กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 705

สรุปบท บทที่ 705.3 เก็บซ่อนรูปโฉมอันงดงาม: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 705.3 เก็บซ่อนรูปโฉมอันงดงาม จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 705.3 เก็บซ่อนรูปโฉมอันงดงาม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยง

นอกจากบรรพจารย์สองท่านที่เดินทางไปยังนครมังกรเฒ่าแล้ว เหล่าเซียนกระบี่ผู้เฒ่าคนอื่นๆ ซึ่งมีบรรพบุรุษตระกูลเถาเป็นหนึ่งในนั้น วันนี้ได้มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ ด้วยมีกิจธุระมากมายที่จำเป็นต้องให้เหล่าบรรพบุรุษร่วมกันตัดสินใจ

อยู่ที่อุตรกุรุทวีปที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ต่อให้เป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิด หากถูกคนเรียกด้วยความเคารพว่าเซียนกระบี่ บางทีอาจรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว แต่อยู่ในแจกันสมบัติทวีปกลับไม่มีขนบธรรมเนียมเช่นนี้

ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองทุกคนก็เป็นเซียนกระบี่บนภูเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว

สตรีโตเต็มวัยรูปโฉมธรรมดาคนหนึ่งตำแหน่งที่นั่งค่อนไปทางช่วงท้าย ตรงข้อมือของนางผูกด้ายสีแดง เวลานี้นางนั่งตัวตรงอย่างสำรวม เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีระมัดระวัง

นางเป็นคนดูและเรื่องรายงานขุนเขาสายน้ำและบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำของภูเขาตะวันเที่ยง อยู่บนภูเขาตะวันเที่ยงก็เป็นได้แค่คนที่คอยวิ่งวุ่นทำงานอยู่ตลอดเวลา มีเพียงลำดับศักดิ์ที่ว่างเปล่า เพราะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ อีกทั้งยังออกไปข้างนอกเป็นประจำ ดังนั้นจึงไม่อาจทำให้คนเคารพยำเกรงได้เหมือนพวกบรรพบุรุษเซียนกระบี่ทั้งหลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยงแห่งนี้ ในสายตาของเหล่าบรรพบุรุษเซียนกระบี่ นี่คือสตรีที่เจ้าเล่ห์แต่ไม่ฉลาดมากพอ พูดง่ายๆ ก็คือ คือสตรีที่ครองเรือนได้อย่างไม่ใจกว้างมากพอ

แรกเริ่มสุดซูเจี้ยเคยเป็นลูกศิษย์ที่นางพาขึ้นมาบนภูเขา ผลกลับกลายเป็นว่าถูกนางยกให้ยอดเขาแห่งอื่นเพื่อเป็นของแลกเปลี่ยน ให้นางได้รับสมบัติอาคมมาชิ้นหนึ่ง ภายหลังซูเจี้ยถูกทางศาลบรรพจารย์รับเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด และเรื่องจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการค้าครั้งนั้น นางขาดทุน

ไม่อย่างนั้นขนาดนั้นล่างภูเขามารดายังสูงศักดิ์ได้โดยอาศัยบุตร บนภูเขาก็มีผู้ฝึกตนเฒ่าที่มีชีวิตอยู่รอความตายไปวันๆ หลายคนที่สามารถอาศัยลูกศิษย์ช่วงชิงความสูงศักดิ์มาได้เช่นกัน

แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วจุดจบของซูเจี้ยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ตอนอยู่บนหอเทพเซียนของศาลลมหิมะ นางพ่ายแพ้ให้กับหวงเหอเจ้าสวนคนปัจจุบันของสวนลมฟ้า จิตแห่งกระบี่แตกสลาย แม้แต่สถานะผู้ฝึกกระบี่ซูเจี้ยก็ยังมิอาจรักษาเอาไว้ได้

แต่ศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยงเพียงแค่เก็บเอาน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ม่วงทองลูกนั้นกลับคืนมา ไม่ได้ลบชื่อนางออกจากทำเนียบของศาลบรรพจารย์ เพียงแต่ถอดสถานะลูกศิษย์ผู้สืบทอดของซูเจี้ยออก

เรื่องแรกคือต้องการปรึกษากันถึงตัวเลือกสำรองของคนที่จะมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด จากนั้นเลือกวันฤกษ์งามยามดีให้ชื่อของพวกเขาได้รับการบันทึกลงทำเนียบศาลบรรพจารย์อย่างเป็นทางการ

ภูเขาตะวันเที่ยงก็คือตัวสำรองสำนักอักษรจงที่ต้าหลีเลือกเอาไว้ ดังนั้นทุกวันนี้จึงได้ลงมือเตรียมหาสถานที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างแล้ว แน่นอนว่าต้องอยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์จูอิ๋งเก่า

