เฉินซีที่อยู่ด้านหน้าสุดของสนามรบใช้กระบี่หนึ่งฟันฟ้าดินเล็กของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งให้ปริแตกออก แล้วหันปลายกระบี่จ้วงแทงตรงเข้าหาปีศาจใหญ่ฉงกวงที่อยู่บนสนามรบเช่นเดียวกัน
ในศึกสิบสามก่อนหน้า ก่อนศึกโจมตีเมืองคราวนี้ ผู้ที่บัญชาการณ์เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็คือปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนนี้
ปีศาจใหญ่ฉงกวงปากอ้าตาค้างไปทันที ไม่รู้ว่าเฉินซีผู้นี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ยอมสละชีวิต ละทิ้งตบะบำเพ็ญส่งกระบี่นั้นใส่ตน
หากเฉินซีแค่ตามมาไล่ฆ่า ฉงกวงก็ไม่กลัวอีกฝ่ายจริงๆ ตนย่อมมีสารพัดวิธีที่สามารถหลบหลีกประกายเฉียบคมจากอีกฝ่ายได้ อย่างมากก็แค่ต้องเสียตบะหลายร้อยปีที่เก็บสะสมมาอย่างยากลำบาก บวกกับสมบัติหนักที่ใช้ในการป้องกันตัวไปชิ้นสองชิ้นเท่านั้น
ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่ก่อนหน้านี้ประมืออยู่กับเฉินซีขว้างทวนสายฟ้าในมือออกไป แทงตรงเข้าสู่แผ่นหลังของเซียนกระบี่ผู้เฒ่าเฉินซี
น่าหลันเซาเหว่ยที่อยู่มุมอื่นหันมารับทวนนี้แทนสหายรักอย่างเฉินซีอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในวงล้อมสังหารของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์สองตน มองส่งเฉินซีปล่อยกระบี่เล่มนั้นจากไปไกล
เพราะถึงอย่างไรชีวิตและมหามรรคา รวมถึงปณิธานกระบี่ตลอดชีวิตของผู้เฒ่าที่เคยสลักตัวอักษร ‘เฉิน’ ลงบนกำแพงเมืองผู้นี้ก็ล้วนอยู่ในกระบี่นี้แล้ว
ต่อให้เจ้าปีศาจใหญ่ฉงกวงจะเป็นขอบเขตบินทะยาน เจออย่างนี้จะยังไม่ตายได้อย่างไร
น่าหลันเซาเหว่ยแผดเสียงหัวเราะดังลั่น “ไม่สู้ปล่อยเดรัจฉานบนบัลลังก์มาอีกสักตัวหนึ่งสิ?!”
……
ผู้ฝึกตนของสำนักหยินหยางและอาจารย์ค่ายกลสำนักโม่จากใต้หล้าไพศาลกลุ่มนั้นได้จากไปแล้ว
เฉินซานชิว เตี๋ยจ้างสองคนจับคู่ออกเดินทางไปด้วยกัน
คนทั้งสองต่างก็เพิ่งเคยมาเยือนภูเขาห้อยหัวเป็นครั้งแรก พวกเขาจะนั่งเรือข้ามทวีปลำหนึ่งของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่มีชื่อว่า ‘หยกประการัง’ จากไป
หลังเดินข้ามผ่านประตูใหญ่ไป เฉินซานชิวก็หันกลับไปมองครั้งหนึ่ง
เตี๋ยจ้างเอ่ยว่า “ไปถึงทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางก็จะสามารถรอคอยการเปิดประตูในช่วงร้อยปีได้แล้ว”
คนทั้งสองต่างมาที่โรงเตี๊ยมกว้านเชวี่ย
โรงเตี๊ยมตั้งอยู่ในตรอกเล็กแคบ เถ้าแก่หนุ่มนั่งอาบแดดอยู่บนธรณีประตู เห็นคุณชายชุดขาวกับสตรีแขนเดียวก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มต้อนรับ “แขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่าน เชิญด้านใน เชิญด้านใน”
ข้ามผ่านธรณีประตูเข้ามา เฉินซานชิวก็เอ่ยว่า “เฉินผิงอันเคยบอกว่าหากเห็นเถ้าแก่ยังอยู่ที่ภูเขาห้อยหัว ก็ให้ข้าถามเถ้าแก่สักคำว่าใช่ผู้ฝึกตนหรือไม่?”
