กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 700

คนกลุ่มหนึ่งมีกันสิบกว่าคนทะยานลมเดินทางไกล ยิ่งนานก็ยิ่งขยับออกห่างจากประตูใหญ่มา ล้วนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรและโอสถทอง

จากที่ต้องอกสั่นขวัญผวาระหว่างหนีภัยกันมาตลอดทาง พอมาถึงที่แห่งนี้พวกเขาก็กลายมาเป็นพันธมิตรอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ดังนั้นแต่ละคนจึงรู้สึกเหมือนได้รับโชคหลังเคราะห์ร้าย นับแต่นี้ไปฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะบริเวณใกล้เคียงแม้แต่ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดสักคนก็ยังไม่มีเลย!

อีกทั้งในใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีห้าขอบเขตบนอีก!

โอสถทองสามคน ประตูมังกรเก้าคน ฆ่าก่อกำเนิดสักคนหนึ่งจะยากนักหรือ?

อันที่จริงก็ไม่ได้ง่ายดายเท่าไร เพราะถึงอย่างไรศักยภาพบนหน้ากระดาษก็เป็นแค่มายาเลื่อนลอย หากถูกก่อกำเนิดฆ่าตายไปก่อนสักคนสองคน ฆ่าจนแต่ละคนเกิดขลาดกลัวไม่กล้าต่อสู้ แล้วค่อยไล่โจมตีไปทีละคน สุดท้ายจะเป็นคนทั้งกลุ่มล้อมฆ่าคนคนหนึ่งหรือถูกคนคนหนึ่งไล่ฆ่าคนทั้งหมด ใครฆ่าใครก็ยังบอกได้ยากจริงๆ

แต่ตอนนี้ฟ้าดินกว้างใหญ่ ไม่มีก่อกำเนิดอีกแล้ว

ขอบเขตชมมหาสมุทร ขอบเขตถ้ำสถิตอะไรนั่นล้วนไม่มีคุณสมบัติจะมารวมกลุ่มกับพวกเขา ภูเขาตระกูลเซียนสามสิบกว่าแห่ง ผู้ฝึกตนว่างงานของราชวงศ์ชนชั้นสูงพวกนั้นต่างก็กำลังวบรวมกองกำลังไว้ให้พวกเขาที่หน้าประตูใหญ่

คนสิบสองคนนี้ ก่อนหน้านั้นยังสงบเยือกเย็น คิดจะสร้าง ‘สำนัก’ บนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาแห่งหนึ่ง ช่วงชิงผู้คน เขตอิทธิผล สถานการณ์ใหญ่ โชคชะตา ไขว่คว้าเอาบารมีอำนาจ แย่งชิงสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดิน ไม่ว่าอะไรก็ล้วนต้องแย่งมาไว้ในมือของตนทั้งหมด!

หลังจากนั้นต่อให้คุณสมบัติในการฝึกตนจะมีจำกัด ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เงินเทพเซียนที่กองกันเป็นภูเขาทุ่มทำลายคอขวดของแต่ละคนก็แล้วกัน ขอแค่ในบรรดาคนสิบสองคนนี้มีใครสักคนได้เลื่อนเป็นขอบเขตก่อกำเนิด กิจการใหญ่พันปีที่มั่นคงก็จะสามารถหยั่งรากได้อย่างปลอดภัยแล้ว

จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นสตรีสะพายกระบี่ผู้หนึ่งเดินอยู่บนพื้น

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปเล็กน้อย นางใจกล้าขนาดนี้เชียวหรือ?

ออกเดินทางไกลเพียงลำพังเนี่ยนะ?

พวกเขามองอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ละคนต่างก็เกิดความคิด บางคนก็ถูกใจในรูปโฉมของสตรี บางคนก็หมายตาชุดคลุมอาคมบนร่างของนางที่ดูเหมือนว่าระดับขั้นจะไม่ต่ำ บางคนคาดเดาว่ากระบี่ยาวเล่มนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร และยังมีบางคนที่เกิดจิตคิดเสียงหารเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าก็มีบางคนที่กลัวเรื่องไม่คาดฝัน กลับกลายเป็นว่าระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม ไม่ใคร่ยินดีจะหาเรื่องไม่เป็นเรื่องนัก แน่นอนว่าก็มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียว ขอบเขตโอสถทองที่กำลังเวทนาสตรีน่าสงสารที่จุดจบถูกกำหนดมาแล้วผู้นั้น ช่วย? อาศัยอะไรเล่า ไม่ได้มีมิตรภาพต่อกัน ในกลียุคที่ฟ้าไม่สนดินไม่แลมีเพียงผู้ฝึกตนที่คอยควบคุมแห่งนี้ หน้าตางดงามปานนั้น หากขอบเขตไม่สูง แต่กลับกล้าออกจากบ้านมาเพียงลำพัง ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?

