ตอน บทที่ 700.4 อันดับหนึ่งในใต้หล้า จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 700.4 อันดับหนึ่งในใต้หล้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
คนกลุ่มหนึ่งมีกันสิบกว่าคนทะยานลมเดินทางไกล ยิ่งนานก็ยิ่งขยับออกห่างจากประตูใหญ่มา ล้วนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรและโอสถทอง
จากที่ต้องอกสั่นขวัญผวาระหว่างหนีภัยกันมาตลอดทาง พอมาถึงที่แห่งนี้พวกเขาก็กลายมาเป็นพันธมิตรอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ดังนั้นแต่ละคนจึงรู้สึกเหมือนได้รับโชคหลังเคราะห์ร้าย นับแต่นี้ไปฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะบริเวณใกล้เคียงแม้แต่ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดสักคนก็ยังไม่มีเลย!
อีกทั้งในใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีห้าขอบเขตบนอีก!
โอสถทองสามคน ประตูมังกรเก้าคน ฆ่าก่อกำเนิดสักคนหนึ่งจะยากนักหรือ?
อันที่จริงก็ไม่ได้ง่ายดายเท่าไร เพราะถึงอย่างไรศักยภาพบนหน้ากระดาษก็เป็นแค่มายาเลื่อนลอย หากถูกก่อกำเนิดฆ่าตายไปก่อนสักคนสองคน ฆ่าจนแต่ละคนเกิดขลาดกลัวไม่กล้าต่อสู้ แล้วค่อยไล่โจมตีไปทีละคน สุดท้ายจะเป็นคนทั้งกลุ่มล้อมฆ่าคนคนหนึ่งหรือถูกคนคนหนึ่งไล่ฆ่าคนทั้งหมด ใครฆ่าใครก็ยังบอกได้ยากจริงๆ
แต่ตอนนี้ฟ้าดินกว้างใหญ่ ไม่มีก่อกำเนิดอีกแล้ว
ขอบเขตชมมหาสมุทร ขอบเขตถ้ำสถิตอะไรนั่นล้วนไม่มีคุณสมบัติจะมารวมกลุ่มกับพวกเขา ภูเขาตระกูลเซียนสามสิบกว่าแห่ง ผู้ฝึกตนว่างงานของราชวงศ์ชนชั้นสูงพวกนั้นต่างก็กำลังวบรวมกองกำลังไว้ให้พวกเขาที่หน้าประตูใหญ่
คนสิบสองคนนี้ ก่อนหน้านั้นยังสงบเยือกเย็น คิดจะสร้าง ‘สำนัก’ บนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาแห่งหนึ่ง ช่วงชิงผู้คน เขตอิทธิผล สถานการณ์ใหญ่ โชคชะตา ไขว่คว้าเอาบารมีอำนาจ แย่งชิงสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดิน ไม่ว่าอะไรก็ล้วนต้องแย่งมาไว้ในมือของตนทั้งหมด!
หลังจากนั้นต่อให้คุณสมบัติในการฝึกตนจะมีจำกัด ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เงินเทพเซียนที่กองกันเป็นภูเขาทุ่มทำลายคอขวดของแต่ละคนก็แล้วกัน ขอแค่ในบรรดาคนสิบสองคนนี้มีใครสักคนได้เลื่อนเป็นขอบเขตก่อกำเนิด กิจการใหญ่พันปีที่มั่นคงก็จะสามารถหยั่งรากได้อย่างปลอดภัยแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นสตรีสะพายกระบี่ผู้หนึ่งเดินอยู่บนพื้น
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปเล็กน้อย นางใจกล้าขนาดนี้เชียวหรือ?
ออกเดินทางไกลเพียงลำพังเนี่ยนะ?
พวกเขามองอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ละคนต่างก็เกิดความคิด บางคนก็ถูกใจในรูปโฉมของสตรี บางคนก็หมายตาชุดคลุมอาคมบนร่างของนางที่ดูเหมือนว่าระดับขั้นจะไม่ต่ำ บางคนคาดเดาว่ากระบี่ยาวเล่มนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร และยังมีบางคนที่เกิดจิตคิดเสียงหารเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าก็มีบางคนที่กลัวเรื่องไม่คาดฝัน กลับกลายเป็นว่าระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม ไม่ใคร่ยินดีจะหาเรื่องไม่เป็นเรื่องนัก แน่นอนว่าก็มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียว ขอบเขตโอสถทองที่กำลังเวทนาสตรีน่าสงสารที่จุดจบถูกกำหนดมาแล้วผู้นั้น ช่วย? อาศัยอะไรเล่า ไม่ได้มีมิตรภาพต่อกัน ในกลียุคที่ฟ้าไม่สนดินไม่แลมีเพียงผู้ฝึกตนที่คอยควบคุมแห่งนี้ หน้าตางดงามปานนั้น หากขอบเขตไม่สูง แต่กลับกล้าออกจากบ้านมาเพียงลำพัง ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?
หนิงเหยาเงยหน้ามองไป เห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทีจะลงมือจึงเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ผู้ฝึกตนหนีภัยจากใบถงทวีปทั้งสิบสองคนนี้ทะยานลมหยุดลอยตัวอยู่สูง ก้มหน้าลงมองสตรีงดงามที่ยังไม่รู้สถานะผู้นั้น
ครู่หนึ่งต่อมาโทสะก็ลุกโชนอยู่ในใจผู้ฝึกตนหญิงโอสถทอง บุรุษตัวโตๆ กลุ่มนี้เป็นวิญญูชนผู้เที่ยงตรงที่ไร้กิเลสไร้ปรารถนากันหรืออย่างไร แต่ละคนถึงได้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย?
ดังนั้นนางจึงคลี่ยิ้มบางๆ เปิดปากเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่ารูปโฉมของสตรีผู้นั้นใช้ได้ พวกเจ้าอย่ามาแย่งกับข้าเชียว ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนหนึ่งพอดี เป็นนางนี่แหละ”
พอนางเอ่ยเช่นนี้ก็มีบุรุษกำยำดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าคนหนึ่งยื่นมือไปประคองเอวบอบบางของผู้ฝึกตนหญิงที่อยู่ข้างกาย พูดกลั้วหัวเราะหึหึว่า “เป็นสาวใช้ดี เป็นสาวใช้ห้องข้างก็ยิ่งดี พี่ชายจะช่วยเจ้าจัดการแม่นางน้อยที่เจอโชคใหญ่ผู้นี้เอง น้องอวี้เจี๋ย ตกลงกันไว้ก่อนนะว่า ต้องรีบหาฤกษ์งามยามดี เจ้าและข้ารีบผูกสมัครเป็นสามีภรรยากัน ไม่แน่ว่าพวกเราอาจเป็นคู่รักคู่แรกของใต้หล้าแห่งนี้ก็เป็นได้ หากได้รับโชควาสนาที่ลี้ลับมหัศจรรย์มาครองเพิ่มเติมด้วย ก็ไม่เท่ากับว่าเรื่องดีมาเป็นคู่เลยหรอกหรือ…”
ระหว่างที่พูดบุรุษก็ใช้เสียงในใจเอ่ยกับสหายสองคนไปพร้อมกัน “ช่วยคุมหลังให้ข้าด้วย นอกจากพวกเจ้าแล้ว แม้กระทั่งนังอวี้เจี๋ยผู้นี้ ข้าก็ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น”
ชายฉกรรจ์หยิบเอาเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารชิ้นหนึ่งออกมา เสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างพลันห่มลงบนร่างในเสี้ยววินาที เขาถึงได้ทะยานลมพลิ้วกายลงพื้น เดินก้าวยาวๆ เข้าหาสตรีสะพายกระบี่ ยิ้มเอ่ยว่า “น้องสาว เจ้าเป็นคนที่ใดของใบถงทวีปเราเล่า ไม่สู้มารวมกลุ่มเดินทางไปพร้อมกันดีไหม? คนเยอะก็ไม่ต้องกลัวจะเกิดเรื่อง ใช่เหตุผลข้อนี้หรือไม่?”
