กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 692

ในที่สุดก็มาถึงศาลเทพลำคลองที่มีควันธูปโชติช่วงแห่งนั้น เผยเฉียนและหลี่ไหวจ่ายเงินซื้อธูปธรรมดาสามดอก จุดธูปที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ได้เห็นเทวรูปเกราะทองที่สองมือถือกระบี่และเจี่ยน (อาวุธโลหะสมัยโบราณชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายเหล็กแท่งสี่เหลี่ยมยาวไม่มีคม) สองเท้าเหยียบอยู่บนงูแดง

เทวรูปร่างทองของนายท่านเทพลำคลองสูงมาก ถึงขนาดสูงกว่าเทวรูปของเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูที่บ้านเกิดถึงสามฉื่อกับอีกหนึ่งชุ่นครึ่ง

เผยเฉียนความจำดีมาโดยตลอด

คน เรื่องราว ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านตานาง หากไม่คิดถึงก็เหมือนลืมเลือนไปอย่างสิ้นเชิง แต่พอคิดขึ้นมากลับจำได้อย่างชัดเจน

คนที่มาเยือนศาลเทพลำคลองเบียดเสียดกันแออัด ผู้มีจิตศรัทธาเดินสวนกันขวักไขว่ เผยเฉียนกับหลี่ไหวที่อยู่ท่ามกลางกระแสผู้คนจึงไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เผยเฉียนกับหลี่ไหวเดินข้ามธรณีตำหนักใหญ่มาแล้วก็เดินไปด้านหลังต่อ อาณาบริเวณของศาลเทพลำคลองกว้างขวาง มีตำหนักมากมาย สถานที่ที่สามารถเดินเล่นได้มีอยู่ไม่น้อย เผยเฉียนขมวดคิ้วระหว่างเดิน บอกให้หลี่ไหวรีบเดินตามมาเร็วๆ จากนั้นนางก็ใช้ไม้เท้าเปิดทาง ไปยืนอยู่ระหว่างเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรงกับคนแก่ ฝ่ายหลังจูงมือเด็กหญิงมาด้วย ผู้เฒ่ากำลังเล่าเรื่องเล่าประหลาดมหัศจรรย์ทั้งหลายของศาลเทพลำคลองแห่งนี้ให้เด็กหญิงฟัง เด็กหนุ่มคนนั้นถูกไม้เท้าสีเขียวกระแทกแขน ไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่ทำให้เรื่องดีๆ พัง เห็นเด็กสาวร่างผอมบางยืนขวางระหว่างตนกับผู้เฒ่าตลอดเวลา เขาก็หัวเราะ แล้วถึงขนาดเดินไปตรงหน้าผู้เฒ่า เผยเฉียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กระแทกไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ

ร่างของเด็กหนุ่มพลันไม่มั่นคงจึงขยับไปด้านข้างหลายก้าว เขาแยกเขี้ยว เห็นว่าเด็กสาวผิวคล้ำหยุดเท้าลง หันมามองสบตาเขา

เด็กหนุ่มแสยะยิ้มกว้าง “คนบนเส้นทางเดียวกัน?”

เขาเดินไปข้างหน้าช้าๆ เด็กสาวที่ในมือถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวและสะพายหีบไม้ไผ่ก็คล้ายว่าเดินเคียงบ่ากับเขาไป

เผยเฉียนเอ่ยเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าได้ถุงเงินไปจากร่างของคนรวยคนหนึ่งแล้ว ทว่าผู้เฒ่าคนนี้ ดูจากท่าทางที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง และรองเท้าที่พื้นสึกกร่อนคู่นั้นของเขาก็รู้แล้วว่าเงินน้อยนิดบนร่างของเขาเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเงินค่ารถม้าที่เหลืออยู่หลังจากพวกเขาสองปู่หลานจุดธูปขอพรแล้ว เจ้ายังลงมือได้ลงคออีกหรือ?”

เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว “แล้วมันเรื่องอะไรของเจ้าด้วย? เจ้าทนได้หรือ? ในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าในเมื่อข้าผู้อาวุโสสามารถมาเปิดเตา (เปรียบเปรยว่ามาทำอาชีพ/มาหาเงิน) ที่นี่ได้ ก็แสดงว่าต้องมีที่พึ่ง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าออกจากศาลเทพลำคลองไป เจ้าคงเดินไปได้ไม่ถึงสิบลี้? รู้หรือไม่ว่าเหตุใดปลาในลำคลองเหยาเย่สายนี้ถึงได้ตัวใหญ่กันนัก? ก็เพราะว่ากินคนจนอิ่มอย่างไรเล่า!”

