กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 690

การที่คุยเล่นกันก่อนหน้านี้ก็เพราะเจียงซ่างเจินเบื่อมากจริงๆ ก็เลยหาเรื่องหยอกเย้าหลิวจงเล่นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ตอนเฉินผิงอันอยู่ในโรงเตี๊ยมของจิ่วเหนียงที่เมืองหูเอ๋อร์ เคยเกิดความขัดแย้งกับองค์ชายสามหลิวเม่ามาก่อน เขาไม่เพียงแต่สังหารบุตรชายของเกาซื่อเจินเซินกั๋วกง ยังสังหารเว่ยหลี่ขุนนางผู้คุมตราประทับกองม้า นับได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตขององค์ชายต้าเฉวียนในอดีตทั้งสองคน อีกทั้งเฉินผิงอันยังมีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับตระกูลเหยา ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่าจวนเซินกั๋วกงสูญเสียการสืบทอดที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง หลิวฉงถูกกักบริเวณ เรื่องขององค์ชายสามหลิวเม่า เรื่องของหวังฉีวิญญูชนของสำนักศึกษาถูกเปิดโปง โอรสสวรรค์องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่นก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเฉินผิงอันทั้งสิ้น ด้วยสถานะของหลิวจง แน่นอนว่าแม้จะพูดไม่ได้ว่ารู้เรื่องลับวงในของวังหลวงเหล่านี้อย่างชัดเจน แต่ก็ต้องเคยได้ยินมาบ้างอย่างแน่นอน

หลิวจงแต่งเรื่องพูดไปส่งเดช เจียงซ่างเจินก็แค่รับฟังไว้เท่านั้น

หลิวจงจะแพ้ก็คงแพ้ในเรื่องที่ว่าเขาไม่รู้เลยว่า โจวเฝยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นถึงผู้นำบนภูเขาของตลอดทั้งใบถงทวีป

ต่อให้จะเคยได้ยินมาว่าหนึ่งในสหายรักของเซียนกระบี่ลู่ฝ่างมีเจียงซ่างเจินแห่งสำนักกุยหยกเป็นคนหนึ่งในนั้น แต่หลิวจงคิดจนหัวแตกก็คงคิดไม่ออกว่าเจ้าประมุขแห่งพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา เทพเซียนบนยอดเขาห้าขอบเขตบนคนหนึ่งจะยินดีไปผลาญเวลาอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ไปเป็นเจ้าตำหนักคลื่นวสันต์ที่ผู้คนรังเกียจนานถึงหกสิบปี เทพเซียนคนหนึ่งที่เดินทางไกลได้อย่างง่ายดาย กินแสงอรุโณทัยดื่มน้ำค้าง แต่ดันเอาตัวไปเกลือกกลิ้งคลุกอยู่ในดินโคลน สนุกนักหรือ ในอดีตได้ ‘บินทะยาน’ จากพื้นที่มงคลมายังใต้หล้าไพศาล ทัศนียภาพบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับหลิวจงอีกแล้ว ผู้ฝึกตนของที่นี่ล้วนตัดขาดอารมณ์ไร้ความปรารถนาไม่ต่างจากอวี๋เจินอี้ ถึงขั้นยังเคยเจอเซียนดินไม่น้อยที่อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบอวี๋เจินอี้ที่ถามมรรคาด้วยความตั้งใจจริงได้ติด

หลิวจงเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “ฟ้าดินแห่งนี้มีความประหลาดพิสดารนับร้อยนับพันจริงๆ จำได้ว่าตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่แล้วได้เห็นเรื่องอย่างเช่นเทพวารียืมเรือ เทพอภิบาลเมืองพิพากษาคดียามค่ำคืน ภูตจิ้งจอกอำคน ฯลฯ ตอนอยู่บ้านเกิดเคยจินตนาการถึงไหม? มิน่าเล่าเจ๋อเซียนพวกนั้นถึงเห็นพวกเราเป็นกบใต้บ่อ”

เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ความแปลกประหลาดเหล่านี้เห็นมากเข้าก็มีแค่นั้นแหละ กลับเป็นเรื่องประเภทที่ว่าวันวางเสาคานมีคนรื้อเสาคานต่างหากที่หากอดทนมองดูสักหลายๆ ปี กลับยิ่งน่าสนใจมากกว่า”

หลิวจงไม่อยากจะวกวนอ้อมค้อมกับคนผู้นี้อีกต่อไป จึงถามเข้าประเด็นทันที “โจวเฝย ครั้งนี้เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด? มาขอความช่วยเหลือ หรือมาพลิกบัญชีเล่มเก่า? หากข้าจำไม่ผิด ตอนอยู่ในพื้นที่มงคล เจ้าทำตัวเสเพลอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ ข้าก็เฝ้าอยู่ที่ร้านเก่าโทรมแห่งนั้น พวกเราสองคนไม่มีความแค้นใดต่อกันนี่นา หากเจ้าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ในบ้านเกิดนั่น วันนี้จึงมาเยี่ยมเยือนพูดคุยเรื่องวันวานจริงๆ ข้าก็จะเลี้ยงเหล้าเจ้า”

