กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 722

อันดับแรกก็เป็นจื้อกุยมังกรแท้จริงที่เผยร่างจริง เป็นฝ่ายออกจากหอเติงหลง ออกมหาสมุทรไปเข่นฆ่า เปิดฉากการช่วงชิงระหว่างมังกรและงูที่มากพอจะเคลื่อนย้ายมหาสมุทรกับเฟยเฟยปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่มหามรรคาขัดแย้งกัน ต่อมากระบี่บินสิบสองเล่มของป๋ายอวี้จิงในมือชุยฉานก็พากันมาเยือนสนามรบ ช่วยจื้อกุยคลายวงล้อม แต่จื้อกุยก็ยังโดนกระบองของหยวนโส่วฟาดใส่ศีรษะของมังกรที่แท้จริง จากนั้นหยวนโส่วยังฟาดกระบองใส่ค่ายกลขุนเขาสายน้ำของนครมังกรเฒ่าให้แหลกสลาย พลังอำนาจพุ่งเข้าหาจวนอ๋องเจ้าเมือง สุดท้ายถูกสวี่รั่วจอมยุทธพเนจรสำนักโม่ชักกระบี่ออกจากฝักมาเกินครึ่ง ขัดขวางพลานุภาพอีกครึ่งหนึ่งจากกระบองของปีศาจใหญ่ยอดเขาหยวนโส่วเอาไว้ได้

สนามรบของนครมังกรเฒ่า กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจยังคงเดินขึ้นฝั่งโจมตีเมืองอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีปตายกันไปอย่างไม่หยุดพัก

หลังจากการเข่นฆ่าระหว่างบุคคลบนยอดเขาผ่านพ้นไป ใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็พลันปูสะพานยาวและศิลาวิถีเทพสายใหม่ขึ้นมาอีก ยังมีผ้าแพรต่วนหลากสีขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกดึงมา ปีศาจใหญ่เคลื่อนย้ายขุนเขาที่ถูกหลอมให้มีขนาดเล็กมาจากใบถงทวีปหลายลูก พอทุ่มเข้าไปในมหาสมุทรแล้วก็ร่ายวิชาอภินิหาร ขุนเขาพลันตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล ยอดเขาแทงทะลุกลางท้องมหาสมุทรบริเวณที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินที่ตั้งนครมังกรเฒ่า ห้อยแขวนอยู่กลางอากาศ สร้างสนามรบบนมหาสมุทรที่ราบเรียบขึ้นมาแห่งแล้วแห่งเล่า ราวกับว่ามีทะเลเมฆที่กว้างขวางแผ่ปูอยู่บนพื้นผิวมหาสมุทร ประหนึ่งเมฆขาวที่มาเติมเต็มอยู่ในหุบเขา

สภาพของเฟยเฟยดีกว่ามังกรแท้จริงวัยเยาว์ที่ได้แต่นอนพักรักษาบาดแผลอยู่บนแท่นเติงหลงตัวนั้นมากนัก นางได้รับคำสั่งหนึ่งมาจากกระโจมเจี่ยจื่อ หลังจากรอคอยอยู่ชั่วครู่ บนแนวเส้นจากตะวันออกไปตะวันตกเหนือมหาสมุทรที่นางยืนอยู่ก็มีแท่งน้ำแข็งขนาดมหึมาจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมากลางอากาศแล้วโน้มเอียงชี้เข้าหานครมังกรเฒ่าที่ขวางทางมาเนิ่นนาน แท่งน้ำแข็งเรียงตัวเป็นกันแนวเส้น ประหนึ่งรถขว้างหินจำนวนมากนับหมื่นคัน

ในแท่งน้ำแข็งเหล่านี้มีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจหลายสิบคนที่กำลังหลับคล้ายจำศีลอยู่ ถูกพันธนาการกักขังอยู่ในแท่งน้ำแข็ง เทพแห่งโรคระบาดมีอยู่เยอะมาก ส่วนกว้อเค่อมีอยู่สองคน

นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจอีกกลุ่มใหญ่ยืนอยู่เหนือแท่งน้ำแข็งที่กักขังเทพแห่งโรคระบาดและกว้อเค่อเอาไว้ ยอมทุ่มเงินของตัวเองอย่างไม่เสียดายเพื่อเอามาแกะสลักยันต์อย่างสุดชีวิต หลีกเลี่ยงไม่ให้เฟยเฟยที่มีนิสัยเจ้าอารมณ์ขี้โมโหแช่แข็งพวกมันให้ตายคาที่แล้วโยนเข้าไปในนครมังกรเฒ่าพร้อมกัน ผู้ครองลำคลองเหยาเย่สองคนก่อนและหลังของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง พูดตามตรง ยังคงเป็นหย่างจื่อที่นิสัยอ่อนโยนกว่าหน่อย พวกปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เหล่านี้ ต่อให้นิสัยดีแค่ไหนก็คงไม่ดีไปยังไง นอกเสียจากหลิวชาที่ชอบเรียกตัวเองว่ามือกระบี่ด้วยความภาคภูมิใจ มักจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วหล้า กับอาจารย์โจวมหาสมุทรความรู้ที่ไม่ค่อยปรากฎตัวที่เป็นข้อยกเว้นที่สุด

เฟยเฟยพลันคลี่ยิ้มหวาน ใช้เสียงในใจเอ่ยเรียกคำหนึ่งว่าคุณชายอย่างอ่อนโยน

คนหนุ่มขี่กระบี่สวมชุดคลุมสีดำ รัดผ้าแพรต่วนสีขาวหิมะบนมวยผมคนหนึ่ง ซึ่งก็คืออวี่ซื่อผู้ฝึกกระบี่แห่งกระโจมเจี่ยเซิน ได้ขี่กระบี่มาถึงด้านหลังสนามรบอย่างรีบร้อน มาหาเฟยเฟย

ถึงอย่างไรอวี่ซื่อก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ต่อให้นางจะเป็นปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ตาม

อวี่ซื่อถาม “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เฟยเฟยส่ายหน้า “เจ้าเด็กน้อยนั่นอ่อนหัดนัก อาศัยว่ามีปราณของมังกรแท้จริงและโชคชะตาน้ำอันไพศาลปกป้องจึงพอมีเรือนกายที่แข็งแกร่งทนทานอยู่บ้าง แต่กลับไม่เป็นโล้ไม่เป็นพายแม้แต่น้อย เวทน้ำแห่งชะตาชีวิตยังคงฝึกได้ไม่ถึงแก่น ต่อให้จะเดินลงน้ำประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังไม่ใช่แม้แต่ขอบเขตบินทะยาน ความสามารถมีไม่มาก แต่กลับเจ้าอารมณ์ไม่น้อย สงครามครั้งนี้ไม่มีทางมอบโอกาสให้เจ้าเด็กน้อยนั่นอีกแล้ว จะรีบฉวยโอกาสกินนางตัดหน้านางหยางจื่อผู้นั้นเสียเลย จากนั้นจะให้ข้าไปเดินเล่นริมมหาสมุทรของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเป็นเพื่อนคุณชายก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

มีเพียงอยู่กับคุณชายอย่างอวี่ซื่อเท่านั้น เฟยเฟยถึงจะยินดีพูดมากหน่อย

ปีศาจใหญ่โครงกระดูกป๋ายอิ๋ง เมื่อศึกใหญ่ของใบถงทวีปปิดฉากลงได้ก็ได้เดินทางมาเยือนเกราะทองทวีปอย่างลับๆ

วิญญูชนจงขุยแห่งใบถงทวีป ก่อนหน้านี้ทำให้ป๋ายอิ๋งไร้ที่ให้แสดงฝีมือได้อย่างสิ้นเชิง และจงขุยผู้นี้กับเจียงซ่างเจินผู้นั้นต่างก็เป็นคนสองคนที่สมควรตายที่สุดแต่ดันไม่ตาย

ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็ได้รับคำสั่งลับจากอาจารย์โจวแล้ว หนึ่งเพราะนางที่มาร่วมศึกในนครมังกรเฒ่าปลีกตัวไปค่อนข้างยาก แล้วนับประสาอะไรกับที่นางเองก็ไม่ใคร่จะยินดีไปร่วมความครึกครื้นใหญ่เทียมฟ้าของที่นั่นด้วย

