ผู้ที่ให้คำตอบของคำถามแต่ละข้อเช่นเดียวกัน ยังมีวิญญาณผีที่ตายไปอย่างอยุติธรรมซึ่งทยอยกันมาบอกลากับคนหนุ่มผู้นั้น
เป็นพวกเขากับคนหนุ่มที่ให้คำตอบแก่ทะเลสาบซูเจี่ยนร่วมกัน คำตอบที่ยังคงเต็มไปด้วยความเสียใจและความเสียดายอยู่เหมือนเดิม
‘เจ้าคนแซ่เฉิน ผอมแห้งราวกับลำไม้ไผ่เช่นนี้ วันหน้าจะหาภรรยาได้อย่างไร วันหน้าพอออกไปจากสถานที่บ้าๆ นี้แล้ว จำไว้ว่าต้องกินเนื้อชิ้นโตกินปลาชิ้นใหญ่ กินข้าวหลายๆ ชามทุกมื้อด้วยล่ะ! ไม่ใช่ว่าข้าผู้อาวุโสคุยโวหรอกนะ ฝีมือทำอาหารของข้าดีเยี่ยม ต้มจับฉ่ายของข้าขึ้นชื่อว่าทำพระกระโดดกำแพงได้เชียวนะ ฮ่าๆ น่าเสียดายที่เด็กอย่างเจ้าไม่มีลาภปาก’
‘เฉินผิงอัน ระวังหน่อย อย่าให้พวกเราพบเจอกันอีกครั้งเร็วเกินไปล่ะ อีกอย่างนะ นักบัญชีที่ความสามารถไม่ได้เรื่องอย่างเจ้า จำไว้ว่าไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่างก็คอยตบบ้องหูกู้ช่านผู้นั้นแรงๆ แก้เบื่อบ่อยๆ เจ้ามาเจอกับเจ้าตะพาบอย่างกู้ช่านผู้นี้ ถือว่าเจ้าดวงซวยมาแปดชาติ วันหน้าอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าเรื่องอีกล่ะ ไม่คุ้มกันหรอก’
‘อาจารย์เฉิน ข้ายังคงรู้สึกว่าวิถีทางโลกไม่ได้งดงามสักเท่าไร แต่ก็…ดูเหมือนว่ายังพอมีหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นข้าไปแล้วนะ อาจารย์เฉินรักษาตัวด้วย’
ตลอดหลายปีนั้น คนหนุ่มต่างถิ่นที่เพิ่งจะไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มมาแค่ไม่กี่ปีจะคลี่ยิ้มบางๆ โบกมืออำลาพวกเขา จะเปิดปากเอ่ยประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่ารักษาตัวด้วย ยามที่พูดอะไรไม่ออกก็จะเอามือกำเป็นหมุดทุบลงบนหัวใจเบาๆ หรือไม่ก็ใช้สองมือกุมหมัดบอกลา
เพียงแต่ว่าพอวิญญาณภูตผีเหล่านั้นสลายหายไป คนหนุ่มกลับมีแต่จะยิ่งเงียบงันมากกว่าเดิม
นอกจากที่ผู้เฒ่าจะยอมรับในด้านการหาเรื่องใส่ตัวและการชดเชยความผิดของคนหนุ่มผู้นั้นแล้ว เขากลับปลาบปลื้มกับการจากลาแต่ละครั้งที่ต่างฝ่ายต่างมีความเสียดาย แต่กลับไม่ถึงขั้นสิ้นหวังมากกว่า
ผู้เฒ่าเก็บความคิดกลับมา ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเจ้ายังสามารถรักษาสติปัญญาเสี้ยวหนึ่งเอาไว้ได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเจ้ายังไม่ถึงขั้นเฉยชา ถึงได้ถูกข้ากักขังไว้ที่นี่ ไม่ได้หลุดพ้น ครั้งนี้เมื่อจิตวิญญาณแหลกสลายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ข้าจะช่วยสั่งสมบุญกุศลในโลกมืดแทนพวกเจ้า ใครทำผิดก็ได้ลบล้างความผิด มีบุญบารมีก็ได้รับบุญบารมีตอบแทน”
ทุกวันนี้ปากของผู้เฒ่าเหมือนอมประกาศิตสวรรค์ วัตถุหยินพวกนั้นจึงเหมือนได้รับการอภัยโทษ เปลี่ยนจากวิญญาณวีรบุรุษมาเป็นดั่งร่างทองของเทพวารี
ก่อนหน้านี้ต้าหลีได้บุกเบิกปูเส้นทางบนบกให้กับสายเทพเส้นหนึ่ง เพื่อที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสายน้ำซึ่งเป็นดั่งวิญญาณวีรบุรุษเหล่านี้จะสามารถไปเยือนลำน้ำฉีตู๋ที่อยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปได้
ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ยอีกว่า “ผีภูเขาริมน้ำในใต้หล้าล้วนเป็นสหายของข้า ใช่หรือไม่?”
