กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 713

เวลานี้ซ่งมู่พ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนักๆ ยื่นมือไปตบกำแพงอย่างแรง จากนั้นก็ขยุ้มมือกำแน่น พูดเสียงหนักว่า “ร่วมประคองแผ่นฟ้าไปด้วยกัน!”

ขันทีสวมชุดหม่างคนหนึ่งพลันก้าวเร็วๆ ขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นก็หยุดเท้าลงอย่างเงียบเชียบ เอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท ทางทิศเหนือมีคนมาพะยะค่ะ”

สีหน้าซ่งเหอเบิกบานทันใด ก้าวเร็วๆ ไปยังพื้นที่ตรงกลางระหว่างกำแพงสองด้าน แหงนหน้าขึ้นมอง แม้จะถูกกำหนดมาแล้วว่ามิอาจมองเห็นอะไร คนเหล่านั้นไม่มีทางมาถึงน่านฟ้าของเมืองหลวงต้าหลีเร็วขนาดนี้ แต่ซ่งเหอก็ยังอดไม่ไหวแหงนหน้ารอมองภาพนั้น

ทุกวันนี้ภายใต้วิธีการอันยิ่งใหญ่เทียมฟ้า บุรพแจกันสมบัติทวีปกับอุตรกุรุทวีปก็คืออาณาเขตของทวีปเดียวกัน!

ฮว่อหลงเจินเหรินกับหลี่หลิ่วและสตรีร่างอ้วนท้วมขอบเขตบินทะยานจากหลุมน้ำลู่ผู้นั้น ทุกวันนี้ยังคงรับผิดชอบเฝ้าพิทักษ์เส้นทางบนมหาสมุทรสายนี้

ทั้งสองฝ่ายหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ร่วมกันปกป้อง ‘สะพาน’ ที่เชื่อมโยงระหว่างสองทวีป

ผู้ฝึกกระบี่กลุ่มใหญ่ของอุตรกุรุทวีปจะขี่กระบี่เลียบเส้นทางสายนั้นลงใต้มายังแจกันสมบัติทวีป

ป๋ายฉางเซียนกระบี่อันดับหนึ่งของแถบทิศเหนือ หวงถงบรรพจารย์ผู้คุมกฎของสำนักกระบี่ไท่ฮุย ลี่ไฉ่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิง…

นอกจากผู้ฝึกกระบี่แล้วยังมีลูกศิษย์เอกสองคนของฮว่อหลงเจินเหริน หยวนหลิงเตี้ยนแห่งสายจื่อเสวียน และยังมีสายของป๋ายอวิ๋น

เจินเหรินลัทธิเต๋ากลุ่มหนึ่งของหน่วยฉงเสวียนราชวงศ์ต้าหยวน จู๋เฉวียนเจ้าสำนักพีหมา และยังมีผู้ฝึกกระบี่กระดูกขาวในหุบเขาผีร้ายของชายหาดโครงกระดูก ผูหรางสตรีผู้เป็นวิญญาณวีรบุรุษ

เกาเฉิงแห่งนครจิงกวานเคยคลายพันธนาการฟ้าดินเพื่อให้ผูหรางได้เซ่นกระบี่

ทุกวันนี้เกาเฉิงได้ออกมาจากหุบเขาผีร้ายแล้ว ผู้ฝึกตนสำนักพีหมาจึงไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ส่วนผูหรางที่ร่างดับมรรคาสลายอยู่ในซากปรักสนามรบของที่นั่นก็เลือกที่จะไปเยือนสนามรบอีกแห่งหนึ่ง ถือเสียว่าเป็นการบอกลาไร้เสียงกับคนในใจที่ไม่เคยวางได้ลงมาโดยตลอด ในเมื่อตนถูกกำหนดมาแล้วว่าจะมิอาจเป็นคู่รักเทพเซียนกับเขาได้ แล้วเหตุใดยังต้องถ่วงรั้งไม่ให้เขาได้เป็นพุทธะแห่งโลกมนุษย์ด้วยเล่า? ชอบคนคนหนึ่ง ไม่ควรเป็นเช่นนี้

เว่ยจิ้นเซียนกระบี่แห่งศาลลมหิมะแจกันสมบัติทวีปเคยข้ามทวีปไปถามกระบี่แก่เทียนจวินเซี่ยสือแห่งอุตรกุรุทวีป

ครานี้กลับเดินทางมาร่วมกับเทียนจวินเซี่ยสือ คนทั้งสองต่างก็ถือว่าได้เดินทางกลับบ้านเกิดด้วยกัน

ลี่ไฉ่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิงกับลูกศิษย์ใหญ่หรงช่าง ก่อนจะออกเดินทาง นางได้บอกกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนอย่างเฉินหลี่และเกาโย่วชิงว่า ตนจะไปดูที่นครมังกรเฒ่าสักหน่อย

