ดังนั้นถึงได้บอกว่าเป็นคนยาก เป็นผีเป็นเทพ อันที่จริงก็ไม่ง่าย
และหากกลายเป็นผี ข้อห้ามก็ยิ่งมีมาก ผิดพลาดเพียงน้อยนิดก็ถือว่าละเมิดข้อต้องห้าม ชักนำมาด้วยการลงโทษจากเสมียนกองโลกมืด พวกที่อยู่แถวป่าร้างชานเมืองยังดีหน่อย แต่หากอยู่ตามหมู่ชาวบ้านร้านตลาดของเมืองใหญ่นครใหญ่ นั่นก็ต้องเรียกว่าทุกหนทุกแห่งมีแต่บ่อสายฟ้าอย่างแท้จริง ยิ่งเป็นในภูเขาสายน้ำที่มีโชคชะตาแคว้นทอดยาว สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจยิ่งใหญ่ ผีก็ยิ่งไม่กล้าออกอาละวาดตามใจชอบ นอกเสียจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำและศาลบุ๋นบู๊แล้ว ก็ยังมีศาลเทพอภิบาลเมืองน้อยใหญ่ บวกกับพวกโรงเรียนวัดวาอาราม รวมไปถึงเทพทวารบาลที่แปะอยู่หน้าเรือนประตูสูงทั้งหลาย ภูตผีสิ่งสกปรกคิดจะหาพื้นที่หยัดยืนสักแห่งยังเป็นเรื่องยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระหว่างผีด้วยกันเองที่ยิ่งมีการรังแกข่มเหงแบบไร้เหตุผลอีกสารพัดอย่าง อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างจากเรื่องสกปรกโสมมทั้งหลายในโลกคนเป็นสักเท่าใด
กุศลผลบุญที่เด่นชัด บารมีของคนเที่ยงธรรม พวกภูตผีจะพากันถอยร่น เดินอ้อมหลบไปเอง คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวที่เลื่อนลอยเลยสักนิด
กิจการของร้านซบเซา หลี่จิ่นเริ่มคิดถึงลูกค้าที่คุ้นเคยกันดีสองคนซึ่งมักจะมาอุดหนุนกันเป็นประจำบ้างแล้ว คนแรกที่มาคือพี่น้องต้าเฟิง คนหลังคือน้องจู คนเขาซื้อหนังสือ นั่นต้องเรียกว่าใจป้ำนักหนา ซื้อทีเป็นถุงครึ่งถุง
สนิทกับจูเหลี่ยนยังต้องยกคุณความดีให้กับมรสมแม่น้ำอวี้แย่ในครานั้น ภายหลังจูเหลี่ยนจึงมาซื้อหนังสือที่นี่เป็นประจำ
แม้จะบอกว่าหลังจบเรื่องเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ผู้นั้นไม่ได้ถูกกรมพิธีการของต้าหลีลงโทษ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าถูกเสมียนกองงานพิธีของกรมพิธีการต้าหลีลงบันทึกคดีเอาไว้แล้ว เพราะหลี่จิ่นสนิทกับใต้เท้าหลางจงผู้นั้น ขุนนางหลักของสามกองอย่างกองการสอบกรมขุนนาง กองการคัดเลือกทหารกรมกลาโหมและกองงานพิธีของกรมพิธีการต้าหลีนี้ ระดับขั้นก็แค่ขั้นห้าชั้นเอกเท่านั้น แต่อำนาจกลับยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองงานพิธีของกรมพิธีการต้าหลี หลักๆ แล้วจะคอยตรวจสอบประเมินความชอบและความผิดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำทั้งหมดของต้าหลี มีอำนาจสำคัญในสำคัญอีกที ดังนั้นจึงถูกบนภูเขามองเป็น ‘ขุนนางสวรรค์น้อย’ ใต้เท้าหลางจงของกองงานพิธี ก่อนหน้านี้ไม่นานได้แต่งกายธรรมดามาเยี่ยมเยือนอาณาเขตของแม่น้ำทั้งสามสาย แล้วก็มานั่งพูดคุยเรื่องวันวานที่ร้านหนังสือแห่งนี้พักหนึ่ง การที่สามารถรบกวนให้ใต้เท้าหลางจงท่านนี้เดินทางมาเยือนเมืองหงจู๋ได้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเป็นเพราะปัญหาที่เหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ผู้นั้นก่อไว้ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้า
