เฉินผิงอันคิดมาถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามองม่านฟ้า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวยังคงโคจรตามปกติ ตรงจุดที่เขามองว่างเปล่าเพราะเดิมทีนั่นถือเป็นสถานที่ฝึกตนของเซอเยว่ นางเด็ดดวงจันทร์ลงมายังโลกมนุษย์ ดวงจันทร์หนึ่งดวงแบ่งเป็นยี่สิบ ข้าได้มาหนึ่ง แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว
หากเอาไปวางไว้ในพื้นที่มงคลรากบัวที่เป็นระดับกลางของบ้านเกิด ก็จะมีดวงจันทร์ดวงหนึ่งที่สว่างไสวอย่างถึงที่สุดลอยอยู่กลางอากาศ ยามถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ พระจันทร์กลมเต็มดวง บุปผาเบ่งบานพระจันทร์กลมโตคนในครอบครัวกลับมาเจอหน้า
วันที่สิบห้าเดือนแปดของทุกปี พระจันทร์กลมโตเหมือนคันฉ่องบานใหญ่ ทุกคนที่อยู่ในใต้หล้าของพื้นที่มงคลจะชมดวงจันทร์เหมือนกำลังส่องกระจก นอกจากตนแล้วยังสามารถมองเห็นคนทุกคนที่อยากเห็น
แน่นอนว่าเขาบอกไว้แล้วว่าจะนำไปมอบเป็นของขวัญให้กับการฝ่าทะลุขอบเขตของลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขา เฉินผิงอันไม่รู้สึกว่าหักใจไม่ลงแม้แต่น้อย
บนพื้นดินนอกนคร เฒ่าตาบอดยังคงพยักหน้าเบาๆ
แม้จะบอกว่าอิ่นกวานผู้นี้มีสถานะเป็นบัณฑิตทำให้เขารู้สึกขวางหูขวางตาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่คนหนุ่มผู้หนึ่งที่ฉลาดมากพอ ต้องไม่ผิดพลาดแน่นอน หากยังสามารถคาดหวังให้วิถีทางโลกดีขึ้นมากอีกหน่อยก็จะยิ่งดีเข้าไปอีก
ในประวัติศาสตร์เคยมีบัณฑิตคนหนึ่งที่มีชาติกำเนิดจากสำนักประพันธ์ของใต้หล้าไพศาล ตอนแรกก็มาเที่ยวเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ แล้วถึงไปเยือนภูเขาใหญ่แสนลี้ ลำดับอาวุโสไม่ต่ำ ตบะพอใช้ได้ พอไปเจอกับเฒ่าตาบอดก็พูดจาน่าเชื่อถือ บอกว่าปัญญาชนอย่างพวกเราจรดพู่กันลงบนกระดาษ เพียงแค่เขียนว่าวิถีทางโลกในความเป็นจริงเป็นอย่างไร แค่ต้องเขียนบอกเล่าเรื่องราวอันน่าสังเวชและผู้คนที่น่าสงสารที่มีอยู่บนโลกลงไปให้หมดเท่านั้น คนอ่านจะรู้สึกอย่างไร เราไม่รับผิดชอบด้วย คนอ่านจะรู้สึกสิ้นหวังแล้วสิ้นหวังอีกจนถึงขั้นด้านชาไปเลยหรือไม่ ก็ยิ่งไม่ไปสน แค่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าโลกนี้มันย่ำแย่และเกินจะอดทนแค่ไหนเท่านั้น…
