กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 722

ภิกษุเฒ่าพลันกระจ่างแจ้ง “คนพายเรือเฒ่าของเกาะกุ้ยฮวาตระกูลฟ่านที่มักจะเดินทางผ่านร่องเจียวหลงบ่อยๆ”

เฉาหรงพยักหน้ารับ

การที่บอกว่าเป็นศิษย์พี่ครึ่งตัว ก็เพราะอาจารย์ไม่เคยยอมรับว่าคนผู้นี้คือศิษย์ผู้สืบทอด

แต่ว่าปีนั้นตอนที่อาจารย์ออกทะเลเดินทางไปทั่วสารทิศในใต้หล้า คนพายเรือผู้เฒ่ารับหน้าที่ถ่อเรือออกเดินทางไกลไปพร้อมกับอาจารย์ ต่อให้ไม่มีคุณความชอบก็มีคุณความเหนื่อยยาก ดังนั้นลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างพวกเขาจึงยอมรับว่าคนพายเรือเฒ่าก็คือศิษย์พี่ใหญ่

นามแฝงของศิษย์พี่ผู้เฒ่าคนพายเรือมีค่อนข้างมาก หนึ่งในนั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ กู้ชิงซง ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเคยมีคำเรียกขานที่ไพเราะบนภูเขาว่า ‘แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย’ (ชื่อกู้ชิงซงเขียนคนละอย่าง แต่ออกเสียงเหมือนคำที่แปลว่าแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย) ขึ้นชื่อเรื่องนิสัยแข็งกร้าว

ไม่ว่าจะเข่นฆ่ากับใคร ไม่ว่าขอบเขตจะแตกต่างกันหรือไม่ อีกฝ่ายจะมีประวัติความเป็นมาใหญ่เทียมฟ้าแค่ไหน กู้ชิงซงก็ไม่เคยหวาดกลัวมาก่อน แล้วก็แทบไม่เคยจะชนะใครมาก่อน แต่ถึงสุดท้ายกลับยังเอาชีวิตรอดมาได้ อาเหลียง เจ้านครจักรพรรดิขาว ฮว่อหลงเจินเหริน ‘กู้ชิงซง’ เคยไปมีเรื่องด้วยมาหมดแล้ว ภายหลังเมื่อออกจากพื้นดินบนบกไป หวนกลับไปเป็นคนพายเรือผู้เฒ่าที่ถ่อเรืออยู่ในมหาสมุทรใหญ่อีกครั้ง ว่ากันว่าเขาไม่อาจไปมีเรื่องกับใครมากกว่านั้นได้อีกแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ให้คนรุ่นเยาว์ในยุคหลังไล่ตามไม่ทัน

มีเฉาหรงคอยลงมือปกป้องค่ายกลให้ นครมังกรเฒ่าและจวนอ๋องเจ้าเมืองต่างก็ไร้ความกังวลแล้ว

ซ่งมู่ที่อยู่ในห้องประชุมงานพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงเอ่ยเตือนเสียงทุ้มหนัก “ผู้ฝึกตนทุกคนที่ตายอยู่นอกนครมังกรเฒ่า ต่อให้จะเป็นพวกเขาที่ออกจากสนามรบซึ่งถูกกำหนดไว้แล้วมาโดยพลการ ต่อให้พวกเขาจะละเมิดกฎโดยไม่ทันระวัง แต่รบตายก็คือรบตาย ไปเตือนผู้ฝึกตนที่ตรวจตราการศึกทุกคน บอกว่าผู้ฝึกลมปราณที่อยู่ในเอกสารบันทึกของสองกรมอย่างกรมอาญาและกรมกลาโหมต้าหลีนี้ คุณความชอบทางการสู้รบห้ามถูกหักลบไปแม้แต่น้อย!”

เลขาธิการฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งเอ่ยว่า “การทำเช่นนี้จะขัดต่อกฎเกณฑ์ที่ราชครูตั้งไว้”

ซ่งมู่หันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง “อยู่ในนครมังกรเฒ่า ข้าเป็นคนตัดสินใจ! เจ้าแค่ทำตามคำสั่งไปก็พอ หากราชครูคิดจะเอาผิดกับจวนอ๋องเจ้าเมือง ก็ให้มาหาข้าซ่งมู่ที่นครมังกรเฒ่า!”

เลขาธิการฝ่ายบุ๋นดวงตาเป็นประจายเจิดจ้า กุมหมัดเอ่ย “รับคำสั่ง!”