แล้วผู้เฒ่าก็ถามเองตอบเองว่า “ไม่ใช่ก็ใช่!”
เทือกเขาน้อยใหญ่ ภูเขายอดเขาทั้งหลายในหนึ่งทวีป ล้วนมีผีภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน
ผู้เฒ่ายกฝ่ามือข้างหนึ่งทำท่าถือประคอง “สวรรค์บอกลาง”
แต่ละพื้นที่ที่อยู่เลียบมหาสมุทรสี่ด้านแปดทิศของหนึ่งทวีป ภูเขาทั้งสิ้นยี่สิบสี่ลูก ก่อนหน้านี้มีเด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งได้นำแผ่นไม้ไผ่ทั้งยี่สิบสี่แผ่นไปฝังซ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขบวนผีภูเขาเคลื่อนพลกันอย่างเกรียงไกร มุ่งหน้าทะยานลมไปยังภูเขาทั้งยี่สิบสี่ลูกดุจดั่งกองทัพหยินข้ามอาณาเขตที่ไม่เคยมีปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์
สุดท้ายผู้เฒ่าไปที่ปากทางเข้าท่าเรือเกาะชิงเสีย ยืนอยู่ตรงนั้น ก้มหน้าลงมองไป
หลังจากที่วันนั้นคนหนุ่มหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย หร่วนซิ่ว จงขุยต่างก็พากันมาเยี่ยมเยือนคนหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนพื้นซึ่งส่งเสียงกรนดังสนั่นราวฟ้าผ่า
อันที่จริงไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
ผู้เฒ่าหัวเราะ บนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์เสียจริงๆ
ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นเพียงว่าแจกันสมบัติทวีปแห่งนี้ไม่มีค่ายกลใหญ่ซานหยวนซื่อเซี่ยงอะไร แต่กลับมีค่ายกลยี่สิบสี่ช่วงฤดูกาลที่กว้างใหญ่ไพศาล สอดคล้องกับมหามรรคามากกว่าแห่งนี้
ค่ายกลโคจรทอดยาวไปตามฟ้าอำนวย ปกป้องพิทักษ์พื้นที่หนึ่งทวีปไว้อย่างรัดกุมไร้ช่องโหว่
ภิกษุวัยกลางคนถือบาตรเดินทางไกลผู้หนึ่งเคยไปเยือนสี่ทิศของทวีปแห่งนี้ปีแล้วปีเล่า
เขาท่องภาษาพระธรรมหนึ่งคำ
ทุกที่ที่เท้าทั้งสองข้างเคยเหยียบไปถึง บนพื้นดินกว้างใหญ่ ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด บนภูเขาริมสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ครึกครื้นหรือสถานที่เงียบสงัด ล้วนมีดอกบัวผุดตามขึ้นมา
สุดท้ายขุนเขาแม่น้ำของหนึ่งทวีป แจกันสมบัติทวีป แจกันสมบัติทวีป ก็ช่างเหมือนแจกันดอกไม้ที่ตั้งตกแต่งโต๊ะหนังสือตัวหนึ่งของโลกมนุษย์ แล้วมีดอกบัวสีทองขนาดใหญ่หนึ่งดอกผลิบานอยู่ในแจกัน
เรือกระบี่สิบสองลำที่ใหญ่โตราวขุนเขามาลอยจอดอยู่ที่เส้นแนวรบเส้นแรก อยู่ด้านหลังนครมังกรเฒ่า
มีมัลละของสำนักการทหารรวมตัวกันหนาแน่นใช้เวทลับรัวกลองสร้างพลังอำนาจ เพิ่มฟ้าอำนวยที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างยิ่งอีกส่วนหนึ่งให้กับเรือกระบี่และกระบี่บิน
บนกระบี่บินมีผู้ฝึกตนพรรคมหายันต์อุทิศแรงกายแรงใจ จ่ายเงินเทพเซียนและปราณวิญญาณอย่างไม่เสียดายเพื่อสลักลายเมฆลี้ลับให้กับกระบี่บินทุกเล่ม
ทันใดนั้นกระบี่บินก็มารวมตัวกันเหมือนสายฝนที่ตกกระหน่ำเข้าหากองทัพใหญ่เผ่าปีศาจบนมหาสมุทรที่กำลังโจมตีเมือง