ผลคือถูกเฒ่าตาบอดที่ฟังจนหงุดหงิดตบเสียร่อแร่ใกล้ตายอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหนทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่าเฒ่าตาบอดรำคาญคำพูดประโยคนั้นหรืออะไร มหามรรคามีเป็นพันเป็นหมื่น เชิญเจ้าเดินได้ตามสบาย ไม่ใช่ลูกชายไม่ใช่ลูกศิษย์ เฒ่าตาบอดคร้านจะสนใจ
เพียงแต่ว่ามาที่หน้าประตูบ้านข้ากลางภูเขา ตอนแรกก็ทำลายกฎก่อน แล้วยังจะกล้ามามือเปล่าอีก ย่อมต้องทิ้งอะไรไว้บ้าง
และการที่เขาแค่ร่อแร่ปางตายก็ไม่ใช่เพราะเฒ่าตาบอดออมมืออะไร แต่เป็นเพราะบรรพบุรุษสำนักประพันธ์รีบร้อนรุดมาลงมือช่วยเศษซากจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ ครั้นจึงพากลับไปที่ใต้หล้าไพศาล
ด้านข้างยังมีอาเหลียงที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นทำสีหน้าประมาณว่าข้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลยนะ
ภายหลังอาเหลียงจากไปแล้วหวนกลับมา ไม่ดื่มเหล้าแล้วยังพูดจาภาษาคนอย่างที่หาได้ยาก เขาบอกว่าผลงานมีชื่อเสียงที่สืบทอดกันมา ต่อให้เขียนได้ดีแค่ไหนก็ยังไม่ดีพอ ยังคงเป็นคนอ่อนแอคนหนึ่งที่ต้องการดึงให้ผู้อ่านมาแบ่งเบาความทุกข์ทรมานยากจะแบกรับในใจไปจากตน
ต่อให้จะเป็นบทความใต้ปลายพู่กันที่ต่อให้ดีแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ดีที่สุดเหมือนกัน กระนั้นก็ยังแบ่งความคิดออกเป็นสองแบบ ต่อให้เขียนบทความที่เยือกเย็นด้วยจิตใจที่เร่าร้อนกระตือรือร้น สุดท้ายทั้งตัวอักษรและความคิดจิตใจก็เยียบเย็นเหมือนกันอยู่ดี
เกลียดแค้นที่ฟ้าดินต้องมีความทุกข์ความเศร้าใหญ่หลวง หรือแค่เกลียดแค้นที่สรรพชีวิตในฟ้าดินไม่ต้องทุกข์ทรมานเหมือนกับข้า ต่างกันราวฟ้ากับเหว
บทความเหมือนกัน ตัวอักษรบรรยายถึงความเศร้ารันทดเหมือนกัน แต่กลับมีจิตใจที่ร้อนหนาวต่างกัน คนทั่วไปแค่หยิบมาเปิดอ่านย่อมไม่รับรู้ แต่บัณฑิตที่ต้องการจะฝึกอบรมตน ดูแลบ้านเรือน ปกครองบ้านเมืองให้ดี มีหรือจะไม่รู้
ตอนนั้นเฒ่าตาบอดถามเขาว่าทำไมถึงไม่เขียนเอง
เจ้าชาติสุนัขผู้นั้นเพียงแค่ยืนเอนตัวพิงรั้วไม้ ใช้สองมือปาดลูบเส้นผม บอกว่าข้าเคยเจอกับคนของสำนักประพันธ์ที่ไม่ได้ใช้พู่กันเขียนหนังสือ แต่ใช้ชีวิตคนในโลกมนุษย์มาเป็นบทประพันธ์ที่บทยาวก็ยาวเป็นพันเป็นหมื่นปี บทสั้นก็สั้นหลายสิบปีมานักต่อนักแล้ว
บ้างก็อ่านจนจิตใจดื่มด่ำมัวเมา บ้างก็พบเห็นจนจิตใจแหลกสลาย ทว่าล้วนเป็นบทประพันธ์ที่ดีในใจของข้าอาเหลียงทั้งสิ้น
เฉินผิงอันเห็นว่าผู้อาวุโสเงียบไปนานก็อดไม่ไหวถามว่า “ผู้อาวุโสเดินทางมาครั้งนี้เพราะมีเรื่องจะให้ผู้เยาว์ไปทำหรือ?”