เผยเฉียนเอ่ยต่อว่า “ดูจากวิธีลูบคลำหาสิ่งของของเจ้า ในเมื่อสามารถขโมยของจากบนร่างคนอื่นได้ก็แสดงว่าไม่ขาดเงิน ในศาลเทพลำคลองแห่งนี้ ต่อให้เจ้าไม่สะสมบุญทำความดี ขโมยเครื่องประดับเงินทองของพวกคนรวยก็แล้วไปเถอะ แต่เจ้าก็ไม่ควรขาดคุณธรรมมากเกินไป ถึงขั้นขโมยทรัพย์สินเงินทองที่อาจทำร้ายชีวิตคนอื่นหรอกกระมัง?”

เด็กหนุ่มเอ่ย “เจ้าตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำลายเรื่องดีๆ ของข้าให้ได้?”

“ทำลายเรื่องดีๆ ของเจ้า? ลักเล็กขโมยน้อย ในใจก็ยังแบ่งแยกดีเลวไม่ออกอย่างนั้นหรือ?”

จากนั้นเผยเฉียนก็เอ่ยว่า “สูงเหนือหัวขึ้นไปสามฉื่อมีเทพคอยจ้องมอง เจ้าระวังเถอะว่าเทพวารีเซวียจะเป็น ‘เทพวารีระบายเพลิงอัคคี’ (หรือเพลิงโทสะ) เข้าจริงๆ”

เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะพรืด “ก็คอยดูกันต่อไปเถอะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างนอก ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถหลบอยู่ในนี้ได้นานเท่าไร”

เผยเฉียนพยักหน้า “ก็ลองดูได้”

หลี่ไหวเดินตามมาด้านหลังเผยเฉียนด้วยความมึนงง

เห็นว่าเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรงผู้นั้นยิ้มหยันหมุนตัวจากไป เผยเฉียนก็ยังเอ่ยเตือนว่า “เข้าไปจุดธูปในวัดวาอาราม พยายามเดินกลับทางเดิมให้น้อยลง”

เด็กหนุ่มร้องถุยหนึ่งทีแล้วก้าวเร็วๆ จากไป

หลี่ไหวถาม “ขโมยหรือ?”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “อายุน้อย แต่กลับโชกโชน”

หลี่ไหวกล่าวอย่างเป็นกังวล “ดูจากท่าทางแล้วไอ้หมอนั่นคงจะไปดักรอพวกเราที่ประตูกระมัง? จะทำอย่างไรดี? ศาลเทพลำคลองแห่งนี้มีประตูเล็กประตูข้างให้เดินออกหรือไม่?”

เผยเฉียนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร อีกฝ่ายไม่กล้าดักอยู่หน้าประตูศาลเพื่อก่อเรื่องหรอก มีแต่จะเลือกลงมือในจุดเปลี่ยวของลำคลองเหยาเย่ ถึงเวลานั้นพวกเราก็ไม่ต้องเดินทางเส้นเล็กเลียบริมลำคลอง ไปเดินถนนสายใหญ่กันแทน”

กลอนคู่พื้นดำอักษรสีทองที่อยู่ในตำหนักหลัง เนื้อหาในบทกลอนนั้นถูกอาจารย์พ่อนำไปสลักไว้บนแผ่นไม้ไผ่ เมื่อก่อนตอนที่เอาแผ่นไม้ไผ่ออกมาตากแดด เผยเฉียนเคยเห็น

‘มาโขกหัวกราบไหว้ด้วยใจศรัทธา ย่อมมีบุญกุศลคอยปกป้อง หากทำชั่วต่อให้เจ้าจุดธูป ระวังจะทำให้เทพวารีระบายเพลิงอัคคี’

เผยเฉียนสองมือยกพนม พูดในใจเบาๆ

หลี่ไหวยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกเพียงว่าเนื้อความในกลอนคู่น่าสนใจ มิน่าเล่าก่อนหน้านี้เผยเฉียนถึงได้เกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มที่เป็นขโมยคนนั้นว่าระวังเทพวารีจะระบายเพลิงอัคคี

หลังจากที่คนทั้งสองออกจากศาลเทพวารี ตลอดทางไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะเข้าช่วงกลางคืนก็ไปถึงท่าเรือแห่งนั้น เพราะหากอิงตามกฎ ก่อนจะเข้าช่วงกลางคืนพวกคนเรือจะไม่ถ่อเรือข้ามผ่านลำคลอง บอกว่ากลัวจะรบกวนการพักผ่อนของนายท่านเทพลำคลอง ขนบธรรมเนียมนี้สืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า คนรุ่นหลังจึงทำตามสืบต่อกันมา