ตอนอยู่บ้านเกิดของพวกเจ้า ต่างบ้านต่างเมืองของอาจารย์ ยังฆ่าสัตว์เดรัตฉานเผ่าปีศาจไปไม่น้อย อยู่ในใต้หล้าไพศาลที่เป็นบ้านเกิดแห่งนี้ก็ไม่มีเหตุผลให้ไม่สังหารพวกสัตว์เดรัจฉานเผ่าปีศาจเพิ่มอีกหน่อย

นั่นจะไม่ทำให้หลี่อวี๋สหายรักหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ วันหน้าจะยังวางมาดอาจารย์ต่อหน้าเด็กอย่างพวกเจ้าสองคนได้อย่างไร?

เพียงแต่ลี่ไฉ่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่สะดวกจะบอกกับลูกศิษย์ที่เป็นเด็กรุ่นหลัง

ที่นั่นก็คือทิศใต้สุดของแจกันสมบัติทวีปแล้ว ไม่ต้องอยู่ห่างไกลกันโดยมีอีกทวีปกั้นขวาง ดังนั้นสามารถอยู่ใกล้กับเจ้าบุรุษใจดำผู้นั้นได้อีกนิด

ลี่ไฉ่ที่กลับมาถึงบ้านเกิดได้รับฟังสถานการณ์ของใบถงทวีปมาอย่างต่อเนื่องก็เหมือนได้คลายปมในใจ

บุรุษใจจืดใจดำผู้นั้นทำผิดต่อตน และในความเป็นจริงแล้วเขายังผิดต่อความจริงใจของสตรีที่ลุ่มหลงในรักอีกมากมาย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ผิดต่อภาระหน้าที่ที่ลูกผู้ชายอย่างเขาพึงมี

เจียงซ่างเจินที่เป็นเช่นนี้คู่ควรให้ลี่ไฉ่เสียใจ ชื่นชอบ

ขณะที่พวกเขาจับมือกันเดินทางลงใต้ข้ามมหาสมุทร ไม่ว่าจะใช่ผู้ฝึกกระบี่หรือไม่ น้อยคนนักที่จะมีสีหน้าของคนที่กระโจนเข้าหาความตายอย่างกล้าหาญหรือสีหน้าฮึกเหิมคึกคัก

จิตใจนิ่งสงบ

เพราะนี่ก็เหมือนเรื่องปกติธรรมดาทั่วไปที่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่งเท่านั้น

ผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีปอย่างพวกข้า ต่อให้ยามที่คนกันเองปิดประตูขึ้นมาจะต่อยตีกันเอาเป็นเอาตาย วางแผนปัดแข้งปัดขา จะกระบี่บิน ผู้ฝึกตน ผู้ฝึกยุทธ ใช้กระบี่บิน ใช้เวทคาถาหรือประเคนหมัดและเท้าใส่คนกันเองแค่ไหน

แต่ยามที่สถานการณ์ใหญ่มาถึง จะขาดผู้ฝึกตนของทวีปใดไปก็ได้ มีเพียงมิอาจขาดอุตรกุรุทวีปของพวกข้าไปได้!

คนเดินทางลงใต้ ความองอาจของผู้กล้าก็ยิ่งเดินทางลงใต้ไปด้วย

……

หลิวสือลิ่วดื่มเหล้ากับหมี่อวี้ที่ร้านยาฮุยเฉินก่อน เพียงแต่ว่าหมี่อวี้ที่ควรกลับขึ้นเหนือแล้วกลับบอกว่าจะกลับไปภูเขาลั่วพั่วช้าสักหน่อย

หลิวสือลิ่วจึงดื่มเหล้าร่วมกับเซียนกระบี่ท่านนี้เพิ่มอีกกา

วันนี้กุ้ยฮูหยินผู้ถวายงานตระกูลฟ่านพลันมาเยือนร้านยาฮุยเฉิน

หลิวสือลิ่วเอ่ย “เจ้าคิดจะทำแบบนี้ ข้าค่อนข้างประหลาดใจ”

หลิวสือลิ่วก็ดี กุ้ยฮูหยินที่เป็น ‘เผ่าพันธ์ดวงจันทร์’ ดั้งเดิมที่สุดของใต้หล้าก็ช่าง หากจะพูดให้ถูกต้อง พวกเขาต่างก็ถือว่าเป็นกากเดนของยุคบรรพกาลกันทั้งคู่

ในตำรายุคหลังชอบพูดถึงเรื่องประหลาดของเทพเซียนที่มหัศจรรย์พันลึก บอกว่าบนมหาสมุทรไกลโพ้นมีเซียนโบราณ ยามที่มหาสมุทรแปรเปลี่ยนเป็นผืนนา พวกเราหยิบแผ่นไม้ไผ่มาบันทึก ตอนนี้ก็สะสมได้เต็มสิบห้องแล้ว

ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับพวกเขาทั้งสองคน ไม่ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดอัศจรรย์ได้เลยจริงๆ

พวกเขา หรือควรจะเรียกว่า ‘พวกมัน’ ต่างก็เคยอยู่บนฟ้าหลุบตาลงมองพื้นดิน เห็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏตัวกับตาตัวเอง มองเผ่ามนุษย์เดินขึ้นเขา สุดท้ายก็มองเผ่ามนุษย์เดินขึ้นฟ้า

ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป

ลำน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางสีของราตรีคลื่นลมเงียบสงบ

บนเรือน้อยลำหนึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งกำลังจ้วงไม้พายอย่างเหน็ดเหนื่อย

แต่เด็กหนุ่มชุดขาวท่าทางเกียจคร้านคนหนึ่งกลับเอาแต่นอนอยู่บนหัวเรือ ชายแขนเสื้อกว้างสีขาวหิมะจุ่มลงไปในน้ำ

ประกายน้ำล้อแสงจันทร์ ขับให้ชายแขนเสื้อสีขาวยิ่งขาวจ้า

เด็กหนุ่มหลับตา ครวญบทเพลงเสียงดัง “น้ำใบไม้ผลิบรรทุกเรือเรือบรรทุกคน เรือล่องน้ำใบไม้ผลิล้วนล่องอยู่บนฟ้า”

เด็กหนุ่มพลันลุกพรวดขึ้นนั่ง บ่นอย่างน่าสงสารว่า “ฟ้าไม่สงสารดินไม่เวทนาความลำบากของข้าผู้ขับร้องบทเพลงนี้บ้างเลย”

ชุยตงซานยื่นนิ้วของสองมือมาฝั่งละนิ้วแล้วขยี้หัวตาตัวเองแรงๆ อยากจะหลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าอาดูร จะได้ช่วยส่งเสริมบรรยากาศ

เพียงแต่ว่ายังไม่ทันรอให้เขาเค้นน้ำตาออกมาได้ก็มองเห็นคนสองคนที่เดินทางมาด้วยกันเสียก่อน คนผู้หนึ่งมาจากชายหาดโครงกระดูกของอุตรกุรุทวีป อีกคนหนึ่งมาจากสถานที่ที่ห่างไกลยิ่งกว่านั้น

เกาเฉิงแห่งนครจิงกวาน

ชุยตงซานขยับมาอยู่ด้านหลังเด็กชายที่กำลังพายเรือแล้วตบเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย “มัวอึ้งอยู่ทำไม หันหัวเรือ หันหัวเรือ รีบเรียกพี่ชายเร็วเข้า ท่านผู้นี้คือพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าเชียวนะ!”

บนฝั่ง ในที่สุดเกาเฉิงก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่ในนครจิงกวานของหุบเขาผีร้ายไม่มีภัยร้ายซ่อนแฝงทั้งภายในและภายนอก แต่ใจของตนกลับไม่เคยสงบสุขได้เลย

ส่วนภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่ที่เดินทางจากแคว้นชิงหลวนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มายังที่แห่งนี้

เขาสวมชุดจีวรเก่าขาด ภิกษุเฒ่าเดินอยู่ริมลำน้ำ

ไอหมอกรวมตัวเป็นก้อนเมฆ ก้อนเมฆก่อตัวเป็นจีวร

แสงจันทร์สาดสะท้อนผิวน้ำ ประกายแสงน้ำสะท้อนกลับไปยังโพธิจิต

น้องเกาจ้วงพายเต็มแรง ส่วนชุยตงซานก็ใช้สองมือช่วยพุ้ยน้ำ มุ่งหน้าเข้าหาชายฝั่งด้วยกัน

พอเกาเฉิงเห็นภาพนี้ก็รู้สึกว่าตนไม่ควรมาพบคนผู้นี้ ช่างชวนให้คนสะอิดสะเอียนซะจริง

ท่ามกลางม่านตรี ม่านฟ้าของฝูเหยาทวีปตกอยู่ในมือของใต้หล้าเปลี่ยวร้างเรียบร้อยแล้ว

นี่หมายความว่าอริยะผู้มีเทวรูปในศาลบุ๋นที่เฝ้าพิทักษ์ม่านฟ้าของที่แห่งนี้ ตายไปแล้ว

ป๋ายเหย่ยืนกลางอากาศเคียงคู่ซิ่วไฉเฒ่า

ประหนึ่งเซียนที่อยู่บนธารดาราของม่านฟ้า

ซิ่วไฉเฒ่าพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “พี่ป๋าย จะทำแบบนี้จริงๆ หรือ? ครั้งนี้ใต้หล้าเปลี่ยวร้างไม่มีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนใดวิ่งมาหาเรื่องเจ้าแล้วนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!