กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 692

หลี่ไหวพยายามตะโกนเสียงดัง “เผยเฉียน หากเจ้าออกหมัดเช่นนี้ ต่อให้พวกเราสองคนจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก ข้าก็จะต้องไปฟ้องเฉินผิงอันให้จงได้!”

เผยเฉียนสะอื้นไห้อยู่ในลำคอ “อาจารย์พ่อของข้าอาจไม่ได้กลับมาบ้านอีกแล้ว”

เด็กสาวจิตใจหม่นหมอง แต่ปณิธานหมัดบนร่างกลับพรั่งพรูทะยานพรวดพราดตลอดเวลา

ทะเลเมฆเจ็ดสีเหนือศาลเทพลำคลองเหยาเย่เดี๋ยวก็มารวมตัวกัน เดี๋ยวก็แยกสลายไม่หยุดนิ่ง

เซวียหยวนเซิ่งได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน ดีนักนะ ก่อเรื่องเหลวไหลขึ้นเสียแล้ว เหตุใดถึงได้รู้สึกว่าหมัดนั้นของแม่นางน้อย หากต่อยออกมาร่างทองจะต้องปริแตกนะ? นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เว้นเสียจาก…

เว้นเสียจากแม่นางน้อยคนนี้ฝ่าทะลุขอบเขต โชคชะตาบู๊อยู่บนร่าง จากนั้นในเสี้ยววินาทีก็…ฝ่าทะลุขอบเขตไปอีกขั้น! อยู่ดีๆ ก็ฝ่าทะลุขอบเขตสองขั้นติดกันในรวดเร็ว กลายเป็นขอบเขตเดินทางไกลอย่างเลอะเลือนเช่นนี้น่ะหรือ?

เซวียหยวนเซิ่งรู้สึกว่าน้ำน่าจะเข้าสมองเทพลำคลองอย่างตนเสียแล้ว

ทว่าภาพเหตุการณ์ผิดปกติระหว่างฟ้าดินที่เกิดขึ้นตรงหน้ากลับไม่เคยมีปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของลำคลองเหยาเย่และชายหาดโครงกระดูกจริงๆ

หลี่ไหวเอ่ยอย่างเสียใจ “เฉินผิงอันจะกลับมาบ้านหรือไม่ ถึงอย่างไรเจ้าเผยเฉียนก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว เฉินผิงอันไม่ควรรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขา ชีวิตนี้คนที่เขามองผิดที่สุดคือเผยเฉียน ไม่ใช่เซวียหยวนเซิ่ง”

เผยเฉียนพลันหันหน้ามาด่า “ผายลมเหม็นๆ ของมารดาเจ้าน่ะสิ!”

หลี่ไหวที่เหงื่อท่วมเต็มศีรษะยื่นมือไปไว้หลังก้น พยักหน้าเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลั้นไว้ก่อน เจ้าลองดมดูว่าหอมหรือไม่ ทุกครั้งเฉินผิงอันล้วนบอกว่าหอมมาก”

อยู่ดีๆ เผยเฉียนก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง บนเส้นทางเล็กระหว่างหุบเขาในขณะที่เดินทางไกลปีนั้น

นางกำหมัดหลวมๆ ถามจูเหลี่ยนกับสือโหรวว่าอยากรู้หรือไม่ว่าในมือนางซ่อนอะไรไว้ จูเหลี่ยนบอกให้นางไสหัวไป สือโหรวกลอกตามองบน จากนั้นนางก็ถูกอาจารย์พ่อเขกมะเหงกใส่

ก่อนหน้านั้นนางถามคำถาม อาจารย์พ่อตอบคำถาม

‘อาจารย์พ่อ นี่เรียกว่าวิญญูชนไม่แย่งของรักของคนอื่นหรือไม่?’

‘ข้าน่ะหรือ ห่างจากการเป็นวิญญูชนที่แท้จริงอีกไกลนัก’

‘ไกลเท่าไร? ไกลเท่าสวนสิงโตมาถึงที่พวกเราอยู่ตอนนี้หรือไม่?’

‘คงไกลกว่าพื้นที่มงคลดอกบัวมาถึงสวนสิงโตอีกกระมัง’

‘ไกลขนาดนี้เชียวหรือ?!’

‘ก็ใช่น่ะสิ’

‘อาจารย์พ่อ แต่ต่อให้ไกลแค่ไหนก็สามารถเดินได้ถึงกระมัง?’