ขุนนางบุ๋นอายุน้อยที่จิตใจกำลังฮึกเหิมผู้นี้รีบส่งกระบี่บินไปแจ้งเรื่องนี้ทันที

ลูกหลานตรอกอี้ฉือที่มีชาติกำเนิดมาจากแซ่สกุลเสาค้ำยันแคว้นของต้าหลีผู้นี้ให้การยอมรับสถานะอ๋องเจ้าเมืองของซ่งมู่จากใจจริงเป็นครั้งแรก

วิญญูชนหนุ่มคนหนึ่งจากสำนักศึกษาซานหยาต้าสุยเฝ้าอยู่ด้านหลังหนึ่งในช่องโพรงขนาดยักษ์ของค่ายกลนครมังกรเฒ่า แนวเส้นการสู้รบที่ทั้งหมดแบ่งออกเป็นสามเส้นมากพอจะแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตของประตูใหญ่บานนี้ นอกจากวิญญูชนจะคอยช่วยจัดวางกำลังพลสร้างขบวนรบให้กับผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของต้าหลีแล้ว ทุกครั้งที่ขอแค่สะสมปราณวิญญาณได้มากพอ วิญญูชนก็จะลงมืออย่างเต็มกำลังหนึ่งครั้ง

ครานี้เมื่อคำพูดออกจากปากของวิญญูชนหนุ่มคาถาอาคมก็ติดตามไป เขาเอ่ยเบาๆ หนึ่งประโยคว่า ‘ม้าเขียวจัดขบวนสามล้าน’

คำว่า ‘ม้าเขียว’ แท้จริงแล้วก็คือกิ่งหลิว

รวมตัวกันหนาแน่น มีพลังอำนาจอย่างมาก

สังหารเผ่าปีศาจที่พาตัวมาตายซึ่งไม่ใช่ผู้ฝึกตน ยังพอทำได้ หลักๆ แล้วคือนำมาใช้ขัดขวางการเดินรุดหน้าของกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจ

โจวจวี่นักปราชญ์สำนักศึกษากวานหูที่ทำตัวเอ้อระเหยลอยชาย เมื่อหลายปีก่อนกว่าจะได้กลับมาเป็นวิญญูชนอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ผลคือได้มาสร้างคุณความชอบทางการสู้รบที่ไม่เล็กไว้บนสนามรบนครมังกรเฒ่า มีเพียงยามอยู่ในสำนักศึกษาเท่านั้นที่ทำยศวิญญูชนหล่นหายไป กลับมาเป็นนักปราชญ์อีกครั้ง ขึ้นๆ ลงๆ เมื่อไหร่จะได้หยุดพักสักทีหนอ

ก่อนหน้านี้โจวจวี่ลงมือไปแล้วหลายครั้ง เทียบกับวิญญูชนของสำนักศึกษาซานหยาแล้วฝีมือยังเกินคาดมากยิ่งกว่า เวลานี้กำลังนั่งแทะเงินเทพเซียนอยู่ข้างกายวิญญูชนสำนักศึกษาซานหยา เสียงดังกร้วมๆ ถูกเขากินจนราวกับว่ารสชาติมันล้ำเลิศมากอย่างไรอย่างนั้น

ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพคนหนึ่งที่อายุไม่มากเป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหารจากศาลลมหิมะที่มาทำหน้าที่คอยปกป้องวิญญูชนสำนักศึกษาที่ร่างกายอ่อนแอ พูดง่ายๆ ก็คือ หากฝ่ายหลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตายอย่างแน่นอน เขาก็จะต้องเป็นคนที่ออกไปรับหน้าก่อน ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ บนสนามรบของกองทัพชายแดนต้าหลี นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำของผู้ฝึกตนติดตามกองทัพอยู่แล้ว

แม้ว่าตอนเข่นฆ่าอยู่ในสนามรบเขาจะเป็นคนที่สุขุมหนักแน่นอย่างมาก แต่อันที่จริงนิสัยแต่กำเนิดกลับร่าเริงอย่างยิ่ง เขาหันมายิ้มหน้าเป็นกับโจวจวี่นักปราชญ์ที่มีนิสัยใกล้เคียงกัน “อริยะโจวต้า สามล้านหรือ? สามหมื่นน่ะถึงไหม? เอาอะไรมาตั้งสามล้าน?”

โจวจวี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ความสามารถด้านตัวอักษร อันดับแรกต้องประณีตและงามวิจิตร จะต้องใช้กลิ่นอายดุดันของคมดาบและกองกำลังบนหน้าหนังสือมาสยบกำราบฝ่ายตรงข้ามก่อน คำว่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดกำลังจะสู้โดยที่ยังไม่ทันลงสนามต่อสู้ก็เป็นเช่นนี้แล ในฐานะยอดฝีมือชั้นเลิศที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของศาลลมหิมะ หลักการเล็กน้อยแค่นี้เจ้าก็ยังไม่เข้าใจหรือ ไม่ได้ความเอาเสียเลย ไม่สู้วันหน้าไปอยู่ในสำนักศึกษากวานหูกับข้าหลายๆ วันหน่อยเถอะ”