คำพูดเหมือนเหลาะแหละ แต่แท้จริงแล้วชายฉกรรจ์กลับกำดาบยาวไว้แน่นนานแล้ว เขาคือผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตโอสถทองที่มีประสบการณ์บนสนามรบมาเนิ่นนาน
หนิงเหยาพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “คนเยอะไม่กลัวตาย?”
ใช้ภาษากลางของใบถงทวีปที่ฟังแล้วค่อนข้างจะแปร่งหู
ในเรื่องพรสวรรค์ด้านภาษา ยังคงเป็นเขาที่เก่งกว่าจริงๆ เขาสามารถพูดภาษากลางของสามทวีป ภาษาทางการของแต่ละแคว้นและภาษาถิ่นของอีกหลายสถานที่ ชอบจงใจใช้สีหน้าผ่อนคลายสบายๆ เอ่ยถ้อยคำที่นางฟังแล้วไม่เข้าใจ
แต่นางกลับรู้ว่าเขากำลังพูดอะไร เพราะนางมองดวงตาของเขา
ชายฉกรรจ์หัวเราะร่วน “นังหนูน้อยพูดเรื่องตลกเก่งจริง…”
นับตั้งแต่หว่างคิ้วเป็นต้นมา ตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายฉกรรจ์ผู้นั้น อยู่ดีๆ ก็ถูกผ่าออกเป็นสองท่อน
เรือนกายของคนที่สวมเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้าง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองของสำนักการทหาร กลับเทียบกระดาษบางๆ สักแผ่นไม่ได้เลย
สตรีที่มีนามว่าอวี้เจี๋ยผู้นั้นรู้ว่าท่าไม่ดี นางเองก็ถูกปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นเส้นหนึ่งฟันผ่าเอว โอสถทองถูกดวงวิญญาณห่อหุ้มเอาไว้ หมุนติ้วๆ หมายจะเผ่นหนีไปไกล แต่กลับระเบิดแตกดังโพล๊ะเสียก่อน
หนิงเหยาชำเลืองมองไปบนฟ้า
ผู้ฝึกกระบี่สิบคนแย่งชิงกันลดตัวลงมาบนพื้น ใจนึกอยากให้ตัวเองกลายเป็นเส้นตรงที่พุ่งกระแทกลงบนพื้นดินโดยตรง จะได้เป็นคนแรกที่เข้าพบเซียนกระบี่หญิงท่านนั้น
ไม่ใช่ว่าพวกเขามองออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกกระบี่ อันที่จริงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางลงมืออย่างไร แต่ในเมื่อนางสะพายกระบี่ก็น่าจะเป็นเซียนกระบี่ท่านหนึ่ง
จะสนทำไมว่านางใช่ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตน่าพรึงเพริดหรือจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่หล่นลงมาจากฟ้า ล้วนถือเป็นเซียนกระบี่ทั้งสิ้น! สรุปก็คือคิดจะฆ่าพวกเขานางก็ทำได้ง่ายเหมือนเอามีดหั่นผักสับลูกเจี๊ยบฝูงหนึ่ง
หนิงเหยาพลันคร้านจะสอบถามถึงสถานการณ์ของใบถงทวีปแล้ว
เขาเคยเล่าประสบการณ์ขุนเขาสายน้ำของใบถงทวีปให้นางฟัง หนังสือเล่มที่นางพกติดตัวไว้ตลอดเวลาเล่มนั้น อันที่จริงก็มีเขียนถึง
แต่หนิงเหยารู้ดีว่าผู้ฝึกตนของใบถงทวีปที่ไม่ได้มาเยือนใต้หล้าแห่งนี้ ถึงจะเป็นคนที่สมควรมาที่นี่มากที่สุด
ดังนั้นหนิงเหยาจึงหมุนตัวจากมาทันที
