กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 698

เฉินผิงอันหยุดการฝึกหมัด หันตัวไปทางนอกหัวกำแพงเมือง

ห่างออกไปร้อยจั้งกว่า มีแขกที่ไม่คาดคิดคนหนึ่งขี่กระบี่มาหยุดลอยอยู่กลางอากาศ

อันดับหนึ่งในร้อยเซียนกระบี่ของภูเขาทัวเยว่ นามแฝงว่าเฝ่ยหราน ชอบปรากฏตัวด้วยฐานะมือกระบี่ชุดเขียว

เฝ่ยหรานยิ้มเอ่ย “เป็นหมัดที่ดี”

เฉินผิงอันพยักหน้า “อย่าแอบขโมยเรียนล่ะ ต้องมียางอายบ้าง”

เฝ่ยพรานผู้นี้เป็นคนบนเส้นทางเดียวกับโซ่วเฉิน ไม่มีมาดของผู้ฝึกกระบี่เลยแม้แต่น้อย

เฝ่ยหรานส่ายหน้า “เรียนไม่ได้จริงๆ”

ก่อนหน้านี้เขาติดตามปีศาจใหญ่เชี่ยอวิ้นไปที่ใต้หล้าไพศาล ใช้คุณความชอบในกระโจมทัพแลกเปลี่ยนเอาเกาะหลูฮวาแห่งหนึ่งมาจากภูเขาทัวเยว่ การเลือกของเฝ่ยหรานค่อนข้างอยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน ไม่อย่างนั้นด้วยสถานะของเขา อันที่จริงคิดจะครอบครองที่ตั้งเก่าของสำนักอวี่หลงครึ่งหนึ่งยังไม่ยาก ดังนั้นกระโจมทัพหลายแห่งจึงเดาเอาว่าการที่เฝ่ยหรานถูกใจถ้ำแห่งวาสนาของเกาะหลูฮวา ก็มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าที่นั่นจะมีความพิเศษไม่เหมือนใคร คิดไม่ถึงว่าจั่วโย่วจะค้นพบถ้ำแห่งนั้นระหว่างทาง จากนั้นก็ถูกเฝ่ยหรานเก็บตกของดีไปได้

เฉินผิงอันมองเฝ่ยหรานแวบหนึ่งก่อนจะขยับเส้นสายตาไปทางอื่น ห่างออกไปหลายสิบลี้นอกหัวกำแพงเมือง หิมะใหญ่เท่าขนห่านตกลงมาอย่างยิ่งใหญ่งดงาม น่าเสียดายที่ถูกหลงจวินผู้นั้นขัดขวางมันจึงไม่ตกมาถึงหัวกำแพงเมือง

เฝ่ยหรานมองตามเส้นสายตาของอิ่นกวานหนุ่มไป เห็นหิมะใหญ่ที่กำลังตกก็หันกลับมายิ้มกล่าว “ตอนที่ข้าเป็นเด็กเคยไปขอศึกษาหาความรู้กับอาจารย์โจว ชอบพลิกเปิดบทบวงสรวงและบทรวมกลอนเซียนท่องเที่ยวที่มาจากใต้หล้าไพศาล แล้วก็คอยจินตนาการถึงความงดงามตระการตาเหล่านั้น น่าเสียดายก็แต่อาจารย์โจวตาสูง ยามที่รวบรวมบทกวีมักจะคัดเลือกเอาเฉพาะถ้อยคำที่ไพเราะลี้ลับ อะไรที่ไม่เข้าตาเขาล้วนถูกตัดทิ้งหมด หนึ่งในนั้นมีกลอนขับขานหิมะที่ดึงเอามาประโยคเดียวว่า อู่ติงถือกระบี่อยู่บนเมฆเรืองรอง ปราบปรามอวี้หลงสามล้านให้ล่าถอย”

เฝ่ยหรานพูดคุยกับอิ่นกวานหนุ่มด้วยภาษาทางการของใต้หล้าไพศาลสำเนียงถูกต้อง

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “กลอนบทเต็มคือ อู่ติงถือกระบี่อยู่บนเมฆเรืองรอง พิชิตธารดวงดาวยึดเมืองหลวง ปราบปรามอวี้หลงสามล้านให้ล่าถอย เกล็ดนับไม่ถ้วนหลุดลอยปลิวปรายบนฟ้า จิ้งจอกเฒ่าทงเทียนของพวกเจ้าตัวนั้นแค่เลือกเอาไปท่อนเดียว ปัญหาไม่มากนัก แต่สายตากลับไม่แน่เสมอไปว่าจะสูงสักเท่าไร ก็แค่ไม่ต่ำเท่านั้น”

