อิ่นกวานหนุ่มอยู่ที่ราชวงศ์ต้าหลีที่ยึดครองพื้นที่ทั้งหนึ่งทวีป หากคิดจะถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงจะเป็นดั่งการกระตุกผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง หากฉีกหน้าแตกหักกับต้าหลีขึ้นมาจริงๆ ภูเขาลั่วพั่วก็จะต้องเจอกับศัตรูรอบด้าน ไม่มีพื้นที่ให้หลบเลี่ยง ศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เซ่อนั้นไม่อาจย้ายไปอยู่ที่ใดได้
แต่หากขยับขยายกระดานหมากให้ใหญ่ขึ้น แจกันสมบัติทวีปตั้งอยู่ระหว่างอุตรกุรุทวีปกับใบถงทวีป อุตรกุรุทวีปมีสำนักพีหมาแห่งชายหาดโครงกระดูก มีสำนักกระบี่ไท่ฮุย ทะเลสาบกระบี่ฝูผิง สวนน้ำค้างวสันต์ ฯลฯ ใบถงทวีปมีสำนักกุยหยกที่เจียงซ่างเจินเป็นผู้เฝ้าพิทักษ์ และยังมีภูเขาไท่ผิงที่ถูกชะตากัน
ในเมื่อสกุลซ่งต้าหลีถูกกล่อมเกลาไปด้วยความรู้เรื่องทฤษฎีชื่อเสียงและคุณความชอบมาร้อยกว่าปี แน่นอนว่าย่อมต้องคิดคำนวณบัญชีครั้งนี้ให้ดี รายละเอียดของสิ่งที่ได้และเสียไปเป็นอย่างไร สรุปแล้วการเป็นยันต์คุ้มกันกายให้ภูเขาตะวันเที่ยงจะคุ้มค่ากันหรือไม่
วิชาการถามกระบี่เช่นนั้นของหลิวเสี้ยนหยาง แน่นอนว่าสามารถเอามาใช้ได้
แต่ส่วนลึกในใจของเฉินผิงอันกลับหวังให้สักวันหนึ่งเดรัจฉานเฒ่าวานรย้ายภูเขาตัวนั้นจะถูกภูเขาตะวันเที่ยงล้อมสังหารกับมือตัวเอง
ถึงเวลานั้นเขาก็แค่ต้องไปนั่งอยู่ในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยง ห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกกระบี่กลุ่มหนึ่งที่ฝืนใจยกย่องเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ไม่ว่าเขาจะดื่มเหล้าดื่มชาก็ล้วนตามใจปรารถนา หลังจากนั้นก็ได้เห็นวานรย้ายภูเขาตัวนั้นตกอยู่ในสภาพที่ถูกญาติมิตรทอดทิ้งกับตาตัวเอง
ถามกระบี่อยู่ที่ใจ
แน่นอนว่าการที่หลิวเสี้ยนหยางเดินขึ้นเขาไปถามกระบี่แก่ภูเขาตะวันเที่ยงโดยตรง ปลิดหัวของวานรย้ายภูเขาโยนเข้าไปในศาลบรรพจารย์ก็เป็นเรื่องที่สาแก่ใจมากเหมือนกัน
ข้าไม่ขาดทุน เจ้าก็ได้ทำตามใจ
ไปถึงหน้าห้องบัญชี น่าหลันไฉ่ฮ่วนพลันเอ่ยว่า “แค่ดูจากการจัดการปูทางถอยให้กับอวิ๋นเชียน เส้าอวิ๋นเหยียน เจ้ากลัวหรือไม่กลัว?”
เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มกล่าว “กลัว? กลัวอะไร?”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
……
บนหัวกำแพงเมือง ลู่จือหลุบตาลงต่ำจ้องมองสนามรบใต้ฝ่าเท้าที่เผ่าปีศาจกรูกันมาราวกับฝูงมด สตรีที่เป็นเซียนกระบี่ใหญ่ผู้นี้กำลังรักษาบาดแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งโชกเปรอะไปด้วยเลือด การศึกกำลังติดพัน นางจึงไม่มีเวลามาสนใจ
แล้วนับประสาอะไรกับที่ลู่จือเองก็ไม่เคยสนใจเรื่องรูปโฉมอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ออกจากเมืองไปไกลเกินไป จึงโดนวิชาอภินิหารจากปีศาจใหญ่ฉงกวง แล้วยังเจอกับกระบี่บินของเซียนกระบี่โซ่วเฉินอีกหนึ่งที
ทว่าตอนนี้ ท่ามกลางรังมดที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้ กลับมีกระแสคลื่นเส้นหนึ่งกำลังบุกรุดหน้ากรูไปยังทางทิศใต้
กระบี่บินอยู่ด้านหน้า ผู้ฝึกกระบี่หลายพันคนอยู่ด้านหลัง
บนเส้นเส้นหนึ่ง กระบี่บินกับเผ่าปีศาจชนปะทะกันก่อน
เผ่าปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไปในเสี้ยววินาที เลือดเนื้อสาดกระเซ็นแขนขาฉีกกระจาย
นี่ก็คือค่ายกลกระบี่ที่เซียนกระบี่ใหญ่สามท่านอย่างน่าหลันเซาเหว่ย เยว่ชิงและหมี่ฮู่เป็นผู้นำพาออกจากเมือง ผู้ที่ยินดีออกจากเมืองไปเข่นฆ่า ก็จงปล่อยฝีมือให้เต็มที่