คิดว่าจะเดินไปสักระยะหนึ่ง ระหว่างที่นางเดินทางมานี้เห็นว่าห่างไปไม่ไกลมีภูเขาลูกหนึ่งที่มีต้นไผ่เขียวงามประหลาดเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ หนิงเหยาคิดจะทำไม้เท้าเดินป่าสักอันหนึ่ง
ตอนที่นางหมุนตัวกลับ สหายสองคนที่ก่อนหน้านี้ชายฉกรรจ์ใช้เสียงในใจพูดคุยด้วยล้วนตายคาที่
อยู่ต่อหน้าผู้ฝึกกระบี่คอขวดขอบเขตหยกดิบท่านหนึ่ง แต่ละคนคิดว่าเสียงในทะเลสาบหัวใจของตนเป็นเพียงการกระซิบพูดคุยที่รู้กันเพียงสองคน ไม่ระมัดระวังตัวมากพอ
ผู้ฝึกกระบี่รูปโฉมอ่อนเยาว์คนหนึ่งพลิ้วกายลงบนพื้น ขมวดคิ้วเอ่ย “สหายท่านนี้มีจิตสังหารเข้มข้นเกินไปหน่อยหรือไม่?”
ผู้ฝึกตนอีกแปดคนที่เหลือต่างก็มีความคิดแตกต่างกันไป
เพราะผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก คือผู้สืบทอดที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันของพรรคเซียนชิงแห่งใบถงทวีป นามว่าเนี่ยอวิ๋น โอสถทองร้อยปี ประเด็นสำคัญคือยังเป็นผู้ฝึกกระบี่อีกด้วย
เนี่ยอวิ๋นมีสีหน้ามืดทะมึน มองไปยังตะพาบทั้งแปดตัวนั้น ต่อให้เขาหูหนวกจริงๆ แต่ถึงอย่างไรเนี่ยอวิ๋นก็ไม่ได้ตาบอด ย่อมมองออกถึงสีหน้าและสายตาของคนเหล่านั้น!
เนี่ยอวิ๋นคลายมือที่จับอาวุธกึ่งเซียนซือเจี่ยออก ร่างโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ แต่เขากลับไม่หวาดกลัวคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “พวกเศษสวะ เหลือแค่โอสถทองผุพังที่พอจะเป็นคาถายันต์เล็กๆ น้อยๆ ก็กล้าคิดสังหารข้าแย่งชิงกระบี่อย่างนั้นรึ?”
เนี่ยอวิ๋นพลันก้มหน้าจ้องมองกระบี่ที่รักของตัวเอง น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า ยกมือกุมหัวใจ พูดเสียงสะอื้น “ก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าถึงแกล้งตาย ทำไมไม่ออกจากฝักด้วยตัวเอง ทำไมไม่ปกป้องโอสถทองของข้า ไม่ฆ่านาง แต่ปกป้องโอสถทองไว้ก็ยังดี…”
กระบี่ยาวส่งเสียงครวญสั่นสะท้านเบาๆ คล้ายกำลังร่ำไห้ร้องทุกข์
ดูเหมือนว่าจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งกว่าเจ้านายที่ขอบเขตถดถอยเสียอีก
มันไม่กล้าออกจากฝัก
กลัวเจ้านายจะตาย
เพียงแต่ว่าอาวุธกึ่งเซียนบนโลกมักจะเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ประสา ไม่อาจเปิดปากพูด ไม่อาจเขียนตัวอักษร
ไม่อย่างนั้นซือเจี่ยเล่มนี้ก็จะบอกเนี่ยอวิ๋นให้เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่า สตรีผู้นั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากมหามรรคาของใต้หล้าแห่งนี้