คนป่วยหนักหาหมอรักษาโรค บัณฑิตเดินทางมาสอบ คนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย คนสามประเภทนี้ชาวเรือจะไม่เก็บเงินแม้แต่คนเดียว คนประเภทแรกรับเงินไว้ไม่ได้ เพราะจะทำลายบุญกุศล คนประเภทที่สอง ต้องสะสมควันธูป คนประเภทสุดท้ายคือไม่กล้ารับเงินไว้

เผยเฉียนหรี่ตาลง

มาแล้ว

เผยเฉียนชำเลืองตามองกลุ่มคนที่อยู่ห่างไปไกล ดูท่าจะกำลังเฝ้าตอรอกระต่าย เด็กหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มคนกำลังชี้ไม้ชี้มือมาที่ตน ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนพากันก้าวยาวๆ เดินตรงมาหา คนผู้หนึ่งที่เรือนกายสูงใหญ่กำหมัดจนข้อกระดูกลั่นกร๊อบ

มองดูแล้วน่าตกใจอย่างมาก

เผยเฉียนเอ่ยกับหลี่ไหวว่า “มายืนอยู่ด้านหลังข้า”

หลี่ไหวเอ่ย “ขอโทษและมอบเงินให้ก็จบเรื่องกันได้แล้วไม่ใช่หรือ?”

เผยเฉียนกล่าว “ไม่จบหรอก อยู่ในยุทธภพต้องรักษาหน้าตา หน้าตามีค่ายิ่งกว่าเงินทอง ไม่ใช่ว่ามีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม อีกทั้งหลายๆ ครั้งยังเอามาแลกเป็นเงินได้จริงๆ ด้วย นับประสาอะไรกับที่เรื่องนี้ก็ไม่ควรให้จบกันทั้งอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สามารถจ่ายเงินฟาดเคราะห์ได้เลย”

หลี่ไหวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าทำอะไรได้บ้าง?”

เผยเฉียนกล่าว “หากข้าสู้ไม่ไหวจริงๆ เจ้าก็บอกว่าตัวเองเป็นบัณฑิตจากสำนักศึกษาหย่งจิน อีกฝ่ายต้องไม่เชื่อแน่นอน แต่ยามที่ลงมือซ้อมเจ้า คาดว่าคงออมแรงไว้บ้างเพราะกลัวว่าจะซ้อมเจ้าจนตาย”

หลี่ไหวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าระวังหน่อย หากทนเจ็บไม่ไหวก็ให้ข้าไปเปลี่ยนแทน”

มรสุมครั้งนี้ อันที่จริงหากสืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็เพราะเผยเฉียนไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น ถึงได้เรียกปัญหามาสู่ตัว แต่สำหรับหลี่ไหวแล้ว เขาไม่มีทางมีความคิดเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางกล่าวโทษเผยเฉียน

คนทั้งกลุ่มล้อมเผยเฉียนและหลี่ไหวเอาไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นพูดยุแยงว่า “ก็คือนังเด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้แหละ ไม่เพียงแต่ทำให้ข้าเสียการค้าครั้งใหญ่ในศาลเทพลำคลองไป เดิมทีเงินที่ควรได้อย่างน้อยก็ต้องมียี่สิบตำลึงเงิน หลังจากข้าบอกชื่อพรรคพวกเราไป หมายจะให้นางรู้อะไรควรไม่ควรสักหน่อย นางกลับยังป่าวประกาศว่าจะเล่นงานพวกเราให้เละ บอกว่าตนเองมีหมัดมีเท้ามีวิชายุทธ ไม่จำเป็นต้องกลัวคนที่ฝีมือต่อสู้งูๆ ปลาๆ อย่างพวกเราเลย”

ชายฉกรรจ์คนที่เป็นหัวหน้าใช้ฝ่ามือผลักหัวเด็กหนุ่มคล่องแคล่วที่เป็นต้นไม้เรียกเงินของตัวเองออก ยิ้มเอ่ยกับเด็กสาวว่า “นังหนู หมัดและเท้าของเจ้าร้ายกาจเช่นนั้นจริงหรือ?”

ชายหาดโครงกระดูก ลำคลองเหยาเย่ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเทพเซียนมากมายมาเยือนที่แห่งนี้ คนมหัศจรรย์เรื่องราวพิสดารพันลึกมีมากมาย

เพียงแต่ว่าเจ้าสองคนที่สะพายหีบไม้ไผ่ตรงหน้านี้ก็อย่านับรวมเลยดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!