เจียงซ่างเจินกล่าว “ดื่มเหล้าคงไม่ต้องหรอก ข้าคนนี้ดื่มแต่สุราดีเท่านั้น กิจการศูนย์ฝึกยุทธของเจ้าจะหาเงินได้สักกี่แดงกัน? วางใจเถอะ ข้าไม่ได้มาเพื่อหาเรื่องเจ้าจริงๆ ครั้งนี้เดินทางไกลมาเยือนเมืองเซิ่นจิ่งพร้อมกับสหาย บังเอิญได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหลิวจงก็เลยกะว่าจะมาลองเสี่ยงดวงดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ ดูท่าตอนนี้ข้าคงโชคไม่เลว ฉวยโอกาสตอนที่ยังมีโชค คืนนี้จะไปหาเฉาโจวฮูหยินสักหน่อย ดูสิว่านางงดงามอย่างที่เล่าลือหรือไม่ พี่หลิวอยากเดินทางไปเที่ยวพร้อมกับข้าหรือไม่เล่า? มีพี่หลิวให้เกียรติคอยช่วยสนับสนุนน้องชาย ข้าก็คงยิ่งมีหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเฉาโจวฮูหยินมากขึ้นแล้ว”

หลิวจงลูบหนวดยิ้ม “น้องโจวยังคงสง่างามดังเดิมเลยนะ”

เจียงซ่างเจินยิ้มบางๆ “ดูจากการแต่งกายด้วยชุดบัณฑิตของข้าก็น่าจะรู้แล้วว่าข้าเตรียมตัวมาดี”

หลิวจงยิ้มถาม “เป็นแค่คนที่เดินผ่านทางมาจริงๆ หรือ?”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับ “ดังนั้นจึงรบกวนพี่ใหญ่หลิวเก็บมีดเลาะกระดูกในชายแขนเสื้อลงไป รับรองแขกเช่นนี้ทำให้น้องชายตกใจยิ่งแล้ว”

……

ในที่สุดก็ขยับเข้ามาใกล้ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ตลอดทางมานี้หลิ่วชื่อเฉิงเงียบงันผิดปกติ หลังผ่านหินพักมังกรมาแล้ว หลิ่วชื่อเฉิงก็มีท่าทีเหมือนคนซึมกะทือใกล้ตายเช่นนี้

ส่วนลึกในใจของไฉ่ป๋อฝูยอมศิโรราบให้กับหลิ่วชื่อเฉิงทั้งกายใจแล้ว

หากจะบอกว่าเจ้าลูกกระต่ายน้อยกู้ช่านเป็นคนที่มีโชควาสนาในทุกที่ที่ไปเยือน หลิ่วชื่อเฉิงกับตนก็คือคนบนเส้นทางเดียวกันที่แท้จริง

ตอนนั้นที่อยู่บนหินพักมังกร ไฉ่ป๋อฝูง่วนอยู่กับการเก็บสมบัติบนภูเขา พยายามแสดงความสามารถของผู้ฝึกตนอิสระออกมาอย่างเต็มที่ คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่เร่งรุดมาเยือน มีทั้งเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลและผู้ฝึกตนอิสระ แบ่งออกเป็นภูเขาน้อยใหญ่หลายลูก พวกเขาทะยานลมหยุดยืนนิ่ง ต่างก็มุ่งหน้ามาเพื่อหินพักมังกรที่สูญเสียพันธนาการไปอย่างกะทันหัน ไฉ่ป๋อฝูเองก็ไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่อง หลิ่วชื่อเฉิงคลายพันธนาการแต่กลับไม่ปิดประตู ปล่อยให้ภาพบรรยากาศผิดปกติชักนำคนนอกมาถึง แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสามารถให้ไม่กลัวอีกฝ่าย ต่อให้ไม่พูดถึงตบะขอบเขตหยกดิบของหลิ่วชื่อเฉิง ลำพังเพียงแค่ชื่อเสียงของนครจักรพรรดิขาวก็มากพอจะให้พวกเขาสามคนเดินกร่างได้แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่คนผู้นั้นยังอยู่ในหลุมน้ำลู่ หากมีเรื่องจริงๆ เชื่อว่าคงไม่มีทางนิ่งดูดาย เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างกู้ช่านที่เขาเพิ่งรับมาอยู่ด้วย

