กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 711

ก่อนหน้านี้เดิมทีป๋ายเหย่ควรจะออกจากทวีปเข้ามหาสมุทรไปแล้ว แต่กลับถูกซิ่วไฉเฒ่าเซ้าซี้ขัดขวางเอาไว้ ยืนกรานจะลากเขามานั่งคุยที่นี่ให้ได้

ป๋ายเหย่นึกถึงโชควาสนาซึ่งได้รับที่ประตูชุนหมิงของอดีตแคว้นปลายปีหยวนเป่าจึงไม่ได้ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของซิ่วไฉเฒ่า

หากจะบอกว่าเฉินฉุนอันแห่งทักษินาตยทวีปได้ครอบครองคำว่า ‘ผู้รอบรู้’ ไปเพียงลำพัง

ถ้าอย่างนั้นป๋ายเหย่ก็ได้ยึดครองคำว่า ‘เซียนเหริน’ ไปเพียงผู้เดียว

เวทกระบี่สูงส่งอย่างถึงที่สุด ลายมือแบบหวัดเป็นเอกเลิศล้ำ ทั้งๆ ที่ไร้ศัตรูด้านบทกวีแล้ว แต่กลับยังมีถ้อยคำและบทกวีแพร่ออกไปให้คนรุ่นหลังตกตะลึง ผู้คนมักจะรู้สึกว่าเป็นผลงานเลียนแบบไม่ใช่ของจริง แต่ก็ไม่กล้าแน่ใจอีก จึงเป็นเหตุให้กลายเป็นคดีค้างคาที่ไม่ได้รับการสะสางมาจนถึงทุกวันนี้

ถึงท้ายที่สุดก็มีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียว เซียนเหรินนี่นะ มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้บ้างเล่า

ซิ่วไฉเฒ่ามาถึงลานบ้านแล้วก็รีบยกสองมือกำเป็นหมัดชูขึ้นสูงแล้วโบกอย่างแรง คลี่ยิ้มกว้างเจิดจ้า “กระทั่งถึงวันนี้ถึงเพิ่งจะโชคดีได้พบกับชิงถงเทียนจวิน ช่างมีชีวิตอยู่มาอย่างเสียเปล่า ในที่สุดก็จะไม่ได้ตายเปล่าแล้ว”

หยางเหล่าโถวมีรอยยิ้มอย่างที่หาได้ยาก เอ่ยว่า “อาจารย์เหวินเซิ่ง มาดสง่างามของท่านยังคงเดิม ไม่ลดน้อยลงจากในอดีตเลยนะ”

การผสานมรรคากับฟ้าดินของผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่มีข้อพิถีพิถันไม่น้อย ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่แสวงหาความยิ่งใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น

อดีตเหวินเซิ่งตรงหน้าผู้นี้ จุดที่ทำให้หยางเหล่าโถวมองเขาสูงกว่าคนอื่นอย่างแท้จริงอยู่ที่ว่า สถานที่ที่อีกฝ่ายผสานมรรคาด้วยคือทักษินาตยทวีป ใบถงทวีปและฝูเหยาทวีป

ไม่ใช่สถานที่สงบสุขปลดภัยอย่างทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ธวัลทวีปและหลิวเสียทวีป

ทุกวันนี้ทั้งสองทวีปถูกข้าศึกยึดครอง ซิ่วไฉเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ย่อมไม่มีทางผ่อนคลายได้แน่นอน

ป๋ายเหย่เองก็ผงกศีรษะทักทายกับหยางเหล่าโถว

หยางเหล่าโถวไม่ได้ทักทายปราศรัยตามมารยาทอะไรกับป๋ายเหย่

เพียงแต่ว่าซิ่วไฉเฒ่ากลับไม่คิดจะปล่อยป๋ายเหย่ไป เขาดึงแผ่นไม้ไผ่ม้วนหนึ่งที่เก็บรักษาอย่างดีมานานออกมาจากชายแขนเสื้อ มอบให้กับหยางเหล่าโถว หัวเราะร่าเอ่ยว่า “นี่คือเทียบ ‘ปลายปีหยวนเป่า’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘เทียบแห่งความภาคภูมิใจ’ ลายมือของแท้ เป็นลายมือของแท้แน่นอน ไม่มีเหตุผลที่จะมาเป็นแขกแล้วไม่พกของขวัญมาด้วย ของขวัญไม่ค่อยเบาเท่าไร น้ำใจก็หนักยิ่งกว่า”

