างนางมาควบคุมสถานการณ์ใหญ่จริงๆ

ในใจของอวิ๋นเชียนพอจะสบายใจได้บ้างแล้ว

ชื่อเสียงของเส้าอวิ๋นเหยียนในภูเขาห้อยหัวนั้นดีมาก ไม่สามารถมองง่ายๆ แค่ว่าเขาเป็นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งเท่านั้น

แล้วนับประสาอะไรกับที่พอเป็นช่วงเวลาที่ตัดสินเป็นตายก็จะยิ่งเห็นนิสัยใจคอกันและกัน เรือนชุนฟานยินดีที่จะใกล้ชิดกับกำแพงเมืองปราณกระบี่เช่นนี้ นิสัยของเซียนกระบี่เส้าเป็นอย่างไร แค่มองก็รู้ชัดเจนแล้ว เมื่อเทียบกับน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่เก่งกาจด้านการหาเงินแล้ว อันที่จริงในใจของอวิ๋นเชียนเชื่อมั่นในตัวเส้าอวิ๋นเหยียนมากกว่า

น่ากลันไฉ่ฮ่วนกล่าว “ข้าทำการค้าเสร็จแล้ว พี่เส้าเชิญเจ้าพูดธุระสำคัญต่อ”

เส้าอวิ๋นเหยียนจนใจกับคำเรียกขานของน่าหลันไฉ่ฮ่วน ได้แต่เอ่ยกับอวิ๋นเชียนว่า “ครั้งสุดท้ายที่ใต้เท้าอิ่นกวานมาเยือนเรือนชุนฟาน ได้บอกว่าหากการย้ายขึ้นเหนือของสหายอวิ๋นเชียนมีอุปสรรค ยังมีวิธีที่พบกันครึ่งทางอีกวิธีหนึ่ง สหายอวิ๋นเชียนสามารถไปเยือนศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงอีกครั้ง แล้วบอกว่ายินดีจะนำพาลูกศิษย์ในสำนักกลุ่มหนึ่งออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกสักครั้ง ใช้เวลาประมาณห้าหกปี แล้วขอเงินเทพเซียนจากศิษย์พี่หญิงมาสักก้อนหนึ่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพาคนออกเดินทาง แน่นอนว่าจำนวนจะมากเกินไปไม่ได้ นอกจากจะไปเยือนร่องเจียวหลงแล้วยังมีพื้นที่ลับตระกูลเซียนอีกมาก ยกตัวอย่างเช่นยังจะไปเยือนเกาะหลูฮวา ไปเยี่ยมชมถ้ำแห่งวาสนา ตามหาวาสนาแห่งเซียนยุคโบราณ ผู้ฝึกลมปราณที่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนดินลงไป ใครที่เต็มใจก็ล้วนสามารถติดตามไปได้ นอกจากนี้ยังจะไปเยือนสถานที่อย่างพวกหินพักมังกรด้วย”

เส้าอวิ๋นเหยียนกล่าวมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มเอ่ยว่า “เดิมทีใต้เท้าอิ่นกวานนึกว่าสหายอวิ๋นเชียนจะพาคนไปได้แค่สามสิบคน คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่มเป็นเท่าตัว นี่กลับจะกลายเป็นปัญหาเล็กๆ แล้ว หากคนทั้งหกสิบสองคนออกไปจากสำนักอวี่หลงและตำหนักสุ่ยจิงพร้อมกัน ศิษย์พี่หญิงของสหายอวิ๋นเชียน รวมไปถึงศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงก็อาจจะวางหน้ากันไม่ถูก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!