ห่างออกไปไกลยิ่งกว่าคือเซียนกระบี่สามท่านที่เคยแกะสลักตัวอักษรไว้บนหัวกำแพงเมืองอย่างอาเหลียง เฉินซีและฉีถิงจี้ ต่างคนต่างยึดครองสนามรบแห่งหนึ่ง คุมเชิงกันอยู่เป็นรูปสามเหลี่ยม
หลังจากที่ฉีถิงจี้ออกแรงอย่างเต็มกำลัง ทุกครั้งปราณกระบี่จะซัดกระเพื่อมไปสี่ทิศ ในรัศมีร้อยลี้กว่ารอบกายเขาล้วนว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่นานก็มีเผ่าปีศาจที่มากมายจนเกินจะนับไหวกรูกันห้อมล้อมเข้ามาอีก
นอกจากปีศาจใหญ่หวงหลวนที่รับหน้าที่สร้างความวุ่นวายให้กับหัวกำแพงเมืองแล้ว หย่างจื่อ ป๋ายอิ๋ง แม่ทัพเทพเกราะทองจะต้องแบ่งกันเข่นฆ่ากับพวกอาเหลียงสามคนในทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง บางครั้งจะยังมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งเข้าร่วมด้วย
ตรงจุดสูง ต่งซานเกิงกับปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่หลอมจิตแห่งดวงจันทร์ครึ่งดวงใช้ดวงจันทร์ใหญ่ดวงหนึ่งเป็นสนามรบ เปิดฉากเข่นฆ่ากันมานานมากแล้ว
แหงนหน้ามองไป บนดวงจันทร์กลมโตใหญ่ยักษ์มีเส้นสีดำที่เล็กบางเส้นหนึ่งซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ขนาดมองจากจุดที่ห่างไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นร่องรอยอย่างชัดเจน หากอยู่ในพระจันทร์ดวงใหญ่คงจำเป็นต้องขี่กระบี่เดินทางไกลถึงจะสามารถมองเห็นสองฝากฝั่งของร่องรอยกระบี่ได้อย่างเต็มที่
นั่นเกิดจากกระบี่หนึ่งของต่งซานเกิงก่อนหน้านี้
แม้ว่าเฒ่าหูหนวกจะเป็นเผ่าปีศาจ แต่ยามที่ฆ่าเผ่าปีศาจขึ้นมากลับตรงไปตรงมาฉับไวยิ่งกว่าเซียนกระบี่หลายคนเสียอีก เขาใช้เวทลับเฉพาะอย่างหนึ่งนำร่างจริงใหญ่โตมโหฬารมาทับซ้อนเข้ากับกายธรรมที่ใหญ่โตปานกัน แล้วคอยฉีกกระชากหัว แขนขาทั้งสี่ของพวกเผ่าปีศาจร่างใหญ่ยักษ์พวกนั้นโดยเฉพาะ ก่อนนำเศษชิ้นส่วนร่างกายพวกนั้นมาทำเป็นกระบี่บินที่ขว้างใส่สนามรบทิศใต้อย่างไร้ระเบียบ
อริยะสามลัทธิ ชุดคลุมอาคมบนร่างของนักพรตเฒ่าตัวนั้นวาดภาพขุนเขาใหญ่ที่แท้จริงเอาไว้ ซึ่งมีมากมายเกินกว่าห้าขุนเขา
นักพรตเฒ่าถือกระจกเซียนมากสมบัติแห่งชะตาชีวิตบานหนึ่ง เมื่ออยู่บนทะเลเมฆก็ขยายใหญ่ยักษ์ราวกับทะเลสาบ จุดใดที่แสงกระจกสาดส่องไปล้วนถูกเผาจนไหม้เกรียม
อริยะลัทธิขงจื๊อหยิบเอา ‘ภาพหวงหลิวจวี้จิน’ ออกมาจากชายแขนเสื้อ ประกบสองนิ้วแล้วปาดไปเบาๆ ม้วนภาพยาวก็คลี่ตัวออก หล่นร่วงลงมาจากหัวกำแพงเมือง ห้อยแขวนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน น้ำของแม่น้ำหวงเหอไหลลงมาจากฟากฟ้า กระแทกให้เผ่าปีศาจที่เป็นดั่งมดรุมไต่กำแพงเมืองพวกนั้นร่วงกลับลงไปบนพื้นดิน ถูกกลบจมหายไปในกระแสน้ำที่ไหลบ่า เพียงชั่วพริบตาก็เหลือเพียงกองกระดูกขาวโพลน
อริยะลัทธิพุทธที่ร่างอาบเลือด เลือดสดของเขาที่เป็นสีทองมารวมตัวกันเป็นมังกรทองสิบตัว
ภิกษุท่านนี้ตัดนิ้วของตัวเองมาทำเป็นกระดูกสันหลังของมังกรทองแต่ละตัว จากนั้นจึงใช้เลือดสดตรงปลายนิ้วขาดมาแต้มนัยน์ตาให้กับมังกร
สุดท้ายภิกษุที่นิ้วทั้งสิบขาดสิ้นก็พนมมือเบาๆ ก้มหน้าลงท่องภาษาธรรมคำหนึ่ง
บนสนามรบ ลี่ไฉ่พกกระบี่บุกเข้าไปกลางกองทัพศัตรูเพียงลำพัง สี่ด้านแปดทิศล้วนมีแต่เผ่าปีศาจ ล้วนมีแต่เวทอาคม
ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด จะทำอย่างไรดี!
ฆ่าอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!