วิญญูชนสำนักศึกษาซานหยาเอ่ยเพียงแค่ประโยคเดียวก็เรียกกองทัพใหญ่ ‘ม้าเขียว’ กิ่งหลิวให้กระโจนลงสนามรบได้แล้ว จากนั้นเขาก็รีบนั่งขัดสมาธิทันที ใบหน้าซีดขาวน้อยๆ ยิ้มเอ่ยว่า “พวกเราแค่พอประมาณก็พอแล้ว อย่าได้เสพติดเลย”

ความบันเทิงเริงใจที่ใหญ่ที่สุดในยามว่างของโจวจวี่แห่งกวานหูและผู้ฝึกตนสำนักการทหารศาลลมหิมะก็คือหยอกเย้าวิญญูชนเช่นเขา พร่ำเรียกเขาว่าอริยะว่าที่เจ้าขุนเขาคำแล้วคำเล่า

ทว่าวิญญูชนกลับรู้ตัวเองดีว่า ทุกวันนี้เจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาซานหยาต้าสุยเปลี่ยนจากเหมาเสี่ยวตงเป็นราชครูชุยฉานไปแล้ว วันหน้าใครจะมาทำหน้าที่เป็นเจ้าขุนเขาก็ไม่อาจจินตนาการได้ถึงเลยแม้แต่น้อย

ใครจะกล้าไปคาดเดาความคิดจิตใจที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งของซิ่วหู่ชุยฉานผู้นั้นกันเล่า

โจวจวี่พลันลุกขึ้นยืน พูดกับผู้ฝึกตนติดตามกองทัพด้วยสีหน้าจริงจัง “ปกป้องวิญญูชน!”

แล้วร่างของเขาก็เปล่งวูบหายไป เห็นเพียงว่าตรงบริเวณที่อยู่ใกล้กับประตูใหญ่ มีดรุณีน้อยเผ่าปีศาจที่สวมชุดคลุมสีดำตัวใหญ่คนหนึ่งร่ายวิชาอภินิหารที่แปลกประหลาด เรือนร่างพลันกลายเป็นนกน้อยหลายพันหลายหมื่นตัวในชั่วพริบตา ถึงขั้นสังหารกิ่งหลิวสีเขียวพวกนั้นจนหมดสิ้น โจวจวี่ต้องการไปพบหน้านางสักหน่อย! หาโอกาสบิดหัวอีกฝ่ายแล้วค่อยเอ่ยกับนางประโยคหนึ่งว่าที่แท้เจ้าก็คือหญิงงาม

บนสนามรบอีกแห่งหนึ่งสถานการณ์กลับอันตรายยิ่งกว่า ต่อให้จะมีเซียนกระบี่ของอุตรกุรุทวีปคอยช่วยคุมท้ายขบวนให้ แต่อันตรายก็ยังคงรายล้อมอยู่รอบด้าน สัตว์เดรัจฉานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างประหนึ่งฝูงตั๊กแตนที่กรูกันเข้ามารุมประตูใหญ่

ผู้ฝึกตนทุกคนของนครมังกรเฒ่าล้วนจำต้องยอมรับว่าเผ่าปีศาจพวกนี้ไม่กลัวตายเลยจริงๆ

ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจเองก็ใช้วิธีการของนักรบพลีชีพมาทุ่มชีวิตต่อสู้กับนครมังกรเฒ่าเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับ

ตอนแรกเริ่มนี่เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนบนแนวรบเส้นแรกของสนามรบนครมังกรเฒ่าเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง กระทั่งเลขาธิการฝ่ายบุ๋นของจวนอ๋องเจ้าเมืองทุ่มสุดชีวิตเปิดอ่านเอกสารบันทึกลับจำนวนมากอย่างว่องไว สุดท้ายหานักรบเดนตายฝ่ายตรงข้ามจากสมุดเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างใหม่แต่ไม่ได้ระบุถึงที่มาของการบันทึกเจออย่างไม่ง่ายดาย รู้ว่าสถานะของทั้งสองคือ ‘ฝันร้าย’ และ ‘คนขโมยใบหน้า’ จวนอ๋องเจ้าเมืองถึงได้หาวิธีการรับมือได้ กระบี่บินส่งข่าวไปยังผู้ฝึกกระบี่ทุกคน บอกกล่าวถึงเบาะแสของผู้ฝึกตนประหลาดสองชนิดนี้ ถึงได้พลิกเปลี่ยนสถานการณ์การรบกลับมาใหม่อีกครั้ง

กลางอากาศเหนือสนามรบมีบ่อสายฟ้าเล็กๆ บ่อหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากความว่างเปล่า ในรัศมีหลายสิบลี้ สายฟ้าล้วนถูกชักนำ ฟ้าแลบเหมือนเจียวสีขาว ห้าอสนีประหนึ่งงูหลากสีที่เปล่งวูบวาบฟาดโบยลงมายังพื้นแผ่นดินไม่หยุดนิ่ง

ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนหนึ่งชายแขนเสื้อสองข้างมีสีแดงและสีดำ แยกกันบังคับมังกรเพลิงและเจียวน้ำให้พากันบุกมาเข่นฆ่าตรงประตูใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!