แจกันสมบัติทวีปที่อาณาเขตเล็กที่สุดในใต้หล้าไพศาล นับตั้งแต่เกิดศึกใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ กลับเป็นเพียงทวีปเดียวที่ไม่เพียงรักษาความมั่นคงไว้ได้ อีกทั้งยังมีกำลังเหลือพอที่จะเปิดฉากโจมตีใต้หล้าเปลี่ยวร้างอย่างห้าวหาญ
ซ่งจี๋ซินอ๋องเจ้าแคว้นทั้งไม่ได้เฝ้าพิทักษ์อยู่ในเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลีซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป ถึงขั้นที่ว่าไม่ได้ย้ายจวนอ๋องไปยังภูเขาของขุนเขาใต้ที่ปลอดภัยมากกว่า แต่อยู่ที่นครมังกรเฒ่ามาโดยตลอด เป็นหนึ่งในหัวใจหลักที่สำคัญของสนามรบทางทิศใต้ร่วมกับขุนนางบู๊ระดับขั้นสูงสุดของต้าหลีสองท่านอย่างทูตผู้ตรวจตราเฉาผิงและซูเกาซาน เพียงแต่ว่าแม่ทัพใหญ่ทั้งสองท่านต่างก็ไม่ได้อยู่ในนคร แต่อยู่บนพื้นดินกว้างขวางด้านหลังนครมังกรเฒ่า เสียงฝีเท้าม้าขยับดังเป็นระลอก เตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู
ส่วน ‘ซ่งมู่’ แห่งต้าหลีที่ไม่ใช่คุณชายเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ของตรอกหนีผิงมานานแล้ว เวลานี้สองมือกำเป็นหมัดแน่น สองตาแดงก่ำ สงครามใหญ่ลุกลามมานานถึงหนึ่งปีแล้ว อ๋องเจ้าเมืองไม่เคยคิดจะถอยหนี รับฟังรายงานที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้ใช้ผู้ฝึกกระบี่หลายหมื่นไปถามกระบี่แก่กำแพงเมืองปราณกระบี่
เวลานี้ซ่งจี๋ซินยืนอยู่ชั้นสูงสุดของหอสูงในจวนอ๋อง สองมือวางลงบนราวระเบียง เส้นเอ็นเขียวปูดโปนบนหลังมือ หัวเราะเกรี้ยวกราด “มา! มาถามกระบี่กับต้าหลีข้าอีกสักที!”
วิญญูชนคนหนึ่งที่มาจากสำนักศึกษากวานหูมาถึงนครมังกรเฒ่าแล้ว ก่อนจะออกเดินทางเขาได้คารวะบอกลาเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาและอาจารย์ เขาต้องการไปจะแนวหน้าของสนามรบ
วิญญูชนถือขวดกระเบื้องหยกไว้ในมือ ขวดนั้นใสแวววาวราวกับบรรจุฟ้าร้องฟ้าแลบและสายฟ้าเอาไว้เต็มแน่น ประหนึ่งบ่อสายฟ้าขนาดย่อม
แท้จริงแล้วสายฟ้าในขวดล้วนเป็นตัวอักษรจากตำราอริยะปราชญ์แต่ละเล่มที่แสดงออกมาจากมรรคกถาและวิชาความรู้ในตัวเขา
หลังบอกลากับอาจารย์แล้ว เขาก็ยิ้มเอ่ยกับเด็กรุ่นหลังร่วมสำนักศึกษาที่เป็นคนหนุ่มอีกทั้งยังเป็นคนบ้านเดียวกับเขาว่า
ปีหน้าบ้านเกิดมีบุปผาผลิบาน ช่วยมองแทนข้าให้มากหน่อย
ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของสำนักศึกษาคนหนึ่งที่เคยถกเถียงด้านวิชาความรู้กับเขา ถึงขั้นที่ว่าถ้อยคำที่ใช้รุนแรงดุเดือด ก็จะไปสนามรบพร้อมกับเขาด้วยพอดี
ที่แท้การโต้เถียงด้านความรู้ระหว่างบัณฑิตก็เป็นแค่การโต้เถียงกันของวิญญูชนเท่านั้นจริงๆ
คือคนบนเส้นทางเดียวกัน
นักปราชญ์วิญญูชน ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใด
ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของตระกูลฝูนครมังกรเฒ่า ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าคนหนึ่งที่สร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ใกล้กับหอเติงหลงมานานหลายปี กับผู้ถวายงานของสกุลซุนที่ลักษณะคล้ายนายพรานจับคู่กันมา ทั้งสองต่างก็มาขอลาออกกับเจ้าประมุขทั้งสองตระกูล แล้วกระโจนสู่สนามรบซึ่งเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดพร้อมกัน
ยามที่คนทั้งสองทะยานลม ผู้ถวายงานซุนที่เคยเล่าเรียนตำราอริยะปราชญ์มาก่อน แต่กลับไม่เคยได้เป็นลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เทือกเขาชิงหนีมีภูเขาคดเคี้ยวมากมาย เดินร้อยก้าวอ้อมผ่านเขาหินเก้าลดเลี้ยว ต่อให้วิถีทางโลกในใจของข้าจะมีดินโคลนสกปรกพันหมื่นปีทับถมแล้วอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่สัตว์เดรัจฉานอย่างพวกเจ้าจะบุกเข้ามาได้”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ายิ้มเอ่ยว่า “คำพูดสุภาพเจ้าบทเจ้ากลอนอะไรนี่ ข้าพูดไม่เป็นหรอก แต่ข้าก็จะลองพูดประโยคหยาบๆ ตามคำของเจ้าไปก็แล้วกัน ถือเสียว่าเป็นคำสั่งเสีย คิดจะผ่านทางนี้ คิดจะเข้าบ้านหลังนี้ ต้องให้ข้าตายเสียก่อน”
ผู้ฝึกตนเฒ่าคนหนึ่งที่เดิมทีออกจากใบถงมาอย่างสงบสุขแล้ว ก่อกำเนิดผู้เฒ่าที่เคยทำการค้าครั้งใหญ่กับคนหนุ่มต่างถิ่นและเจียงซ่างเจิน ได้รวบรวมผู้ฝึกตนทั้งหมดในสำนักมาไว้ด้วยกัน
สำนักของผู้เฒ่าตั้งอยู่ที่ตำหนังพยัคฆ์เขียวยอดเขาเทียนแจว๋ทางทิศเหนือของใบถงทวีป และผู้เฒ่าก็คือเจ้าตำหนักผู้เฒ่าที่เชี่ยวชาญการหลอมโอสถที่สุดอย่าง ลู่ยง
ตอนที่เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างยังไม่ขึ้นมาบนชายฝั่ง เจ้าตำหนักผู้เฒ่าลู่ที่การข่าวว่องไวอีกทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาเอาตัวรอดก็ได้พาพวกลูกศิษย์ขึ้นเรือข้ามฟากตระกูลเซียนหลบหนีเข้ามาในแจกันสมบัติทวีปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว หากช้ากว่านั้นสักสิบวันก็อาจจะต้องกินน้ำแกงประตูปิดที่เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบแล้ว
เพียงแต่ว่าก็เหมือนกับคนฉลาดคนอื่นทุกคน ในเมื่อเข้ามาในอาณาเขตของนครมังกรเฒ่าแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าเมืองไปหลบภัยอย่างสงบได้ ได้แต่มารวมตัวอยู่กับผู้ฝึกตนต่างถิ่นคนอื่นๆ ในสถานที่แห่งหนึ่งเหมือนนักโทษที่ถูกกักขัง
สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว เพียงแต่ว่าผ่านวันเวลาไปได้อย่างไม่สบายเท่าใดนัก
ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของราชวงศ์ต้าหลีเหล่านั้นไม่เคยเอ่ยอะไรกับพวกเขาแม้แต่ครึ่งคำ หากไม่สังหารพวกคนโง่เง่าที่ไม่รักษากฎก็เพียงแค่มองชาวบ้านลี้ภัยจากใบถงทวีปอย่างพวกเขาอยู่ไกลๆ ด้วยสายตาเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!