ในที่สุดคนทั้งแปดก็ตระหนักได้ว่าอาวุธกึ่งเซียนซือเจี่ยเล่มนั้นสามารถฆ่าคนได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงรีบพากันร่ายวิชาคาถาทะยานลมเผ่นหนีไปโดยไม่ลังเล
เนี่ยอวิ๋นกลับไม่คิดจะตามไปไล่ฆ่าพวกเขา หนึ่งเพราะเมื่อเจอกับหายนะครั้งนี้ ความคิดจิตใจของเขามิอาจสงบได้แล้ว สองเพราะหลังจากที่ขอบเขตถดถอย เรื่องไม่คาดฝันมีเยอะเกินไป เขาไม่คิดจะเรียกหาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาสู่ตัวอีก
เขาจดจำรูปโฉมและการแต่งกายของคนทั้งแปดไว้ได้แล้ว ยังรู้รากฐานคร่าวๆ ของผู้ฝึกตนเหล่านั้นด้วย ขุนเขาเขียวขจีไม่แปรเปลี่ยน สายน้ำใสไหลยาว วันหน้าต้องมีโอกาสได้กลับมาพบกันใหม่อย่างแน่นอน
คนหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่แบกรับความหวังทั้งหมดของสำนักไว้ผู้นี้แหงนหน้ามองทิศทางที่สตรีจากไป แล้วพลันได้สติ นางมาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่!
หนิงเหยามาถึงภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไผ่สีเขียว เดินหาไปทั่วด้าน ในที่สุดก็เจอต้นไผ่เล็กสีเขียวปลั่งราวกับจะคั้นน้ำได้ต้นหนึ่ง พอทำไม้เท้าเดินป่าเสร็จแล้วก็ถือไว้ในมือ
เห็นว่ารอบด้านไม่มีใคร หนิงเหยาก็เริ่มใช้ไม้เท้าเดินทางเลียนแบบคนผู้นั้น จินตนาการถึงเขาช่วงเยาว์วัยที่คอยเดินเปิดทางนำหน้า จินตนาการถึงเขาช่วงอายุยี่สิบปีที่ออกเดินทางไกลเพียงลำพัง คิดถึงเขายามดื่มเหล้าเมามาย คิดถึงเขายามเดินท่องไประหว่างขุนเขาสายน้ำ คอยเบิกตากว้างมองดูทัศนียภาพรอบด้านแล้วจดลงในสมุดบันทึกไปทีละเรื่อง…
เดินมาถึงช่วงท้าย หนิงเหยาก็กลับคืนมาเป็นปกติ นางยืนอยู่บนยอดเขาเขียวขจี ใช้ไม้เท้าค้ำยันพื้น เอ่ยเรียกชื่อหนึ่งเบาๆ จากนั้นก็เงี่ยหูตั้งใจฟังเสียงป่าไผ่ที่สีกันดังซู่ๆ ตามสายลม คล้ายว่านั่นคือคำตอบรับที่นางอยากได้ยิน
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางเพิ่งมาถึงใต้หล้าแห่งใหม่ จิตมารที่เกิดขึ้นกะทันหันตอนฝ่าขอบเขตก่อกำเนิดก็คือเฉินผิงอันในใจของนาง
สำหรับหนิงเหยาแล้ว จิตมารมีแต่จะเป็นเขาเท่านั้น
แต่กระนั้นแค่พอเห็นหน้ากัน หนิงเหยาที่เขม้นตามองครู่หนึ่งก็สังหารจิตมารนั้นจนสิ้นซาก
เป็นเหตุให้ฝ่าทะลุขอบเขตในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที
ทั้งซับซ้อนอย่างถึงที่สุดแล้วก็เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด ตอนนั้นหนิงเหยาเพียงแค่เข้าใจเรื่องหนึ่งในชั่วพริบตา เฉินผิงอันในหัวใจและในสายตาของนางผู้นั้น ไม่มีทางเทียบกับเฉินผิงอันตัวจริงได้ตลอดกาล ฟ้าดินกว้างใหญ่ เฉินผิงอันตัวจริงมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!