จากนั้นบนหินพักมังกร ข้างกายไฉ่ป๋อฝูพลันมีร่างชาวประมงเฒ่าที่สวมงอบไม้ไผ่สวมชุดกันฝน บนไหล่หาบไม้ไผ่เขียวลำหนึ่ง ตรงปลายทั้งสองด้านห้อยปลาหลีสีทองสองตัวที่ถูกด้ายร้อยทะลุแก้ม

ก็คือเซียนจับปลาแห่งหลุมน้ำลู่ที่หลิ่วชื่อเฉิงพูดถึง ตู๋ฉีหลางแห่งทะเลทักษิณแถวหลุมน้ำลู่มีอยู่หลายคน แต่เซียนจับปลากลับมีแค่คนเดียว แต่ไหนแต่ไรมามักไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง

ไฉ่ป๋อฝูเตรียมจะลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสที่อยู่บนเส้นทางการฝึกตนผู้นี้ กลับถูกชาวประมงเฒ่าชำเลืองตามอง ไฉ่ป๋อฝูจึงยืนนิ่งไม่ขยับทันที

ชาวประมงเฒ่าโบกมือให้กับพวกผู้ฝึกตนที่ได้ข่าวจึงทะยานลมมา บอกให้รู้ว่าหินพักมังกรแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาละโมบอยากครอบครองได้

เซียนจับปลาขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งที่มหามรรคาใกล้ชิดกับน้ำ ตัวอยู่บนหินพักมังกรที่เป็นบ้านตัวเอง รอบด้านล้วนมีแต่มหาสมุทร พลานุภาพย่อมน่าเกรงขามเป็นธรรมดา

หากหินพักมังกรไม่มีผู้เฒ่าชาวประมงคนนี้นั่งเฝ้าพิทักษ์ มีเพียงพวกเผ่าพันธ์เจียวหลงที่เหนื่อยล้ากลับมาจากการโปรยพิรุณ เซียนซือที่วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่บนมหาสมุทรมาจนชินกลุ่มนี้แค่อาศัยเวทอภินิหารของแต่ละคนก็สามารถกวาดเอาสมบัติบนหินพักมังกรไปได้เกลี้ยงแล้ว ในประวัติศาสตร์หลุมน้ำลู่มักไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่มีคนมาขโมยของบนหินพักมังกรสักเท่าไร น่าเสียดายที่เซียนจับปลาเผยตัวมาไล่คน ถ้าอย่างนั้นก็คนละเรื่องกันแล้ว ตระกูลเซียนบนมหาสมุทร หากเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นดั่งจอกแหนไร้รากลอยไปตามกระแสน้ำก็ยังไม่ค่อยเท่าไร แต่ถ้าเป็นพรรคใหญ่บนภูเขาที่ไม่ยอมย้ายเกาะ ส่วนใหญ่มักจะต้องเคยเห็นกับตา หรือไม่ก็เคยเผชิญกับความร้ายกาจของตู๋ฉีหลางแห่งทะเลทักษิณกับตัวเองมาก่อนแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้วจึงพากันคารวะอำลาผู้เฒ่าชาวประมง ผู้ฝึกตนอิสระคนอื่นๆ ชำเลืองตามองน้ำลายมังกรล้ำค่าที่ไหลลงสู่มหาสมุทรแล้วก็ให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์

เซียนจับปลาเอาหอกชี้ไปยังคนผู้หนึ่งง่ายๆ น้ำลายมังกรในทะเลก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แล้วกระเพื่อมขึ้นมาห่อหุ้มผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับหินพักมังกรไว้อย่างรวดเร็ว สังหารอีกฝ่ายให้ตายคาที่ เรือนกายหลอมละลายหายไปสิ้น

ความคิดของหลิ่วชื่อเฉิงไม่ได้อยู่บนร่างของเซียนจับปลา พวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลจากไปอย่างรู้กาลเทศะ พวกผู้ฝึกตนอิสระก็เผ่นหนีอย่างอกสั่นขวัญผวา สุดท้ายเหลือแค่สตรีสองคนที่ยังคงทะยานลมลอยตัวอยู่ห่างไปไกล

คนหนึ่งคือหญิงสาวท่าทางบอบบางนุ่มนิ่ม รูปโฉมของนางไม่ได้งามล่มเมือง แต่น่ามอง น่ามองอย่างมาก

ข้างกายมีภูตจิ้งจอกน้อยที่ดวงตาสองข้างเป็นคนละสี ขอบเขตโอสถทอง เทียบกับน้องหลงป๋อของตนแล้วยังแข็งแกร่งกว่าระดับหนึ่ง

กู้ช่านไม่เอ่ยอะไรสักคำ

ส่วนผู้เฒ่าชาวประมงคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงยิ่งเงียบงัน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!