เพราะถึงอย่างไรครั้งนี้ใช้ตลอดทั้งฝูเหยาทวีปเป็นสนามล่าสัตว์ คนที่เตรียมการจะล้อมฆ่าก็คือป๋ายเหย่ที่ใช้สามกระบี่สังหารปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ แม้จะบอกว่าทุกวันนี้สถานการณ์พลิกกลับด้าน พวกเขาได้ครอบครองฟ้าอำนวยดินอวยพรคนสามัคคีอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรป๋ายเหย่ก็คือป๋ายเหย่

อวี่ซื่อพูดพลางทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง “มู่จีได้รับการประทานชื่อและแซ่จากอาจารย์โจวก่อนแล้ว โจวชิงเกา”

เฟยเฟยยิ้มเอ่ยปลอบใจเขา “เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์โจวก็ยังไม่มีสถานะสูงศักดิ์เท่าคุณชายอยู่ดี”

อวี่ซื่อส่ายหน้า เวลาพูดคุยกับนางมักจะคุยกันยากเช่นนี้เสมอ

เฟยเฟยรู้ดีว่าคุณชายของตนค่อนข้างให้ความสนใจกับทิศทางการดำเนินไปของสนามรบ จึงช่วยร่ายวิชาอภินิหารพิศขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามืออย่างเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดี เป็นเหตุให้อวี่ซื่อสามารถมองเห็นการเข่นฆ่าบนสนามรบของนครมังกรเฒ่าได้อย่างชัดเจน

ทางฝั่งของนครมังกรเฒ่าได้ปล่อยให้ผู้ฝึกตนออกจากเมืองกระโจนเข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรกในรอบสิบวันนี้ พลังอำนาจยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ผู้ฝึกลมปราณมีมากถึงสามร้อยกว่าคน พวกเขาพากันพุ่งทะยานออกมาจากหนึ่งในสามประตูใหญ่ บุกเข้าเข่นฆ่าไปยังพื้นผิวมหาสมุทร

อวี่ซื่ออึ้งตะลึง “ต้าหลีชอบลงมืออย่างหวังผลที่เป็นรูปธรรม นี่ดูไม่เหมือนนิสัยของอ๋องเจ้าเมืองซ่งมู่ผู้นั้นเลย ตามหลักแล้วเขาไม่ควรทำอะไรโดยใช้อารมณ์เช่นนี้”

ขอแค่ผู้ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีปออกมาจากค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออกจากพื้นดินลงมหาสมุทร ก็จะต้องสูญเสียการปกป้องจากค่ายกลใหญ่ทั้งสองแห่งไป

เฟยเฟยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เป็นวิชาแปลกประหลาดของใต้หล้าไพศาลอีกแล้ว ล้วนเป็นคนกระดาษปลอมๆ เท่านั้น สรุปคือไม่มีพลังพิฆาตอะไร แค่มีไว้ข่มขู่คนเท่านั้นเอง”

อวี่ซื่อพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นวิชาอภินิหารเฉพาะของผู้ฝึกตนสำนักประพันธ์แล้ว เพราะถึงอย่างไรแม้แต่ขุนเขาสายน้ำหลากหลายรูปแบบในโลกมนุษย์ก็ยังใช้พู่กันเขียนออกมาได้ แค่วาดผู้ฝึกลมปราณหลายร้อยคนมาสวมรอยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในกระโจมเจี่ยเซินเคยได้ยินหลิวป๋ายพูดถึงก็รู้สึกใคร่รู้อย่างมากแล้ว คิดว่าวันใดวันหนึ่งอยากจะไปเยือนพื้นที่มงคลกระดาษขาวด้วยตัวเองดูสักครั้ง แต่ว่าการกระทำเช่นนี้ของนครมังกรเฒ่าก็ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่อย่างเดียวเท่านั้น ซ่งมู่ผู้นั้นมีฝีมือในการดูแลปกครองบ้านเรือนจริงๆ มิน่าเล่าชุยฉานถึงกล้าเอาเขามาอยู่ที่นครมังกรเฒ่า”