เฝ่ยหรานพยักหน้า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ได้รับการสั่งสอนแล้ว”

บนสนามรบครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ เฉินผิงอันกับเฝ่ยหรานเคยประมือกันครั้งหนึ่ง ทั้งประลองจิตใจทั้งประลองกำลังกันอย่างละนิดหน่อย แต่ไม่ได้แบ่งแพ้ชนะ แล้วนับประสาอะไรกับที่ทั้งสองฝ่ายไม่ถือว่าจับคู่เข่นฆ่ากันบนสนามรบอย่างแท้จริง เพราะตอนนั้นแต่ละฝ่ายต่างก็เก็บซ่อนทางหนีทีไล่ไว้อีกมาก

สำหรับในใจของเฉินผิงอันแล้ว พวกคนอย่างเฝ่ยหราน ฉีโซ่วนี้ มีพลังพิฆาตที่ซ่อนแฝงสำหรับใต้หล้าไพศาลมากที่สุด ไม่เพียงแค่เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญการเข่นฆ่าบนสนามรบเท่านั้น หลังจากผ่านสงครามใหญ่ครั้งนี้ไป เฉินผิงอันได้เข้าใจหลักการเหตุผลข้อหนึ่งอย่างแท้จริง พลังสังหารของเซียนกระบี่รุนแรงอย่างถึงที่สุดจริง เวทคาถาของปีศาจใหญ่ก็สูงอย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ใหญ่ที่หอบหุ้มเอาไว้ ล้วนเบาบางเล็กจ้อยทั้งคู่

ส่วนเฝ่ยหราน ฉีโซ่ว ขอแค่พวกเขายินดีทุ่มเทแรงกายแรงใจก็สามารถช่วยกระโจมทัพใหญ่แห่งต่างๆ และพวกปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างตรวจสอบหาช่องโหว่ ถึงขั้นที่ว่าสุดท้ายสามารถเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณี ปรับเปลี่ยนนิสัยใจคอผู้คน ทำให้อาณาเขตของใต้หล้าไพศาลที่ถูกเผ่าปีศาจยึดครองเปลี่ยนฟ้าผลัดดินตามความหมายในระดับลึกอย่างแท้จริง ตอนนี้เรื่องที่เฉินผิงอันเป็นกังวลที่สุดก็คือกระโจมทัพใหญ่แต่ละแห่งได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ขั้นตอนการกรีฑาทัพลงใต้ของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีแห่งแจกันสมบัติทวีปอย่างละเอียดแล้ว ควรจะอุดช่องโหว่ซ่อมแซมขุนเขาสายน้ำ รวบรวมซื้อใจคนอย่างไร เมื่อเข้าใจปรุโปร่งแล้วก็ค่อยเอากลับมาใช้กับฝูเหยาทวีปหรือไม่ก็ใบถงทวีป

ก็เหมือนเด็กหนุ่มมู่จีในกระโจมเจี่ยเซินที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับทำให้เฉินผิงอันเกิดใจอยากสังหารมากกว่าเอาตัวอ่อนเซียนกระบี่ทั้งหลายอย่างหลีเจิน หลิวป๋ายมารวมกันเสียอีก

มู่จีที่ขอบเขตไม่สูงเคยมาบนหัวกำแพงเมือง มาอยู่ข้างกายหลงจวิน หมายจะขอทบทวนกระดานหมากสถานการณ์รบกับใต้เท้าอิ่นกวาน หวังขอความรู้จากใจจริง วางตัวเป็นผู้น้อยที่ปฏิบัติต่อผู้อาวุโสอย่างมีมารยาท เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันไม่ได้สนใจ

มีหลงจวินอยู่ข้างกายย่อมสังหารอีกฝ่ายไม่สำเร็จแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะมีอะไรให้ต้องพูดคุยกันอีก พูดมากไปย่อมเกิดข้อผิดพลาด เพราะถึงอย่างไรปณิธานของมู่จีนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่การฝึกตนเป็นอมตะ

เฝ่ยหรานหันปลายกระบี่ใต้ฝ่าเท้าไปอีกทาง ราวกับว่าแค่ต้องการมาชมทัศนียภาพยามหิมะตกเป็นเพื่อนอิ่นกวานหนุ่มเท่านั้น