เฒ่าตาบอดเก็บความคิดกลับคืนมา ส่ายหน้า “แค่มาดูเท่านั้น”
หมาแก่ตัวนั้นได้แต่แอบนินทาอยู่ในใจ เฒ่าตาบอดดวงตาทั้งคู่ของเจ้าหายไปแล้ว ยังจะมาดูกับท่านปู่เจ้าสิ
มันเริ่มคิดถึงอาเหลียงชาติสุนัขผู้นั้นขึ้นมาบ้างแล้ว ต้องให้เฒ่าตาบอดเจอกับเจ้านั่นถึงจะเรียกว่าจนปัญญาอย่างแท้จริง
เฉินผิงอันพลันประสานมือคารวะ
เฒ่าตาบอดยิ้มกล่าว “ทำไม คิดจะยั่วยุให้ข้าช่วยออกแรงหรือ?”
เฉินผิงอันยืดเอวขึ้นแล้วก็เอ่ยว่า “ผู้เยาว์เพียงแค่ขอบคุณที่แม้ผู้อาวุโสจะรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่กลับเก็บความผิดหวังนี้ไว้ที่ตัวเองคนเดียวมาได้นานหมื่นปี”
คำโบราณกล่าวไว้ว่า ขุนเขาตระหง่านโอฬาร เป็นเพราะฟ้าไม่ราบเรียบ (คำว่าไม่ราบเรียบ ภาษาจีนใช้ 不平 ซึ่งคำนี้ยังสามารถแปลว่าความไม่ยุติธรรมได้ด้วย)
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในใจผู้อาวุโสที่กักขังตัวเองอยู่ในพื้นที่หนึ่งมานานหนึ่งหมื่นปีผู้นี้ยิ่งมีความอยุติธรรมที่ใหญ่ยิ่งกว่า
เฒ่าตาบอดพยักหน้ารับเบาๆ ยกมือที่เหี่ยวแห้งขึ้นเกาข้างแก้ม แล้วคลี่ยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ดีมาก ข้าเกือบจะอดไม่ไหวซ้อมเจ้าให้ร่อแร่ปางตายเสียแล้ว ฉลาดจริงเสียด้วย เป็นคนที่รู้จักถนอมความโชคดี ไม่อย่างนั้นคาดว่าคงไม่ต้องรอให้หลงจวินและหลิวชามาหาเรื่องเจ้าแล้ว”
เฉินผิงอันได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน
ผู้อาวุโสที่สามารถทำให้เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองถึงสองครั้งผู้นี้ ไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่เลย
ผู้เฒ่าหมุนกายแล้วเดินจากไป
เขาเพียงแค่มาดูที่นี่แล้วก็พูดคุยแค่สองสามประโยคจริงๆ
ส่วนกับหลงจวินนั้น เฒ่าตาบอดไม่มีอะไรให้พูด คิดดูแล้วอีกฝ่ายก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน สหายในอดีต ล้วนแยกย้ายเดินกันไปคนละเส้นทาง
หมาแก่ขอบเขตบินทะยานตัวนั้นวิ่งตุปัดตุเป๋ตามติดไปด้านหลังเฒ่าตาบอด
ร่างของหลงจวินเองก็สลายหายตามไป กลับคืนมาเป็นชุดคลุมสีเทาที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
เฉินผิงอันพลันตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโส อาเหลียงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
เฒ่าตาบอดไม่ได้หันกลับมา เพียงเอ่ยว่า “เป็นตะพาบที่แบกภูเขา เจ้าชาติสุนัขมีความสุขนักล่ะ”
เฉินผิงอันทั้งกังวลทั้งวางใจได้ ดูท่าคิดจะให้อาเหลียงมาหาบ่อยๆ ยามที่มีเวลาว่าง ตอนนี้คงไม่ต้องหวังแล้ว
เฉินผิงอันทอดสายตามองไปเป็นครั้งสุดท้าย ตราผนึกขุนเขาสายน้ำเปิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาเห็นในใจคือภูเขาทัวเยว่ลูกนั้นที่คุมเชิงอยู่ตรงข้ามกับกำแพงเมืองปราณกระบี่ไกลๆ ขุนเขาสายน้ำมีความต่าง คนรู้จักยังสุขสบายดี