ในฐานะเพื่อนร่วมงานของเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ หลี่จิ่นไม่ถึงขั้นมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น แต่ก็อดรู้สึกเห็นใจเหมือนกระต่ายตายหมาป่าเศร้าไม่ได้ ต่อให้เป็นองค์เทพที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องของแม่น้ำหนึ่งสายแล้ว มหามรรคาก็ยังคงแปรปรวนไม่แน่นอนเช่นนี้ ตลอดทั้งปีต้องคอยยุ่งวุ่นวายเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่เคยได้หยุดพัก
แน่นอนว่าเพราะความฝันงดงามของหลี่จิ่นกลายมาเป็นความจริง หลังจากได้เป็นองค์เทพแห่งสายน้ำ ความทะเยอทะยานของหลี่จิ่นมีไม่มาก จึงถือว่ายังผ่อนคลายอยู่บ้าง หากหลี่จิ่นคิดอยากจะพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น ยกระดับของแม่น้ำชงตั้นให้เลื่อนไปอยู่ในระดับขั้นเดียวกับแม่น้ำเถี่ยฝู เลื่อนขั้นให้เท่าเทียมกับเทพวารีชั้นต้นอย่างหยางฮวา ย่อมต้องมีเรื่องให้ยุ่งวุ่นวายอีกมาก
หลี่จิ่นปิดตำราลง แล้วโยนมันไว้บนหน้าอก เริ่มหลับตาพักผ่อน
เขาเริ่มคิดถึงถ้อยคำที่เคยพูดคุยกับน้องจูขึ้นมาเสียแล้ว หากไม่พูดถึงสถานะและจุดยืนของทั้งสองฝ่าย อันที่จริงพวกเขาก็พูดคุยกันได้ถูกคอมาก หลี่จิ่นถึงขั้นยินดีให้น้องจูมานอนบนเก้าอี้สานตัวนี้ ส่วนตัวเองไปยืนอยู่ที่โต๊ะคิดเงิน
จำได้ว่าจูเหลี่ยนเคยยิ้มเอ่ยว่า ข้าเชื่อในพระธรรมแต่อาจไม่เชื่อในภิกษุ ข้าเชื่อในปรัชญาขงจื๊อแต่อาจไม่เชื่อในตัวลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ ข้าเชื่อในหลักการเหตุผลของอริยะปราชญ์แต่อาจไม่เชื่ออริยะปราชญ์
จูเหลี่ยนแห่งภูเขาลั่วพั่วเป็นยอดฝีมือนอกโลกคนหนึ่งที่ยากจะพานพบได้จริงๆ ไม่เพียงแต่วิชาหมัดสูงส่ง ความรู้ก็สูงมากด้วย
มีแขกมาเยือน หลี่จิ่นลืมตาขึ้น ยกกาน้ำชามาดื่มชาหนึ่งอึกแล้วเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “เลือกหนังสือได้ตามสบาย ห้ามต่อราคา”
หลี่จิ่นชำเลืองตามอง นอกจากบุรุษวัยกลางคนที่ยิ้มตาหยีแล้ว ผู้ฝึกตนหญิงของตำหนักฉางชุนอีกสามคนที่ไม่ว่าจะเป็นชุดคลุมอาคมหรือปิ่นปักผมก็ล้วนบอกตัวตนของตัวเองอย่างชัดเจน ต่างก็มีตบะตื้นเขิน หลี่จิ่นมองแค่แวบเดียวก็ดูออก
ในฐานะองค์เทพแห่งสายน้ำที่ควบคุมการโคจรของโชคชะตาในหนึ่งพื้นที่ เรื่องของการมองลมปราณมองโหงวเฮ้งในพื้นที่ปกครองของตน คือวิชาอภินิหารอย่างหนึ่งที่ได้รับมาเป็นพิเศษ เห็นว่าผู้ฝึกตนหญิงสามคนที่อยู่ในร้านล้วนขอบเขตไม่สูง แต่โชคชะตากลับไม่เลว นอกจากจะมีโชควาสนาตระกูลเซียนแล้ว บนร่างของสตรีทั้งสามยังแทรกซอนไปด้วยโชคชะตาบุ๋น โชคแห่งภูเขาและโชคชะตาบู๊ คำว่าผู้ฝึกตนไม่สนใจเรื่องทางโลก ตัดขาดฝุ่นโลกีย์ ไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น
มีเพียงบุรุษที่มีโฉมหน้าเป็นชายวัยกลางคนเท่านั้นที่หลี่จิ่นมองอีกฝ่ายไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ประหนึ่งเจอกับเจินเหริน เห็นได้อย่างเลือนรางท่ามกลางหมู่เมฆ
ในใจของหลี่จิ่นตกตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปมองอีกฝ่ายดีกว่า หากอีกฝ่ายเป็นพวกเซียนดินจริงๆ การที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่หนึ่งลอบสังเกตการณ์เขาเช่นนี้ก็คือการล่วงเกินที่ไร้มารยาทอย่างหนึ่ง
นี่ก็เหมือนยามที่เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอย่างจูเหลี่ยน จูเหลี่ยนออกหมัดใส่รอบด้านไม่หยุด ส่วนตัวเจ้าโห่ร้องไม่ขาดเสียง นั่นไม่เรียกว่าต้องการถามหมัดอยากโดนซ้อม จะเรียกว่าอะไร?