‘ใช่แล้ว แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้นคือห้ามเดินไปผิดทางล่ะ’

……

เวลานี้เผยเฉียนพลันคลายท่าหมัด เก็บปณิธานหมัดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นางสะพายหีบไม้ไผ่ขึ้นเงียบๆ เดินมาหยุดอยู่ข้างกายหลี่ไหว รับไม้เท้าเดินป่าที่อาจารย์พ่อมอบให้มาจากมือของเขา

เซวียหยวนเซิ่งรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ในความเป็นจริงแล้วบนภูเขามู่อีสำนักพีหมาก็มีคนหลายคนที่โล่งอกเช่นเดียวกัน

เผยเฉียนเอ่ยขออภัยเทพลำคลองเซวียอย่างห่อเหี่ยว จากนั้นก็เดินไปที่ท่าเรือ

หลี่ไหวพอจะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเผยเฉียนได้คร่าวๆ อารมณ์ของเขาพลันหนักอึ้ง เดินตามไปข้างกายเผยเฉียน อย่าว่าแต่เอ่ยปลอบเผยเฉียนเลย เวลานี้ตัวเขาเองก็รู้สึกแย่มากๆ

ท่าทีผิดปกติของเผยเฉียนในวันนี้เกี่ยวข้องกับเทพลำคลองเซวียที่ปลอมกายเป็นคนเรือเฒ่า แต่อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวมากนัก เรื่องที่ทำให้เผยเฉียนโกรธเคืองอย่างแท้จริง น่าจะเป็นเพราะเรื่องในอดีตบางอย่างของนาง รวมถึงเรื่องที่อาจารย์พ่อของนางออกเดินทางไกลเนิ่นนานไม่กลับมาเสียที ถึงขั้นที่ว่าหากพูดตามคำกล่าวของเผยเฉียนที่บอกว่านับจากนี้เฉินผิงอันอาจไม่ได้หวนกลับคืนมาบ้านเกิดอีกแล้ว พอคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ไหวก็เซื่องซึมไร้ชีวิตชีวายิ่งกว่าเผยเฉียนเสียอีก

เผยเฉียนเอ่ย “หลี่ไหว ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

หลี่ไหวฝืนคลี่ยิ้ม หลุดปากพูดไปว่า “ฮ่าๆ ข้าคนนี้ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียหน่อย”

เผยเฉียนเหล่ตามองหลี่ไหว

คนเรือผู้เฒ่าตามคนทั้งสองมาด้วย ยิ้มเอ่ยว่า “จะส่งพวกเจ้าข้ามผ่านลำคลอง กฎเดิม ต้องเก็บเงิน”

เผยเฉียนอืมรับหนึ่งที “ข้ารู้ เงินแปดเฉียน”

กระทั่งบัดนี้หลี่ไหวถึงจะรู้สึกเลื่อมใสเทพลำคลองเซวียหยวนเซิ่งจากใจจริง อีกฝ่ายใจกว้างดุจลำคลองเหยาเย่ ไม่จดจำความแค้นแม้แต่น้อย

เซวียหยวนเซิ่งเริ่มถ่อเรือข้ามลำคลอง หลี่ไหวนั่งอยู่กลางเรือ เผยเฉียนนั่งอยู่ท้ายเรือ หันหลังให้พวกเขาสองคน หลี่ไหวยิ้มเอ่ยกับนายท่านเทพลำคลองว่า “รบกวนเทพลำคลองเซวียช่วยบอกเล่าเรื่องกฎระเบียบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำให้พวกเราฟังทีเถอะ อะไรที่เล่าได้ก็เล่า อะไรที่เล่าไม่ได้ พวกเราฟังแล้วก็จะถือว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

เซวียหยวนเซิ่งพยักหน้ารับ พูดคร่าวๆ ถึงชีวิตของเด็กหนุ่มท่าทางคล่องแคล่วกับชายฉกรรจ์คนนั้นว่าเหตุใดถึงมีสภาพการณ์อย่างในวันนี้ วันหน้าจะกลายเป็นอย่างไร แม้แต่คนรวยที่ถูกขโมยเงิน รวมไปถึงปู่หลานสองคนที่เกือบจะถูกขโมย เขาล้วนเล่าให้ฟังทั้งหมด แล้วยังแทรกไว้ด้วยมาตรฐานการจัดการเรื่องราวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขุนเขาสายน้ำบางอย่างด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อต้องห้ามอะไร แล้วนับประสาอะไรกับลำคลองเหยาเย่ที่ฟ้าไม่สนดินไม่สน เทพเซียนยิ่งไม่สนแห่งนี้ เขาเซวียหยวนเซิ่งจึงไม่ถือสากฎเกณฑ์กับผายลมสุนัขพวกนั้นเลยจริงๆ

เผยเฉียนไม่ได้หันหน้ามา แต่เอ่ยว่า “เป็นข้าที่เข้าใจเทพลำคลองเซวียผิดไป”