หนิงเหยาเงยหน้ามองไป เห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทีจะลงมือจึงเดินหน้าต่ออีกครั้ง

ผู้ฝึกตนหนีภัยจากใบถงทวีปทั้งสิบสองคนนี้ทะยานลมหยุดลอยตัวอยู่สูง ก้มหน้าลงมองสตรีงดงามที่ยังไม่รู้สถานะผู้นั้น

ครู่หนึ่งต่อมาโทสะก็ลุกโชนอยู่ในใจผู้ฝึกตนหญิงโอสถทอง บุรุษตัวโตๆ กลุ่มนี้เป็นวิญญูชนผู้เที่ยงตรงที่ไร้กิเลสไร้ปรารถนากันหรืออย่างไร แต่ละคนถึงได้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย?

ดังนั้นนางจึงคลี่ยิ้มบางๆ เปิดปากเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่ารูปโฉมของสตรีผู้นั้นใช้ได้ พวกเจ้าอย่ามาแย่งกับข้าเชียว ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนหนึ่งพอดี เป็นนางนี่แหละ”

พอนางเอ่ยเช่นนี้ก็มีบุรุษกำยำดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าคนหนึ่งยื่นมือไปประคองเอวบอบบางของผู้ฝึกตนหญิงที่อยู่ข้างกาย พูดกลั้วหัวเราะหึหึว่า “เป็นสาวใช้ดี เป็นสาวใช้ห้องข้างก็ยิ่งดี พี่ชายจะช่วยเจ้าจัดการแม่นางน้อยที่เจอโชคใหญ่ผู้นี้เอง น้องอวี้เจี๋ย ตกลงกันไว้ก่อนนะว่า ต้องรีบหาฤกษ์งามยามดี เจ้าและข้ารีบผูกสมัครเป็นสามีภรรยากัน ไม่แน่ว่าพวกเราอาจเป็นคู่รักคู่แรกของใต้หล้าแห่งนี้ก็เป็นได้ หากได้รับโชควาสนาที่ลี้ลับมหัศจรรย์มาครองเพิ่มเติมด้วย ก็ไม่เท่ากับว่าเรื่องดีมาเป็นคู่เลยหรอกหรือ…”

ระหว่างที่พูดบุรุษก็ใช้เสียงในใจเอ่ยกับสหายสองคนไปพร้อมกัน “ช่วยคุมหลังให้ข้าด้วย นอกจากพวกเจ้าแล้ว แม้กระทั่งนังอวี้เจี๋ยผู้นี้ ข้าก็ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น”

ชายฉกรรจ์หยิบเอาเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารชิ้นหนึ่งออกมา เสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างพลันห่มลงบนร่างในเสี้ยววินาที เขาถึงได้ทะยานลมพลิ้วกายลงพื้น เดินก้าวยาวๆ เข้าหาสตรีสะพายกระบี่ ยิ้มเอ่ยว่า “น้องสาว เจ้าเป็นคนที่ใดของใบถงทวีปเราเล่า ไม่สู้มารวมกลุ่มเดินทางไปพร้อมกันดีไหม? คนเยอะก็ไม่ต้องกลัวจะเกิดเรื่อง ใช่เหตุผลข้อนี้หรือไม่?”

คำพูดเหมือนเหลาะแหละ แต่แท้จริงแล้วชายฉกรรจ์กลับกำดาบยาวไว้แน่นนานแล้ว เขาคือผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตโอสถทองที่มีประสบการณ์บนสนามรบมาเนิ่นนาน

หนิงเหยาพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “คนเยอะไม่กลัวตาย?”