หลายปีที่ผ่านมานี้ภูเขาตะวันเที่ยงได้รับเอาตัวผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ของราชวงศ์จูอิ๋งเก่ามาค่อนข้างมาก นอกจากนี้แล้วยังมีตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่ค่อนข้างจะไม่ธรรมดาอีกคนหนึ่ง ทางฝ่ายของสำนักกระบี่หลงเฉวียนถึงกับตาบอดไม่ยอมปลูกฝังเขาให้ดี ฝึกตนอยู่บนภูเขาเสินซิ่วตั้งนานหลายปี แต่หร่วนฉงกลับไม่ยินดีจะรับเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด พอเด็กหนุ่มมาถึงภูเขาตะวันเที่ยงแล้วก็ฝ่าทะลุขอบเขตอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ติดตามอยู่ข้างกายเทพธิดาถงเจินของยอดเขาหานลู่ มีความหวังว่าจะได้ผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกัน

เรื่องแรกนี้อันที่จริงเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไรให้ต้องโต้เถียงกัน

เรื่องที่สองปรึกษากันเรื่องการลงภูเขาของลูกศิษย์ภูเขาตะวันเที่ยงกลุ่มที่สอง กลุ่มแรกก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปยังนครมังกรเฒ่าภายใต้การนำพาของบรรพบุรุษสองท่านแล้ว

ภูเขาตะวันเที่ยงกับซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกันมาโดยตลอด นี่ยังต้องยกคุณความชอบให้กับการเดินทางไปเยือนถ้ำสวรรค์หลีจูของเถาจื่อในปีนั้น เป็นนางที่ได้ผูกความสัมพันธ์ควันธูปใหญ่เทียมฟ้าไว้กับเด็กหนุ่มที่เวลานั้นยังมีชื่อว่าซ่งจี๋ซิน

เพียงแต่ว่าคนกลุ่มที่สองนี้ใครจะทำหน้าที่ปกป้องมรรคา ควรจะส่งลูกศิษย์คนใดลงจากภูเขาไปบ้าง ล้วนต้องมีข้อพิถีพิถันข้อใหญ่ หากน้ำหนักไม่มากพอก็ง่ายที่จะทำให้สกุลซ่งต้าหลีเกิดโทสะ แต่หากน้ำหนักมากพอเกินไป ก็ง่ายที่ภูเขาตะวันเที่ยงจะเสียหายไปถึงพลังต้นกำเนิด

ดังนั้นจึงต้องกะน้ำหนักกันให้ดี

เห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษตระกูลเถาผู้นั้นคิดถ้อยคำที่จะพูดมาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาบอกกล่าวแผนการเสร็จ ทุกคนก็ไม่ได้มีความเห็นต่างมากนัก

นอกจากนี้ก็คือปรึกษากันเรื่องเข้าร่วมงานเลี้ยงท่องราตรีของจิ้นชิงซานจวินขุนเขากลาง นี่ก็เป็นเรื่องเล็กอีกเช่นกัน ข้อเดียวที่จำเป็นต้องใส่ใจก็คือลองหยั่งเชิงความเห็นของจิ้นซานจวินดู หลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องการเลือกที่ตั้งสำนักเบื้องล่างในอนาคตเกิดอุปสรรคที่ไม่จำเป็น เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่จิ้นชิงมีมิตรภาพกับราชวงศ์จูอิ๋งในอดีตก็เป็นเรื่องที่คนทั้งทวีปรู้กันดี

ต่อมาคือเรื่องที่สี่ คือเรื่องดีที่เป็นดั่งการปักบุปผาลงบนผ้าแพร

ปรึกษากันเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลสวี่นครลมเย็น

ทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยงนี้คือผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตน เถาจื่อหลานสาวที่บรรพบุรุษตระกูลเถารักและเอ็นดูมากที่สุด ส่วนทางฝ่ายของสกุลสวี่นครลมเย็นก็คือบุตรชายทายาทของเจ้านคร ทั้งสองฝ่ายเคยเดินทางไปท่องเที่ยวถ้ำสวรรค์หลีจูมาด้วยกัน ตลอดหลายปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาล้วนไม่เลว อีกทั้งผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาคือคู่สร้างคู่สม

สกุลสวี่นครลมเย็นที่ในอดีตทำแต่เรื่องเหลวไหลติดต่อกัน ภายหลังไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้น ยอมให้บุตรสาวสายตรงไปแต่งงานกับบุตรอนุภรรยาอย่างไม่เสียดาย ถึงได้ซ่อมแซมรอยร้าวระหว่างนครลมเย็นกับราชวงศ์ต้าหลีมาได้

สตรีที่สวมเชือกแดงบนข้อมือถามเบาๆ ว่า “ตัวแม่หนูเถาเองยินดีหรือไม่?”