เฉินผิงอันเปิดปากเอ่ยว่า “อาจารย์โจวผู้นั้นถูกใต้หล้าเปลี่ยวร้างของพวกเจ้าขนานนามให้เป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ เพียงแต่ว่าโชคของเขาไม่ค่อยดีเท่าไร ดันไปมีชื่อแซ่เดียวกับเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งหนึ่งของอุตรกุรุทวีป ได้ยินมาว่านิสัยของอริยะลัทธิขงจื๊อท่านนั้นไม่ใคร่จะดีนัก วันหน้าเจ้าบอกให้หลิวป๋ายไปบอกอาจารย์ตัวเองทีว่าระวังโจวเหวินไห่ (เหวินไห่ มหาสมุทรแห่งความรู้) จะถูกอริยะโจวฆ่าตาย ถึงเวลานั้นโจวมี่สังหารโจวมี่จะกลายเป็นเรื่องตลกที่เล่าขานต่อกันไปนานนับพันปี”

เฝ่ยหรานไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาส่ายหน้าเอ่ยว่า “ดูท่าแล้วหลีเจินคงจะพูดไม่ผิด เจ้าเป็นคนน่าเบื่อจริงๆ”

เจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งคิดจะสังหารอาจารย์เหวินไห่ที่อยู่บนบัลลังก์อันดับสองงั้นหรือ? แน่นอนว่าทุกวันนี้อยู่อันดับสามแล้ว เพราะเซียวสวิ้นนำโครงกระดูกปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานใต้บ่อมาหลอมเป็นเก้าอี้แล้ววางไว้ตรงตำแหน่งสูงอันดับที่สองของบ่อโบราณโดยพลการ เพียงแต่ว่าทั้งอาจารย์โจวและหลิวชาต่างก็ไม่ถือสาเรื่องนี้

เฉินผิงอันสาวเท้าเดินเนิบช้า เพียงแต่ว่าไม่ได้เดินนิ่งปล่อยหมัดต่อ เฝ่ยหรานเองก็ขี่กระบี่ติดตามเขาไป เส้นทางใต้ฝ่าเท้าคือเส้นทางสองสายที่แตกต่าง เพียงแต่ว่ามุ่งไปในทิศทางเดียวกัน

เฉินผิงอันถามชวนคุย “จิ้งจอกเฒ่าทงเทียนตนนั้นร่างจริงคืออะไร? บันทึกลับของคฤหาสน์หลบร้อนไม่เคยมีบันทึกไว้ แล้วก็ไม่เคยมีโอกาสได้ถามเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส”

แม้ว่าโจวมี่จะได้รับการขนานนามจากใต้หล้าเปลี่ยวร้างว่าจิ้งจอกเฒ่าทงเทียน แต่เฉินผิงอันมั่นใจว่าปีศาจใหญ่ที่บัลลังก์อยู่สูงเป็นอันดับสองตนนั้นต้องไม่ใช่จิ้งจอกฟ้าอะไรนั่นแน่นอน

โจวมี่เหมือนบัณฑิตมากเกินไป ดังนั้นร่างจริงและชื่อจริงของมันจึงเป็นเรื่องที่เฉินผิงอันอยากถามมาโดยตลอด แต่เขามีเรื่องมากมายให้ต้องทำ ภายหลังก็ไม่มีโอกาสได้ถามแล้ว

เฝ่ยหรานกล่าว “หลีกเลี่ยงการเอ่ยนามของผู้อาวุโส”

เฉินผิงอันเอ่ย “ไม่ได้ถามชื่อจริงของโจวมี่จากเจ้าสักหน่อย”

เฝ่ยหรานกล่าว “อาจารย์โจวต้องมีชื่อจริงแซ่จริงอะไรบางอย่างที่ไม่นำมาใช้แน่นอน แต่กลับไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเขา”

เฉินผิงอันตอบกลับไปว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ได้รับการสั่งสอนแล้ว”

แน่นอนว่าอีกฝ่ายอาจจะพูดส่งเดชไปเรื่อย เพราะถึงอย่างไรหากไม่เป็นเพราะเฝ่ยหรานรู้สึกเบื่อหน่ายก็คงไม่มาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่

เฉินผิงอันถาม “จางลู่ผู้นั้นได้ไปถามกระบี่ที่ฝูเหยาทวีปหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!