หยางเหล่าโถวคลี่ออกดูเกินครึ่งม้วน คือบทกวีที่ขับขานว่า ปลายปีหยวนเป่า ยามทิวาเมาสุรายืนพิงประตูชุนหมิงหลับไป ฝันว่านั่งแพล่องธารดาราไปพร้อมชิงถงเทียนจวิน สะดุ้งตื่นจากฝัน แรงบันดาลใจบังเกิด จึงแต่งบทกวี

หยางเหล่าโถวม้วนคลี่เทียบอักษรนี้เก็บไว้ในชายแขนเสื้อ

เดิมทีก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันและกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ป๋ายเหย่และหยางเหล่าโถวเอ่ยอะไรให้มากความ

ผลกลับกลายเป็นว่าซิ่วไฉเฒ่าเล่นพูดโต้งๆ อย่างนี้ ก็ไม่เหลือท่วงทำนองของการที่เว้นว่างให้ขบคิดอยู่แล้ว

คิดไม่ถึงว่าซิ่วไฉเฒ่ายังจะทำหน้าหนาเอ่ยชมเชยตัวเองขึ้นมาอีกว่า “ไม่สู้ชิงถงเทียนจวินลองคลี่ดูทั้งหมดเลยสิ ความมหัศจรรย์ของเทียบอักษรนี้อยู่ช่วงหลัง นอกจากจะมีลายประทับซิ่วหู่ของชุยฉานแล้ว ยังมีตราประทับส่วนตัวคำว่า ‘ชุนเฟิง’ ของเสี่ยวฉีด้วย แล้วก็มีสองคำว่าจวินเชี่ยนที่ออกจะดูทะเล่อทะล่าไปบ้าง สุดท้ายคือตราประทับ ‘เหลียวซ้ายแลขวา รู้ใจอยู่ไม่ไกล’”

หยางเหล่าโถวกลับไม่ได้หยิบเทียบอักษรออกมาใหม่ แค่รับน้ำใจไว้เท่านั้น

หยางเหล่าโถวเอ่ย “หลังจากที่อริยะรังสรรค์ตัวอักษร นอกจากแปดคนที่มีคุณความชอบด้านการเปิดขุนเขาแล้ว นอกจากนี้เส้นทางการเขียนตัวอักษรบนโลกล้วนไม่มีใครบรรลุมรรคา ไม่มีใครเป็นยอดฝีมือ ปลายแถวในปลายแถว”

เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าไม่ยอมรับในข้อที่ว่าสำนักอักษรสามารถถูกจัดอยู่ในเก้าลำดับแรกได้ ถึงขั้นรู้สึกว่าสำนักอักษรไม่มีคุณสมบัติจะได้อยู่ในเมธีร้อยสำนักด้วยซ้ำ

ซิ่วไฉเฒ่าขึ้นชื่อว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดคุยได้หมด ไม่ว่าหัวข้อใดก็ไกล่เกลี่ยให้จบลงด้วยดีได้ เขาพยักหน้ารับอย่างแรง “ประโยคนี้ไม่น่าฟัง แต่กลับเป็นความจริง ในอดีตชุยฉานก็เคยเอ่ยอย่างปลงอนิจจังเช่นนี้ รู้สึกว่านักเขียนตัวอักษรล้วนดีแต่เขียนยันต์ผีเท่านั้น เดิมทีก็เป็นแค่เปลือกหอย แต่กลับคิดจะพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทร ไม่เรียกว่าก่อเรื่องเหลวไหลแล้วจะเรียกว่าอะไร”