เป็นอย่างที่อวี่ซื่อคิด ผู้ฝึกตนกระดาษขาวที่ออกจากเมืองมาเข่นฆ่านั้นก็คือเวทคาถาที่นครมังกรเฒ่าเอามาหลอกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจ รวมไปถึงหลอกล่อสมบัติอาคมในการโจมตีบางอย่างที่อำพรางตัวอย่างลึกล้ำ ต่อให้จะได้แค่เผาผลาญปราณวิญญาณของผู้ฝึกตนเซียนดินเผ่าปีศาจไปเล็กน้อยก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี อีกเดี๋ยวจะมีผู้ฝึกตนต้าหลีที่รับผิดชอบตรวจตราการศึกและลาดตระเวนดูสถานการณ์การสู้รบมาคอยจดรายละเอียดต่างๆ ลงบันทึก บนสนามรบ นครมังกรเฒ่าจะไม่ปล่อยผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เท่าหัวแมลงวันใดๆ ไปเด็ดขาด

การกระทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ ทุกวันล้วนมีลูกเล่นแปลกใหม่มาผลัดเปลี่ยนเสมอ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเช่นนนี้

โจวมี่ไม่เคยต้องโยกย้ายกำลังพล ชี้ไม้ชี้มือสั่งการกระโจมทัพใหญ่แห่งต่างๆ บนสนามรบด้วยตัวเอง ชุยฉานเองก็เป็นเช่นเดียวกัน เขายกอำนาจทั้งหมดให้ซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองรับผิดชอบดูแลเรื่องน้อยใหญ่ในนครมังกรเฒ่า

ส่วนเรื่องที่จะให้ลงสนามรบด้วยตัวเองนั้นก็อย่าเลยดีกว่า หากไม่ทันระวังขึ้นมา ก็อาจมีโอกาสตายได้จริงๆ

ส่วนการลงมือของโจวมี่กับชุยฉานที่มีน้อยครั้งนั้น เดิมทีก็เป็นการปกป้องมหามรรคาที่ใหญ่อย่างถึงที่สุดต่อพลังการสู้รบชั้นยอดของค่ายทัพแต่ละฝ่าย

อะไรที่บอกว่าพวกเราล้วนรบตาย อาศัยอะไรถึงมีเพียงบุคคลใหญ่เทียมฟ้าอย่างพวกเจ้าสองคนที่ตายไม่ได้ ใครกล้าพูดประโยคนี้ คาดว่าคงต้องตายแน่นอน

สตรีปีศาจใหญ่ที่คนหนึ่งเคยสะบัดคลี่ม้วนภาพขุนเขาสายน้ำอยู่ในสนามรบของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เห็นว่าสนามรบของมังกรเฒ่าเต็มไปด้วยไอหมอกมลพิษจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นก็หัวเราะเสียงเย็น แล้วเรียกเอาภาพกลุ่มขุนเขาภาพหนึ่งออกมา ยอดเขาบนนั้นประหนึ่งกระบี่ที่รวมตัวกัน

ม้วนภาพเปล่งวูบแล้วหายไป อันดับแรกก็ฝ่าค่ายกลใหญ่ปกป้องนครมังกรเฒ่าออกไปก่อน แม้ว่าจะถูกกระบี่บินของเซียนกระบี่หลายท่านแทงทะลุไปเกินครึ่ง อีกทั้งยังถูกผู้ฝึกลมปราณคนที่เหลือใช้เวทคาถาทำลายไปส่วนหนึ่ง แต่ม้วนภาพกลุ่มขุนเขาที่ยังเหลืออีกครึ่งก็ยังคงคลี่กางอยู่เหนืออากาศของนครมังกรเฒ่า เบื้องล่างม้วนภาพ กลุ่มกระบี่พากันหล่นร่วงลงมาอย่างพร้อมเพรียงในชั่วพริบตา ราวกับว่ามีกระบี่บินเล่มใหญ่มหึมาหลายเล่มพากันทุ่มแทงเข้าใส่ค่ายกลแห่งที่สองที่ปกป้องจวนอ๋องเจ้าเมืองของนครมังกรเฒ่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!