ใช้ภาษากลางของใบถงทวีปที่ฟังแล้วค่อนข้างจะแปร่งหู

ในเรื่องพรสวรรค์ด้านภาษา ยังคงเป็นเขาที่เก่งกว่าจริงๆ เขาสามารถพูดภาษากลางของสามทวีป ภาษาทางการของแต่ละแคว้นและภาษาถิ่นของอีกหลายสถานที่ ชอบจงใจใช้สีหน้าผ่อนคลายสบายๆ เอ่ยถ้อยคำที่นางฟังแล้วไม่เข้าใจ

แต่นางกลับรู้ว่าเขากำลังพูดอะไร เพราะนางมองดวงตาของเขา

ชายฉกรรจ์หัวเราะร่วน “นังหนูน้อยพูดเรื่องตลกเก่งจริง…”

นับตั้งแต่หว่างคิ้วเป็นต้นมา ตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายฉกรรจ์ผู้นั้น อยู่ดีๆ ก็ถูกผ่าออกเป็นสองท่อน

เรือนกายของคนที่สวมเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้าง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองของสำนักการทหาร กลับเทียบกระดาษบางๆ สักแผ่นไม่ได้เลย

สตรีที่มีนามว่าอวี้เจี๋ยผู้นั้นรู้ว่าท่าไม่ดี นางเองก็ถูกปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นเส้นหนึ่งฟันผ่าเอว โอสถทองถูกดวงวิญญาณห่อหุ้มเอาไว้ หมุนติ้วๆ หมายจะเผ่นหนีไปไกล แต่กลับระเบิดแตกดังโพล๊ะเสียก่อน

หนิงเหยาชำเลืองมองไปบนฟ้า

ผู้ฝึกกระบี่สิบคนแย่งชิงกันลดตัวลงมาบนพื้น ใจนึกอยากให้ตัวเองกลายเป็นเส้นตรงที่พุ่งกระแทกลงบนพื้นดินโดยตรง จะได้เป็นคนแรกที่เข้าพบเซียนกระบี่หญิงท่านนั้น

ไม่ใช่ว่าพวกเขามองออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกกระบี่ อันที่จริงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางลงมืออย่างไร แต่ในเมื่อนางสะพายกระบี่ก็น่าจะเป็นเซียนกระบี่ท่านหนึ่ง

จะสนทำไมว่านางใช่ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตน่าพรึงเพริดหรือจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่หล่นลงมาจากฟ้า ล้วนถือเป็นเซียนกระบี่ทั้งสิ้น! สรุปก็คือคิดจะฆ่าพวกเขานางก็ทำได้ง่ายเหมือนเอามีดหั่นผักสับลูกเจี๊ยบฝูงหนึ่ง

หนิงเหยาพลันคร้านจะสอบถามถึงสถานการณ์ของใบถงทวีปแล้ว

เขาเคยเล่าประสบการณ์ขุนเขาสายน้ำของใบถงทวีปให้นางฟัง หนังสือเล่มที่นางพกติดตัวไว้ตลอดเวลาเล่มนั้น อันที่จริงก็มีเขียนถึง

แต่หนิงเหยารู้ดีว่าผู้ฝึกตนของใบถงทวีปที่ไม่ได้มาเยือนใต้หล้าแห่งนี้ ถึงจะเป็นคนที่สมควรมาที่นี่มากที่สุด

ดังนั้นหนิงเหยาจึงหมุนตัวจากมาทันที

คิดว่าจะเดินไปสักระยะหนึ่ง ระหว่างที่นางเดินทางมานี้เห็นว่าห่างไปไม่ไกลมีภูเขาลูกหนึ่งที่มีต้นไผ่เขียวงามประหลาดเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ หนิงเหยาคิดจะทำไม้เท้าเดินป่าสักอันหนึ่ง

ตอนที่นางหมุนตัวกลับ สหายสองคนที่ก่อนหน้านี้ชายฉกรรจ์ใช้เสียงในใจพูดคุยด้วยล้วนตายคาที่

อยู่ต่อหน้าผู้ฝึกกระบี่คอขวดขอบเขตหยกดิบท่านหนึ่ง แต่ละคนคิดว่าเสียงในทะเลสาบหัวใจของตนเป็นเพียงการกระซิบพูดคุยที่รู้กันเพียงสองคน ไม่ระมัดระวังตัวมากพอ

ผู้ฝึกกระบี่รูปโฉมอ่อนเยาว์คนหนึ่งพลิ้วกายลงบนพื้น ขมวดคิ้วเอ่ย “สหายท่านนี้มีจิตสังหารเข้มข้นเกินไปหน่อยหรือไม่?”

ผู้ฝึกตนอีกแปดคนที่เหลือต่างก็มีความคิดแตกต่างกันไป

เพราะผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก คือผู้สืบทอดที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันของพรรคเซียนชิงแห่งใบถงทวีป นามว่าเนี่ยอวิ๋น โอสถทองร้อยปี ประเด็นสำคัญคือยังเป็นผู้ฝึกกระบี่อีกด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!