ป๋ายเหย่กลับรู้อย่างชัดเจนว่า บรรพบุรุษหลายท่านของสำนักอักษรที่เคยบุกเบิกโฉมหน้าใหม่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับซิ่วไฉเฒ่า การที่ตัวอักษรหนึ่งของชุยฉานมีค่าดุจทองพันชั่ง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็ได้มา แต่เป็นเพราะในอดีตซิ่วไฉเฒ่าพาชุยฉานออกท่องไปทั่วใต้หล้า ใช้ข้ออ้างต่างๆ นานารีดไถเอามาจากผู้อื่น ต่อให้แบบคัดตัวอักษรบนโลกจะดีแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ห่างจากจิตวิญญาณของลายมือที่แท้จริงอยู่ดี เพราะมีกระดาษหน้าต่างกั้นขวางอีกหนึ่งชั้น แต่ภายใต้การช่วยเหลือของซิ่วไฉเฒ่า ชุยฉานกลับได้เห็นลายมือของบรรพจารย์สำนักอักษรทั้งหลายกับตาตัวเอง

พี่ใหญ่ขอเทียบอักษรมากกว่านี้สักหน่อยเถอะ ฉวยโอกาสตอนที่กำลังดื่มเหล้าเปรมปรีดิ์นี้เขียนให้มากอีกหน่อย คิดอะไรได้ก็เขียนอย่างนั้น เทียบอักษรที่เขียนลงบนแผ่นไม้ไผ่เช่นนี้ ยิ่งเนื้อหาใกล้ชิดกับผู้คนมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบมากเท่านั้น อย่างเช่นว่าซื้อส้มกี่จิน วันนี้กินอาหารไปกี่มื้อ ลมพัดฝนตกอะไรทำนองนั้น หรือจะบอกว่าเดินขึ้นดาดฟ้าไปด้วยความสนใจ วันนี้หน่อไม้ผัดขมไปสักหน่อย เขียนให้เต็มที่ไปเลย หากไม่ได้จริงๆ ก็เขียนว่าวันนี้ได้พบเจอข้า สหายเก่ามีคุณธรรม มอบหลีให้หนึ่งตะกร้า ทำเอาท่านน้ำตาไหลอาบหน้าแก่ๆ …

จะต้องเอาไปบูชาเป็นดั่งสมบัติสืบทอดตระกูล พี่ใหญ่นี่คือสายตาอะไรของท่าน ข้าเป็นคนที่พอออกจากบ้านก็ขายของแลกเงินหรือไร? พี่ใหญ่ท่านจะคบหาสหายที่เป็นอย่างนี้ได้หรือ?

ข้าเขียนบทความ ท่านเขียนตัวอักษร พวกเราสองพี่น้องเข้าคู่กันได้ดียิ่งนัก ขาดก็แค่พี่ใหญ่สำนักการค้าที่จะมาช่วยพิมพ์ตัวอักษรขายหนังสือให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราสามคนร่วมมือกันย่อมต้องไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างแน่นอน

ส่วนแปดคนที่เปิดภูเขาตามคำกล่าวของชิงถงเทียนจวิน ป๋ายเหย่ก็พอจะรู้คร่าวๆ แล้ว นั่นก็คือไท่สือโจ้วอักษรต้าจ้วน หลี่ทงกู่อักษรเสี่ยวจ้วน หยวนเฉินอักษรลี่ซู สื่อจี๋จิ้วอักษรจางฉ่าว จางฉุนหัวอักษรจินฉ่าว จางไหวอักษรขวงฉ่าว หวังจ้งอักษรเจิ้งข่าย จงเหยาอักษรเสี่ยวข่าย หนึ่งในนั้นมีเพียงชุยฉานที่ ‘ไม่เอาการเอางาน’ แค่ขีดๆ เขียนๆ ไปตามใจชอบ อักษรซูฉ่าวมีชื่อเสียงมากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วอักษรเสี่ยวข่ายของชุยฉานกลับยอดเยี่ยมที่สุด คัมภีร์ที่เขาเป็นผู้คัดลอกคือสมบัติล้ำค่าสยบตำหนักของวัดใหญ่ลัทธิพุทธมากมายในแผ่นดินกลาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!