เฉินซานชิวยิ้มกล่าว “เฉินผิงอันยังบอกอีกว่า ไม่ได้มีความหมายอื่นใด แค่อยากรู้เท่านั้น”
เถ้าแก่หนุ่มฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะคิดเงิน ยิ้มร่าเอ่ยว่า “ข้าก็แค่คนทำการต้นทุนเล็กๆ แค่พอจะรักษากิจการบรรพบุรุษพื้นที่คับแคบนี้ไว้ได้เท่านั้น จะถือเป็นผู้ฝึกตนได้อย่างไร”
เฉินซานชิวพยักหน้ารับ ไม่ถามให้มากความอีก
เถ้าแก่หนุ่มแหงนหน้ามองเจ้าพวกคนขี้เกียจที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ โทสะก็ไม่รู้ว่าผุดมาจากไหน เปิดประตูทำการค้า แต่กลับวางมาดใหญ่กว่าเถ้าแก่อย่างเขาเสียอีก
กิจการของโรงเตี๊ยมกว้านเชวี่ยซบเซา ดังนั้นพวกลูกจ้างในโรงเตี๊ยมจึงไม่มีเรื่องอะไรให้ทำมากนัก
ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่รับผิดชอบหน้าที่เปิดปิดประตูและเฝ้ายามตอนกลางคืน พ่อครัววัยกลางคนคนหนึ่งที่ฝีมือทำอาหารไม่ได้เรื่อง สตรีออกเรือนแล้วร่างกายกำยำรับหน้าที่ปัดกวาดทำความสะอาดห้อง และเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้แขกเห็น
คนทั้งสี่ต่างก็แซ่เหนียน เหนียนหง เหนียนโต้วฟาง เหนียนชุนเถียว เหนียนชวงฮวา
พวกเขารวมตัวกันนั่งอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง ชายฉกรรจ์กับสตรีออกเรือนแล้วนั่งอยู่บนม้านั่งยาวด้วยกัน ผู้เฒ่ากับเด็กสาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เด็กสาวฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะ กำลังอ้าปากหาว
ผู้เฒ่ามีจมูกแดงก่ำของคนติดเหล้า เขายกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนม้านั่ง กำลังดื่มเหล้า ทุกครั้งที่สูดเหล้าคำเล็กๆ จะต้องหรี่ตาลงแล้วตัวสั่นเยือก
เหล้ากาหนึ่งดื่มได้เป็นครึ่งๆ วัน
ชายฉกรรจ์เหมือนจะเหม่อลอย ทว่าเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะกลับลูบไล้ไปบนขาของสตรี ถูกสตรีปัดออก ครู่หนึ่งก็กลับมาอีก ความมานะพยายามนี้ช่างน่าชื่นชม
สตรีนั่งหันข้างกำลังพูดคุยกับเด็กสาว นางพูดถึงข่าวลือในที่ต่างๆ ของภูเขาห้อยหัว ถ้อยคำที่ใช้ค่อนข้างหยาบโลน ไม่อย่างนั้นก็คงคุยไม่สนุก อย่างเรื่องที่ว่าอวิ๋นเชียนเซียนซือของตำหนักสุ่ยจิงไปจากภูเขาห้อยหัว เป็นเพราะว่ามีคุณชายน้อยรูปงามคนหนึ่งของตำหนักสุ่ยจิ่งไม่สนใจเรื่องลำดับอาวุโส แอบหลงรักนางจนหัวปักหัวปำ อวิ๋นเชียนเซียนซือจะตีจะด่าก็ไม่ได้ จะตอบตกลงกับอีกฝ่ายก็ยิ่งไม่ได้ จึงได้แต่ออกเดินทางไกลด้วยความอับอายที่พานเป็นความโกรธ และยังมีที่หน้าผาหมีลู่ ผู้ฝึกตนหญิงที่มาท่องเที่ยวบางคนถูกใครบางคนตะปบก้นบีบหนักๆ นางล่ะแปลกใจนัก นางเองก็ไปเดินเที่ยวอยู่ที่นั่นมาตั้งหลายรอบ เหตุใดถึงได้ไม่โดนกระทำเช่นนี้บ้าง สตรียังถามเด็กสาวว่า รู้หรือยังว่าหอหลิงจือที่ก่อนหน้านี้เพิ่งย้ายออกไป อย่าเห็นว่ามีเทพเซียนมาเยือนโรงเตี๊ยมพวกเขาเยอะ แท้จริงแล้ววุ่นวายมาก จุ๊ๆ นังปีศาจจิ้งจอกบางคนก็ช่างหน้าไม่อายจริงๆ พวกแขกที่กลับมาเยือนซ้ำอีกครั้งทำไมถึงยังกลับมา ก็ไม่ใช่เพราะว่าพวกนางเปิดเผยเนื้อหน้าอกขาวนวลในงานเลี้ยงเซียนซือ แล้วเรียกแทนตัวท่านพี่กับน้องหญิงยามอยู่บนเตียงหรืออย่างไร
เถ้าแก่หนุ่มยกกับแกล้มมาสองจานเล็ก เดินอ้อมออกจากโต๊ะคิดเงินมานั่งลงบนม้านั่งตัวยาวที่ว่างอยู่
วางถั่วเหลืองเต้าเจี้ยวและถั่วลิสงหมักน้ำส้มสายชูสองจานลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปด่าสตรีปากมากยิ้มๆ “เจ้าน่ะหุบปากไปเลย เมื่อก่อนก็ไม่รู้ว่าใครแต่งกายเลียนแบบเซียนจิ้งจอกไปเคาะประตูยามค่ำคืน แล้วยังถูกคนเขารังเกียจว่าอัปลักษณ์ด้วย”
เด็กสาวเอาหน้าแนบผิวโต๊ะ ถามเสียงเบาว่า “เถ้าแก่ นั่นคือเฉินซานชิวกับเตี๋ยจ้างหรือ?”
เถ้าแก่หนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ หยิบถั่วลิสงเมล็ดหนึ่งใส่ปาก “ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่ร้ายกาจมาก เพียงแต่ว่าจิตสังหารในใจเข้มข้นไปสักหน่อย”
ผู้เฒ่าจิบเหล้าอีกหนึ่งอึก ไม่เห็นว่าเหล้าในจอกจะลดน้อยลงแต่อย่างไร ทว่าเขากลับยังทำตัวสั่นเยือก “เฉินซานชิว มองดูแล้วไม่ว่าจะเป็นโชคแห่งกระบี่หรือโชคชะตาบุ๋นก็ล้วนมีมากทั้งสิ้น คนมีพรสวรรค์!”
“ส่วนแม่นางน้อยคนนั้น ขาดแขนไปข้างหนึ่งก็ไม่เป็นไร แค่มองก็รู้ว่านางมีดวงหนุนสามี”
“โอ้โห เถ้าแก่ เหล้านี้กินแกล้มกับถั่วเหลืองเต้าเจี้ยวของเรา รสชาติสุดยอดไปเลย”
ชายฉกรรจ์พึมพำ “สามารถดื่มเหล้าที่มีรสเหมือนเยี่ยวม้าให้เป็นเหมือนเหล้าหมักตระกูลเซียนชั้นยอดได้ ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นแหละ”
เถ้าแก่หนุ่มเอ่ยอย่างระอาใจ “จะดีจะชั่วก็เป็นเหล้าที่ร้านตัวเองหมักเอง ช่วยพูดให้น่าฟัง สะสมบุญให้ปากตัวเองสักหน่อยเถอะ”
เด็กสาวหยิบกลองป๋องแป๋งอันเล็กกะทัดรัดออกมาจากชายแขนเสื้อ บนผิวกลองวาดลวดลายสีสันสดใส เย็บจากหนังมังกร ด้ามทำจากไม้ท้อ ห้อยไข่มุกแก้วใสสีแดงเม็ดหนึ่ง
ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “ชวงฮวา เก็บลงไป”
เถ้าแก่หนุ่มยิ้มเอ่ย “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
มองสี่คนที่อยู่ตรงหน้า เถ้าแก่หนุ่มก็เอ่ยว่า “ตลอดหลายปีมานี้ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!