อยากดื่มเหล้าอีกแล้ว
เฉินผิงอันแอบเอาเหล้ากาหนึ่งออกมาจากกระบี่บินสืออู่ก่อน แล้วค่อยย้ายไปไว้ในฟ้าดินเล็กจักรวาลชายแขนเสื้ออย่างลับๆ ล่อๆ เพิ่งจะหยิบกาเหล้าออกมาจากชายแขนเสื้อ หมายจะดื่มสักคำ แต่กลับถูกหนึ่งกระบี่ของหลงจวินฟาดกาเหล้าและเหล้าในกาให้แหลกเละไปพร้อมกัน
เฉินผิงอันเคยชินเสียแล้ว ร่างของเขาเปล่งวูบหนึ่งทีก็กลับมาอยู่บนหัวกำแพงเมืองอีกครั้ง ก้าวเดินเลียนแบบลูกศิษย์ของตน ทั้งไหล่และชายแขนเสื้อกว้างล้วนโยกส่ายไปพร้อมกัน พูดเสียงดังว่าเต้าหู้เหม็นอร่อย เพิ่มเนื้อหมาแก่ตุ๋นให้เปื่อยเข้าไปด้วย คาดว่าต้องสุดยอดยิ่งกว่าเดิม
เฉินผิงอันไม่รู้ว่า ฟ้าดินด้านนอกของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เขามองไม่เห็น
เฒ่าตาบอดกลับ ‘มองเห็น’ ภาพเหตุการณ์บนหัวกำแพงเมืองอย่างชัดเจน
หมาแก่ตัวนั้นฉวยโอกาสตอนที่เฒ่าตาบอดยังอารมณ์ดีใช้ได้พูดพึมพำขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ไปหาเรื่องเขาสักหน่อย เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกก็ติดใจเนื้อบนร่างข้าแล้ว น่าชิงชังนัก น่าชิงชัง”
เฒ่าตาบอดหัวเราะเยาะ “เจ้าคู่ควรให้ไปหาเรื่องอิ่นกวานแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วยหรือ ใครให้ดีสุนัขเจ้ายืมใช้กัน?”
หมาแก่ไม่กล้าเถียง ได้แต่ส่ายหางขอความสงสาร
บนพื้นดินแห่งหนึ่งที่ห่างจากภูเขาทัวเยว่ไปไกลพันลี้ ตอนนั้นเฒ่าตาบอดมาหยุดยืนอยู่ที่นี่แล้วก็ได้วาดเส้นเขตแดนให้มันกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง
วางสุรารสเลิศเอาไว้กาหนึ่ง เฒ่าตาบอดจงใจทิ้งสิ่งนี้ไว้ที่นี่
ปีศาจใหญ่ที่เฝ้าพิทักษ์ภูเขาทัวเยว่ไม่กล้าไปขยับกาเหล้านั้น ได้แต่หลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ปล่อยให้มันตั้งวางอยู่บนพื้นดินอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้น
ต่อให้แน่ใจแล้วว่าเหล้ากานั้นไม่มีความผิดปกติใดๆ เป็นเพียงแค่เหล้าธรรมดากาหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังไม่มีปีศาจใหญ่ตนใดไปขยับเขยื้อนมัน
หมื่นปีที่ผ่านมา ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ผู้แข็งแกร่งคือผู้สูงศักดิ์
เฒ่าตาบอดที่แยกดินแดนไปปกครองเองก็คือหนึ่งในขอบเขตสิบสี่ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของหลายๆ ใต้หล้า
ใต้หล้าเปลี่ยวร้างในทุกวันนี้ หลังจากที่เซียวสวิ้นไปเยือนเหวลึกบ่อโบราณมาครั้งหนึ่งก็มีบัลลังก์เพิ่มมาอีกหนึ่งแห่ง เพียงแต่ว่านางใช้โชคชะตาผสานมรรคากับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง หาได้ใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมาผสานมรรคากับฟ้าดินไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!