หว่างคิ้วของบรรพบุรุษตระกูลเถามีพยับเมฆเคลื่อนผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง เพียงแต่ว่าคำพูดบางอย่างยากที่เอื้อนเอ่ยออกมาได้

แม่หนูเถาไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรจริงๆ อีกทั้งอันที่จริงตัวบรรพบุรุษตระกูลเถาเองก็หวังให้ทางฝ่ายของจวนอ๋องเจ้าเมืองนครมังกรเฒ่าบอกเป็นนัยแก่ภูเขาตะวันเที่ยงอย่างลับๆ มากกว่านี้

เพียงแต่ว่าอ๋องเจ้าเมืองหนุ่มผู้นั้นไม่รู้ว่าแกล้งโง่หรือเห็นเถาจื่อเป็นน้องสาวจริงๆ กันแน่

บรรพบุรุษตระกูลเถาหันไปส่งสายตาให้สตรี สตรีเข้าใจได้ทันทีจึงเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อน ไม่สู้ให้แม่หนูเถาไปที่นครมังกรเฒ่า ไปพบเจอกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องก่อนดีหรือไม่?”

เจ้าขุนเขาของภูเขาตะวันเที่ยงเพียงแค่ลูบหนวดโดยไม่เอ่ยอะไร เขาเงียบไปพักหนึ่งคล้ายได้ยินเสียงในใจเสียงหนึ่งจึงพยักหน้า “ได้”

หลังจากเจ้าขุนเขาตัดสินใจแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด เน้นน้ำเสียงพูดว่า “เรื่องถามกระบี่กับสวนลมฟ้า วันนี้พวกเราจะต้องตัดสินใจกันให้เด็ดขาด!”

ภายนอกภูเขาตะวันเที่ยงมีผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดแค่สองคน คนหนึ่งคือเจ้าขุนเขาของภูเขาตะวันเที่ยง อีกคนหนึ่งคือบรรพบุรุษตระกูลเถา

นอกจากนี้ยังมีบรรพจารย์ที่ลำดับอาวุโสสูงที่สุดอีกคนหนึ่งที่ปิดด่านมานานหลายปี กำลังจะออกจากด่านเร็วๆ นี้

ที่เหลือก็ยังมีบรรพจารย์ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองอีกสามท่าน

อันที่จริงตลอดเวลาที่ผ่านมาภูเขาตะวันเที่ยงเพียงแค่ขาดเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนท่านเดียวเท่านั้น

แล้วสตรีก็รีบเอ่ยเสริมขึ้นมาเบาๆ อีกประโยคหนึ่งว่า “แต่กลับมีโอกาสทำให้หวงเหอกลายเป็นหลี่ถวนจิ่งคนที่สอง ยกตัวอย่างเช่นสถานะ แล้วก็ยังมี…ขอบเขตด้วย! ทว่าหากเป็นเช่นนี้ภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเราก็อาจจะต้องพ่ายแพ้ให้กับการถามกระบี่ที่เป็นที่จับตามองของผู้คนมากมายครั้งนี้”

พอนางเอ่ยเช่นนี้บรรพจารย์เซียนกระบี่เกินครึ่งในห้องโถงยังคงไม่เปิดปากพูดอะไร เพราะผู้เฒ่ากลุ่มนี้ไม่ค่อยชอบสนใจกิจธุระในภูเขาตะวันเที่ยงมากนัก มุ่งมั่นแต่การฝึกกระบี่อย่างเดียว

แต่คนที่เหลืออีกครั้งหนึ่งกลับเป็นคนที่มีภาระหน้าที่สำคัญติดตัว แต่ละคนจึงใช้เสียงในใจสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว

บรรพจารย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามสตรีหัวเราะหยันเอ่ยว่า “หยวนป๋ายผู้นั้นไม่ได้โง่เสียหน่อย วันนี้กลายเป็นผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์พวกเราแล้ว วันหน้าก็ต้องไปสู้ตายเอาชีวิตเข้าแลกกับหวงเหอ ไม่แน่ว่าวันมะรืนอาจจะไม่เหลือชีวิตอยู่แล้ว ใครจะไปยินดีทำ?”

สตรีทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

เจ้าขุนเขาขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

สตรีถึงได้เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “การที่หยวนป๋ายยินดีเป็นเค่อชิงของพวกเราก็เพราะหวังว่าตัวเองจะสามารถปกป้องตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ที่มีชาติกำเนิดจากจูอิ๋งกลุ่มนั้นเอาไว้ได้ หากภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเรายอมรับปากกับคนผู้นี้ว่าทุกๆ หกสิบปีจะมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้กับคนสกุลจูอิ๋งเก่าคนหนึ่งเป็นพิเศษ จากนั้นก็รับรองว่าในอนาคตลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนนี้จะต้องได้เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนแน่นอนโดยใช้เวลาห้าร้อยปีเป็นตัวกำหนด หลังจากนั้นสัญญาของทั้งสองฝ่ายก็จะถือว่าเป็นโมฆะ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมยากที่หยวนป๋ายจะปฏิเสธ ไม่แน่ว่าอาจยังซาบซึ้งในตัวพวกเราด้วย”

บรรพบุรุษที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสตรีพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ทั้งสามารถถามกระบี่แก่สวนลมฟ้าอย่างเปิดเผย ทั้งยังปกป้องเด็กรุ่นหลังของแคว้นเก่าไว้ได้ หยวนป๋ายสมควรจะขอบคุณพวกเราจริงๆ ขอบคุณที่ทำให้เขาตายอย่างไม่ละอายใจ ปิดฉากชีวิตตัวเองลงอย่างสมเกียรติ”

มีผู้ฝึกกระบี่เฒ่าคนหนึ่งพลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากศาลบรรพจารย์เงียบๆ

จากนั้นก็มีผู้เฒ่าอีกหลายคนเอ่ยขอตัวตามออกไป

เจ้าขุนเขาภูเขาตะวันเที่ยงเคยชินเสียแล้ว บรรพบุรุษตระกูลเถาก็ยิ่งคร้านจะปรายตามอง พวกตาแก่หนังเหนียวที่ดื้อด้านดัดยาก ชอบฝึกกระบี่กันนักไม่ใช่หรือ ดูแคลนกลอุบายกันนักไม่ใช่หรือ ถ้าพวกเจ้ามีปัญญาจริงก็ฝึกตนให้ได้ขอบเขตหยกดิบเสียทีสิ น่าเสียดายที่เศษสวะทั้งกลุ่มเป็นไม่ได้แม้แต่ก่อกำเนิดด้วยซ้ำ ภูเขาตะวันเที่ยงอาศัยพวกเจ้าจะสามารถกลายเป็นตระกูลเซียนอักษรจง ได้มีสำนักเบื้องล่าง สามารถกดข่มสำนักกระบี่หลงเฉวียนได้หรือ? อาศัยเศษสวะแก่ๆ ไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้าที่ฝึกกระบี่มาหลายร้อยปีก็ยังไม่มีโอกาสออกกระบี่ ภูเขาตะวันเที่ยงจะสามารถกลายมาเป็นผู้นำบนภูเขาของแจกันสมบัติทวีปได้หรือ!

สตรีมีท่าทางกระวนกระวายไม่เป็นสุข

คาดว่าคงรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตัวเองปากมาก

เจ้าขุนเขามองนางแล้วคลี่ยิ้มให้อย่างที่หาได้ยาก ก่อนจะเอ่ยว่า “เรื่องนี้ตกลงตามนี้ เจ้าไปเกลี้ยกล่อมให้หยวนป๋ายยอมเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์ หากทำสำเร็จพวกเราจะประกาศออกไปทันทีว่าหยวนป๋ายจะถามกระบี่แก่หวงเหอแห่งสวนลมฟ้า”

สตรีพยักหน้ารับเบาๆ

เจ้าขุนเขาอารมณ์ดีอย่างมาก พอมองสตรีผู้นี้อีกครั้งก็รู้สึกสบายตาขึ้นมาเล็กน้อย

ตลอดทั้งภูเขาตะวันเที่ยงมีเพียงเขาที่รู้เรื่องวงในเรื่องหนึ่ง น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ม่วงทองลูกที่ซูเจี้ยได้รับไปจากศาลบรรพจารย์ในปีนั้น มันเป็นของที่สตรีผู้นี้เป็นคนพบเจอ แต่นางรู้ความอย่างมาก ถึงได้แลกมาด้วยตำแหน่งที่นั่งของนางในศาลบรรพจารย์ เรื่องนี้ยังเป็นเพราะในอดีตอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาแพร่งพรายให้ฟัง บอกกับเขาว่าแค่เขารู้คนเดียวก็พอแล้ว ห้ามเอาไปบอกต่อ หลังจากอาจารย์สละร่างจากโลกนี้ไป คนที่รู้ความลับไม่เล็กไม่ใหญ่นี้จึงมีเพียงเจ้าขุนเขาอย่างเขาคนเดียว

เจ้าขุนเขาเอ่ย “เรื่องสุดท้าย มาพูดถึงหลิวเสี้ยนหยางคนนั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!