เซวียหยวนเซิ่งถือไม้ไผ่ถ่อเรือไว้ในมือ เขากลับส่ายหน้าเอ่ยว่า “เข้าใจผิดอะไร? ข้าว่าไม่แน่เสมอไปหรอก เรื่องราวหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นความทุกข์ยากน้อยใหญ่ของพวกชาวบ้าน เว้นเสียจากว่าเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุไปมากที่ข้าจะเข้าไปควบคุมดูแลแล้ว เรื่องอื่นๆ อันที่จริงข้าคร้านจะสนใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ากลัวผลกรรมจะตามติด จะลดทอนบุญกุศลอะไร แท้จริงแล้วแม่นางน้อยเจ้าก็พูดไม่ผิด เป็นเพราะเห็นมามากแล้วจึงทำให้เทพลำคลองเหยาเย่อย่างข้ารู้สึกเอือมระอาแล้ว นอกจากนี้เรื่องที่ข้าหวังดีแต่ทำให้เสียเรื่องก็ไม่ได้มีแค่เรื่องสองเรื่องเท่านั้น ทำให้ข้าหวาดกลัวไม่หายจริงๆ”

เผยเฉียนกล่าวอย่างอัดอั้น “อาจารย์พ่อเคยบอกว่าไม่ควรเข้มงวดกับคนดีมากที่สุด ดังนั้นยังคงเป็นข้าที่ผิด ฝึกหมัดฝึกได้ผายลม จะฝึกไปทำไมให้เสียเวลา”

หลี่ไหวเกาหัว

เพราะเกี่ยวกับเงินแปดเฉียน แล้วก็นึกถึงคำพูด ‘พึมพำเหมือนคนบ้า’ ของแม่นางน้อย เซวียหยวนเซิ่งพลันนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ “แม่นางน้อย อาจารย์พ่อของเจ้าคงจะไม่ใช่คนหนุ่มคนหนึ่งที่สวมงอบห้อยกาเหล้าซึ่งในอดีตเคยเดินทางท่องเที่ยวผ่านที่แห่งนี้กระมัง?”

เผยเฉียนถึงได้หันหน้ามา ดวงตาแดงก่ำ แต่เวลานี้ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม พยักหน้ารับอย่างแรง “ใช่!”

เซวียหยวนเซิ่งหัวเราะฮ่าๆ “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์พ่อของเจ้าก็มีเหตุผลกว่าเจ้าเยอะเลย นิสัยอ่อนโยนปรองดอง เหมือนบัณฑิตมากกว่า”

ตัวคนไม่ใช่คนเลวร้ายจริงๆ แต่สมองกลับไม่ค่อยปกติสักเท่าไร โชควาสนาจากภาพเทพหญิงที่ใหญ่ขนาดนั้นดันไม่ต้องการ ปีนั้นเทพหญิงฉีลู่ที่อยู่บนเรือข้ามฟากของตนโมโหไม่น้อยเลยจริงๆ

ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์และศิษย์กัน

เพียงแต่คำพูดที่ง่ายจะโดนต่อยเช่นนี้ เวลานี้เซวียหยวนเซิ่งไม่กล้าพูดจริงๆ

หลี่ไหวรู้สึกอกสั่นขวัญผวาเล็กน้อย

คิดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ เผยเฉียนจะยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง ดวงตาคู่นั้นสาดประกายสดใสวิบวาว “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์พ่อของข้าคือบัณฑิตที่ชอบใช้เหตุผลเป็นที่สุด! แล้วยังเป็นมือกระบี่ด้วยนะ”

เห็นไหม อาจารย์พ่อไม่ได้มองเทพลำคลองเซวียหยวนเซิ่งผิดไปจริงๆ

คนที่ผิดล้วนเป็นตน

รอกระทั่งเผยเฉียนหันตัวกลับมา หลี่ไหวชำเลืองมองของที่อยู่ในมือของนางก็ให้รู้สึกจนใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่านางจะดื้อแพ่ง ที่แท้กลับหยิบเอาอุปกรณ์ชุดหนึ่งออกมานานแล้ว กำลังใช้ตาเต็งชั่งเงิน ใช้กรรไกรอันเล็กตัดเศษเงินก้อนออกมาแปดเฉียน คงกลัวว่าจะตัดมากเกินแล้วเสียเงินโดยไม่จำเป็นกระมัง กล่องไม้ใบเล็กที่อยู่บนหัวเข่าเหมือนนกกระจอกที่แม้จะตัวเล็กแต่ก็มีอวัยวะครบถ้วน ไม่ว่าอะไรก็มีครบหมด นอกจากกรรไกรอันเล็กแล้วยังมีตาเต็งเล็กที่เหลาจากลำไม้ไผ่ ส่วนลูกตุ้มตาชั่งก็ไม่ได้มีแค่อันเดียว เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน หนึ่งในนั้นนางยังแกะสลักด้วยตัวเองเป็นคำว่า ‘ไม่เคยขาดทุน’ กับอีกอันหนึ่งสลักว่า ‘หาเงินได้อย่างเดียวเท่านั้น’ …

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!