กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 717

สกุลสวี่นครลมเย็นเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างสถานการณ์แล้วป่าวประกาศไปทั่วที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ให้บุตรสาวสายตรงแต่งงานกับบุตรชายอนุภรรยาของสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้น แล้วยังบอกว่าเป็นเรื่องซับซ้อนยากจะเอื้อนเอ่ย และดูเหมือนว่าสกุลสวี่จะให้ทายาทสายตรงที่กลอุบายลึกล้ำผู้นั้นไปแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์กับสายของเซียนกระบี่ผู้เฒ่าตระกูลเถาแห่งภูเขาตะวันเที่ยงด้วย ทุกวันนี้สวี่หุนก้าวข้ามธรณีประตูใหญ่เทียมฟ้าเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนได้แล้ว ด้วยนิสัยของนครลมเย็น หากไม่เป็นเพราะอยู่ดีๆ แคว้นหูก็หายวับไปกับตา อย่าว่าแต่อุตรกุรุทวีปเลย คาดว่าป่านนี้ข่าวนี้คงแพร่ไปถึงธวัลทวีปแล้ว

จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ยว่าคนผู้หนึ่งที่หลงระเริงจนลืมตน ง่ายที่จะถูกตบบ้องหู เพ่ยเซียงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ยังรู้สึกสะใจอย่างมาก ผลคือตอนนั้นนางก็ถูกจูเหลี่ยนตบเบาๆ หนึ่งที บอกว่าหมายถึงเจ้านั่นแหละ

ท่ามกลางแสงสนธยาคนทั้งสองเดินทางผ่านเมืองหงจู๋ที่ยังคงคึกคักเจริญรุ่งเรือง ขอแค่ข้ามภูเขาฉีตุนไป ภูเขาลั่วพั่วก็อยู่ใกล้เพียงเบื้องหน้าแล้ว

เพ่ยเซียงรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก เงยหน้าขึ้นก็สามารถมองเห็นภูเขาพีอวิ๋นที่มีทะเลเมฆล้อมวนได้อย่างชัดเจนแล้ว นี่ทำให้นางเหมือนได้กินยาสงบใจเข้าไปอีกเม็ด

จูเหลี่ยนซื้อเมล็ดแตงจากร้านหนึ่งในตลาดมาเยอะมาก จากนั้นก็พาเพ่ยเซียงไปที่ตรอกแห่งหนึ่งด้วยกัน

เพ่ยเซียงใช้เสียงในใจสอบถาม “จะไปเจอใครหรือ?”

จูเหลี่ยนพาเจ้าแห่งแคว้นหูที่อยู่ข้างกายผู้นี้เดินไปบนถนนที่มีผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่ ยิ้มตอบว่า “เทพวารีแห่งแม่น้ำชงตั้น หลี่จิ่น”

จูเหลี่ยนเอ่ยเสริมมาอีกประโยค “เขาขายหนังสือ ข้าซื้อหนังสือ ความสัมพันธ์จึงไม่เลวมาโดยตลอด ญาติห่างไกลไม่สู้เพื่อนบ้านใกล้เคียงนี่นะ”

ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ ย่อมทำให้พี่น้องหลี่จิ่นยอกแสลงใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรหากกระต่ายตายหมาป่าย่อมต้องเศร้าอาลัย นี่คือความรู้สึกปกติทั่วไปของมนุษย์

ครั้งนี้เดินทางผ่านมาต้องถือโอกาสคลายปมในใจให้กับเถ้าแก่ผู้นั้นด้วย

เพราะสิ่งที่จูเหลี่ยนเชี่ยวชาญในการรับมือมากที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่สตรีอยู่แล้ว

สตรีจำเป็นต้องรับมือด้วยหรือ?