หมี่อวี้ไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นเกินควรใดๆ ต่อสตรีทั้งสาม ทุกอย่างหยุดไว้แค่ความพอเหมาะพอดีมีมารยาทเท่านั้น
ยามที่อยู่ร่วมกับสตรีจำนวนมาก ไม่ควรเผยท่าทีว่าจะเลือกใครคนใดคนหนึ่ง เพราะยามที่สตรีอยู่ด้วยกันล้วนหน้าบาง ดังนั้นถึงท้ายที่สุดแล้วบุรุษส่วนใหญ่มักจะต้องกลับไปมือเปล่า อย่างมากสุดก็ได้ใจสาวงามไปแค่คนเดียว ส่วนสตรีคนอื่นๆ ก็จะเปลี่ยนจากคนร่วมทางกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไป
แน่นอนว่าเซียนกระบี่หมี่ไม่ได้มีความคิดอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร เขาออกจากภูเขามาครั้งนี้ก็เพื่อทำธุระอย่างจริงจัง
การจัดการกับปีศาจภาพวาดในวัดอวิ๋นซานเขตการปกครองหวงฮวาชายแดนแคว้นหวงถิงไม่คณามือเหล่าผู้ฝึกตนหญิงของตำหนักฉางชุนแม้แต่น้อย สตรีในภาพวาดเป็นแค่ผีสาวขอบเขตถ้ำสถิตตนหนึ่ง แล้วก็จะไปอยู่ที่ตำหนักฉางชุนด้วย หมี่อวี้ที่อยู่ด้านข้างรับชมอย่างสบายตา วัดอวิ๋นซานซาบซึ้งในพระคุณอย่างยิ่ง ที่ว่าการในท้องถิ่นได้ผูกสัมพันธ์ควันธูปชั้นหนึ่งกับตำหนักฉางชุน ทุกคนต่างก็ยินดี
กลับเป็นสถานที่เล็กๆ ที่ชื่อว่าเขตการปกครองอวิ๋นสุ่ย ท่ามกลางหน้าผาของถ้ำหินแห่งหนึ่งในป่าลึก ‘เทพเซียนผู้เฒ่า’ ที่เป็นคอขวดขอบเขตประตูมังกรผู้นั้นทำให้หมี่อวี้ได้เปิดโลกทัศน์ไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าบนโลกจะมีผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนจนเนื้อหนังของตัวเองเป็นดั่งคุกที่กักขังจิตหยินอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดร่างของผู้ฝึกตนเฒ่าถึงฝังเลื่อมอยู่ในผนังถ้ำ ทุกข์ทนจนพูดไม่ออกมาหลายสิบปีแล้ว ผมยาวเหมือนเถาวัลย์ที่ลากไปตามพื้น ผิวหนังไม่ต่างจากก้อนหินหรือเปลือกไม้ จุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง การที่ต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะว่าได้รับคัมภีร์เป็นเซียนยามทิวามาบทหนึ่ง แต่กลับเป็นบทเล็กๆ ที่ไม่สมบูรณ์ เขาไม่ยินดีที่จะเปิดเผยมรรคกถา ฝึกตนจนหลงเดินทางผิด นี่ก็คือความน่าจนใจของผู้ฝึกตนอิสระ ต่อให้มีกระดูกแห่งเซียน อีกทั้งยังมีโชควาสนาแห่งเซียน แต่ขอแค่โชควาสนาของเซียนไม่มากพอ อีกทั้งไม่มีอาจารย์บนภูเขาคอยชี้แนะ จะกลายเป็นดั่งขนนกบางเบาที่ล่องลอยได้อย่างไร (ในสมัยโบราณเชื่อว่าเมื่อฝึกตนจนกลายเป็นเซียนแล้วจะรู้สึกตัวเบาเหมือนขนนกที่ล่องลอยพ้นจากโลกีย์ได้)
ผู้ฝึกตนเฒ่าถูกกักขังอยู่ในนี้มานานหลายปี สีหน้าอ่อนระโหยเต็มที และจิตวิญญาณก็ใกล้จะเน่าเปื่อยแล้ว จึงได้แต่ไปเข้าฝันคนตัดต้นไม้คนหนึ่ง แล้วบอกให้คนตัดต้นไม้นำความไปบอกแก่ที่ว่าการในท้องถิ่น หวังว่าจะส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังตำหนักฉางชุน ช่วยให้เขาสละร่างไปจากโลกนี้ หากทำเรื่องนี้สำเร็จจะต้องมีค่าตอบแทนให้คนที่ช่วยส่งข่าวให้อย่างงาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!