เอาเป็นว่าจูเหลี่ยนไม่เคยมีความจำเป็นนั้นก็แล้วกัน

ในใจเพ่ยเซียงพลันกระจ่างแจ้ง เมืองหงจู๋ใต้ฝ่าเท้าแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงจุดตัดของแม่น้ำสามสาย จึงมีองค์เทพวารีสามองค์ หลี่จิ่นที่เป็นคนหนึ่งในนั้นเพิ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากต้าหลีได้ไม่กี่ปี ควันธูปในศาลกลับไม่เลว

เดิมทีแคว้นหูก็เป็นสถานที่ที่ปลาและมังกรของสามสำนักเก้าสาขาปะปนกันอยู่แล้ว ข่าวสารบนภูเขาถูกส่งต่อถึงกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพ่ยเซียงจึงรู้เรื่องลับๆ ของในหนึ่งทวีปค่อนข้างมาก

ส่วนเรื่องที่จูเหลี่ยนสนิมสนมกับหลี่จิ่นไม่ได้ทำให้เพ่ยเซียงรู้สึกตะลึงมากเท่าใดนัก เพราะถึงแม้ขอบเขตของหลี่จิ่นจะไม่ต่ำ แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งจะเป็น ‘คนหน้าใหม่ในวงการขุนนางขุนเขาสายน้ำ’ ของต้าหลี ไม่แน่ว่าอาจยังต้องสานสัมพันธ์ผูกมิตรกับภูเขาลั่วพั่ว เมื่อสนิทสนมกับภูเขาลั่วพั่วแล้วก็เท่ากับว่าสามารถป่ายปีนไปตีสนิทกับซานจวินใหญ่เว่ยแห่งภูเขาพีอวิ๋นได้แล้ว

‘เพ่ยเซียง’ ที่เป็นภูตจิ้งจอกก่อกำเนิด แม้จะอยู่ห่างจากเว่ยป้อหนึ่งขอบเขต แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือตบะที่แท้จริงของทั้งสองฝ่ายก็ล้วนต่างกันดุจก้อนเมฆกับดินโคลน

ทุกวันนี้มีข่าวลือเล็กๆ อย่างหนึ่งเริ่มแพร่ไป บอกว่าร่างทองของซานจวินเว่ยได้รับการบำรุงให้ชุ่มชื้นและหล่อหลอมจากฝนสีทองที่ตกกระหน่ำลงมาสามครั้ง จึงพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่าขอบเขตของผู้ฝึกตนได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหรินแล้ว จากนั้นก็กลายเป็นซานจวินท่านหนึ่งที่ร่างทองบริสุทธิ์ที่สุด กายธรรมสูงที่สุดในบรรดาห้าขุนเขาใหญ่ในหนึ่งทวีป

เถ้าแก่ร้านคือชายหนุ่มชุดดำที่มีรูปโฉมหล่อเหลา เขาเอนกายนอนอยู่บนเก้าอี้หวาย มือข้างหนึ่งถือกาน้ำชาพลางอ่านตำราไปด้วย

เพียงแต่เพ่ยเซียงแค่เหลือบมองหลี่จิ่นไม่กี่ที เรื่องของรูปโฉมนั้น กลัวการเปรียบเทียบเป็นที่สุด

หลี่จิ่นเห็นจูเหลี่ยนที่สวมหน้ากากแล้ว เพียงไม่นานก็จำอีกฝ่ายได้ ช่วยไม่ได้ อีกฝ่ายคล่องแคล่วคุ้นเคยเสียจนน่าเหลือเชื่อ ตำราบนชั้นหนังสือที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จำนวนไม่มาก เพียงไม่กี่ชั่วกะพริบตาก็ถูกเจ้าหมอนั่นถือมาไว้ในมือทั้งหมด เมื่อก่อนเขาก็ชื่นชอบจนวางไม่ลงอยู่แล้ว แต่พอความคิดในหัวตีกันพักใหญ่ สุดท้ายก็ตัดใจไม่ยอมซื้อไป แต่วันนี้กลับมือเติบไม่น้อย ไม่ลังเลเลยสักนิด ท่าทางประมาณว่า ‘ข้าผู้อาวุโสคือบัณฑิต ซื้อหนังสือต่อให้ดูแค่ราคาก็ถือว่าผิดต่อตำราอริยะปราชญ์แล้ว’ ดูท่าจูเหลี่ยนออกเดินทางครั้งนี้จะได้เงินมาก้อนใหญ่? หลี่จิ่นเหลือบมอง ‘เด็กสาว’ ผู้นั้น เดิมทีนี่ก็เป็นคำตอบหนึ่งอยู่แล้ว นั่นก็คือขอบเขตก่อกำเนิด? ใช่แล้ว สกุลสวี่นครลมเย็นมีแคว้นหูอยู่แห่งหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดังมาก สาวงามหนังจิ้งจอกก็ยิ่งถูกส่งไปขายไกลถึงราชวงศ์และจวนเซียนทั่วทั้งทวีป ภูตจิ้งจอกตัวดี ทำไม มาลงเรือโจรลำเดียวกับจูเหลี่ยนแล้วหรือ? ภูเขาลั่วพั่วคิดจะฉีกหน้าแตกหักกับนครลมเย็นอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือไร? จูเหลี่ยนผู้นี้สมกับเป็นบุคคลที่เป็นหัวใจสำคัญของภูเขาลั่วพั่วซะจริง ต่อให้เจ้าขุนเขาหนุ่มไม่อยู่บ้าน เขาก็ยังสามารถตัดสินใจเองเช่นนี้ได้

ในใจของหลี่จิ่นมีการคาดเดามากมาย ทว่ากลับแสร้งทำเป็นจำจูเหลี่ยนไม่ได้ ยิ่งไม่มองเพ่ยเซียงมากเกินจำเป็น ยังคงดื่มชาอ่านตำรา ทำตัวเป็นเถ้าแก่ร้านหนังสือของเขาต่อไป อยากซื้อก็ซื้อ คิดจะหั่นราคานั้นไสหัวไป

คนฉลาดที่แท้จริงก็คงเป็นอย่างหลี่จิ่นนี่กระมัง มองออกแต่ไม่พูดแฉ แสร้งทำตัวเป็นคนโง่

ไม่ว่าจะเป็นคนโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ หรือภูตขุนเขาสายน้ำที่กว่าจะฝึกตนจนจำแลงร่างเป็นคนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะเรียนรู้จนหัดพูดภาษาคนได้ล้วนไม่ง่ายเหมือนกัน แต่กลับยังต้องเรียนรู้อีกว่าการไม่พูดต่างหากจึงจะเรียกว่าฉลาดอย่างแท้จริง วิถีทางโลกนี่นะ

จูเหลี่ยนดีดนิ้วหนึ่งที เพ่ยเซียงก็รีบเอาวัตถุฟางชุ่นชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแท่นฝนหมึก แต่เดิมสลักอักษรสองคำว่า ‘ซานจวิน’ ออกมา

ภายหลังจูเหลี่ยนได้แกะสลักตัวอักษรเล็กๆ อีกหนึ่งแถวกับตราประทับอีกหนึ่งตราลงไป

อายุหินหมื่นปี อายุกระดาษพันปี อายุคนร้อยปี จริงใจกี่ปี

ตราประทับส่วนตัวของจูเหลี่ยนคือ ‘ปู้แยนโหว’

เขารับแท่นฝนหมึกมา ควรจะคลายตราผนึกของวัตถุฟางชุ่นชิ้นนี้อย่างไร เพ่ยเซียงบอกวิธีที่สมบูรณ์กับเขาไว้นานแล้ว

อันที่จริงนางยังมีวัตถุจื่อชื่อที่ทะนุถนอมอย่างดีเป็นพิเศษอีกชิ้นหนึ่ง ถือเป็นคลังสมบัติคลังเงินทองของแคว้นหู แล้วก็ถือเป็นเงินเก็บส่วนตัวของนาง นางไม่กลัวว่าจูเหลี่ยนจะมาแตะต้องมันแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าจูเหลี่ยนกลับไม่ได้สนใจเลย

เมื่อทั้งกายและใจของสตรีผู้หนึ่งล้วนปฏิบัติต่อบุรุษคนหนึ่งอย่างจริงใจ หากบุรุษผู้นั้นพอจะมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ก็ควรจะรับผิดชอบสักหน่อย

และจูเหลี่ยนก็กลัวเรื่องนี้ที่สุดพอดี

ดังนั้นจูเหลี่ยนจึงไม่มีความคิดที่ไม่ถูกไม่ควรต่อเจ้าแห่งแคว้นหูผู้นี้แม้แต่น้อย

จูเหลี่ยนหยิบเอาม้วนภาพเล็กที่เป็นภาพลายเส้นขาวดำออกมาสองม้วน คลี่ม้วนหนึ่งลงบนโต๊ะคิดเงินก่อน จากนั้นจึงหันหน้าไปยิ้มเอ่ยกับเทพวารี “เถ้าแก่จะลองมาดูหน่อยไหม?”

หลี่จิ่นได้ยินก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มพลางวางกาน้ำชาและหนังสือไว้บนโต๊ะน้ำชา เดิมทีบนโต๊ะน้ำชาก็วางแจกันดอกไม้ทองสัมฤทธิ์ลายมังกรดั้นเมฆปั้นนูนเอาไว้ใบหนึ่ง งามประณีติอย่างถึงที่สุด หนวดมังกรแต่ละเส้นล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน

ในแจกันดอกไม้ทองสัมฤทธิ์ปักกิ่งท้อเอียงๆ ไว้หลายกิ่ง

หลี่จิ่นเดินมาถึงข้างโต๊ะคิดเงินแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน “ลูกค้าท่านนี้ หากข้าใช้เงินซื้อคงจะหยาบคายเกินไป ไม่สู้พวกเราเอาหนังสือมาแลกเปลี่ยนภาพวาดดีหรือไม่?”

เพ่ยเซียงเองก็เพิ่งเคยเห็นม้วนภาพนี้เป็นครั้งแรก นี่น่าจะเป็นผลงานที่ ‘เถ้าแก่เหยียน’ วาดขึ้นยามว่างตอนอยู่ในร้านขายเครื่องหอมของนครลมเย็นกระมัง

นางชำเลืองตามองจูเหลี่ยน

นางกะพริบตาปริบๆ ในดวงตามีริ้วคลื่นดุจสายน้ำสารทฤดู

สำหรับข้อเสนอของหลี่จิ่น จูเหลี่ยนไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ เพียงคลี่ม้วนภาพที่สองออก

ม้วนภาพแรกวาดเป็นภาพปลาหลีกับปัญญาชน ปัญญาชนรูปโฉมสุภาพสง่างามขี่อยู่บนปลาหลีตัวใหญ่ ปลาหลีโผล่ให้เห็นแค่หัวกับหางเท่านั้น เรือนกายที่ใหญ่โตมโหฬารถูกปกคลุมอยู่ในเมฆหมอกขาวโพลน

จูเหลี่ยนประทับตัวอักษรเล็กๆ ลงไปแปดตัว ‘จิตใจข้าลึกล้ำ ขอบเขตยิ่งใหญ่แจ่มกระจ่าง’

ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นภาพประตูมังกรหลุบตามองกระแสน้ำบ่า คือภาพที่ปัญญาชนใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งค้ำยันเสาใหญ่ของประตูมังกร ประทับตัวอักษรแปดคำกำกับด้านข้างว่า ‘ปลามังกรเปลี่ยนร่าง เชี่ยวชาญยอดเยี่ยม’

รอยยิ้มของหลี่จิ่นยิ่งกดลึก จุ๊ปากเอ่ยว่า “พี่จูเหลี่ยน ฝีมือช่างยอดเยี่ยมนัก”

จูเหลี่ยนพยักหน้ายิ้มกล่าว “น้องหลี่จิ่น สายตาดีเยี่ยม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!