สรุปตอน บทที่ 731.3 ทุกเรื่องเตรียมการไว้เรียบร้อย ขาดแค่ลมหิมะ – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
ตอน บทที่ 731.3 ทุกเรื่องเตรียมการไว้เรียบร้อย ขาดแค่ลมหิมะ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
จูเหลี่ยนยิ้ม “การค้านี้ไม่ต้องรบกวนสำนักกระบี่ไท่ฮุยและทะเลสาบกระบี่ฝูผิงแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ติดค้างน้ำใจผู้อื่น ไม่คุ้มค่า เดี๋ยวพวกเราค่อยให้พี่หมี่ไปเยือนจวนไช่เฉวี่ยสักรอบ ให้ไปเป็นผู้ถวายงานที่แขวนชื่ออยู่ที่นั่น พอถึงเวลาหากสำนักฉงหลินกล้าขายชุดคลุมอาคม เซียนกระบี่หมี่ก็จะไปถามกระบี่ที่ภูเขาตี่ลี่ หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ พี่หมี่ก็ขี่กระบี่ไปหาคนดื่มเหล้าด้วย จะไปหาเจ้าสำนักหลิวหรือเจ้าสำนักลี่ก็ล้วนไม่มีปัญหา ถือเสียว่าไปหลบภัยในตัว”
หมี่อวี้ยิ้มตาหยี “ดีมากๆ”
จูเหลี่ยนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องใช้น้ำใจจากอวี๋หมี่ที่แขวนชื่ออยู่ในจวนไช่เฉวี่ย ยังต้องระวังไม่ให้เดือดร้อนไปถึงจวนไช่เฉวี่ยด้วย”
หมี่อวี้ยิ้มเอ่ย “ ‘อวี๋หมี่’ สะสมน้ำใจเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร เป็นเรื่องที่ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง ส่วนพี่สาวน้องสาวเทพธิดาทั้งหลายในจวนไช่เฉวี่ย ข้าหรือจะหักใจปล่อยให้พวกนางถูกทำร้ายได้ลงคอ ก่อนและหลังออกกระบี่จะต้องคิดพิจารณาให้ดีอย่างแน่นอน”
จูเหลี่ยนชำเลืองตามองชุดคลุมอาคมนครจินชุ่ยและกระบี่ยาว ‘ซี่เหมย’ (คิ้วเรียวบาง) ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วถามเสียงเบา “สหายฉางมิ่ง อาจารย์เหวย นอกจากกำไรสามส่วนที่สมเหตุสมผลแล้ว ให้เป็นฝ่ายลดกำไรจากจวนไช่เฉวี่ยเหลือสองส่วน ข้ายังคิดจะใช้นามของภูเขาลั่วพั่วเอากระบี่เล่มนี้มอบให้กับสวีซิ่งจิ่วผู้ฝึกลมปราณของนครเหนือเมฆ ให้เป็นวัตถุปกป้องมรรคาของเขา พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
อันที่จริงนครเหนือเมฆตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าตะวันออกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีป แม้จะถือว่าได้ส่วนที่ชดเชยมาตามหลังแล้ว แต่ก็ยังค่อนไปทางมีใจแต่ไร้กำลัง เพราะนครเหนือเมฆไม่ว่าจะเป็นรากฐานของสำนักหรือขอบเขตของผู้ฝึกตนล้วนด้อยกว่าตระกูลเซียนขนาดใหญ่อย่างสำนักพีหมาแห่งชายหาดโครงกระดูกและสวนน้ำค้างวสันต์ ถึงขั้นที่ว่าเมื่อเทียบกับจวนไช่เฉวี่ยที่มีความสัมพันธ์ด้านเงินทองกับภูเขาลั่วพั่วแล้วก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกล้ำเท่า ทว่านครเหนือเมฆแห่งนั้น นับตั้งแต่เจ้านครอย่างเสิ่นเจิ้นเจ๋อไปจนถึงลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคน คู่รักอย่างสวีซิ่งจิ่วและจ้าวชิงหว่าน ล้วนเป็นกัลยาณมิตรสำหรับภูเขาลั่วพั่ว หากมีกำลังสิบส่วนก็จะออกกำลังทรัพย์ กำลังคนและทรัพยากรเต็มสิบส่วน แต่กลับไม่เคยตบหน้าตัวเองให้เป็นคนอ้วน แม้แต่เว่ยป้อยังบอกว่าพันธมิตรบนภูเขาเช่นนี้ มีทองพันชั่งมาซื้อก็ไม่ยอมขาย
บวกกับอวี๋เวิงเซียนเซิงที่พอเดินทางไกลไปเยือนอุตรกุรุทวีป อันดับแรกก็ทิ้งลูกศิษย์ผู้สืบทอดไว้ที่จวนไช่เฉวี่ย จากนั้นจึงพาจ้าวซู่เซี่ยลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อไปเยือนนครเหนือเมฆด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรจวนไช่เฉวี่ยก็มีกลิ่นอายของสตรีเข้มข้นเกินไป ทั้งบนและล่างภูเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนหญิง อาจารย์ผู้เฒ่าจึงต้องหลบเลี่ยงบ้าง
ขนบธรรมเนียม ‘ถามสุราต่อยอดเขาเพียนหราน’ นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่ว จากนั้นก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ คนแรกคือคนนอกของสำนักกระบี่ไท่ฮุย ซึ่งก็คือสวีซิ่งจิ่วแห่งนครเหนือเมฆ ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่เลื่อนขั้นใหม่ของตำหนักจินอู หลิ่วจื้อชิงที่ตามหลังมาติดๆ หลังจากนั้นมาก็ยังมีผู้ฝึกยุทธหลี่เอ้อที่ระหว่างเดินทางลงใต้ไปยังชายหาดโครงกระดูกได้ตั้งใจพาผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางคนหนึ่งและเซียนกระบี่คนหนึ่งไปเยือนสำนักกระบี่ไท่ฮุย ผู้ฝึกยุทธก็คือหวังฟู่ซู่ผู้ฝึกยุทธเฒ่าที่ในอดีตเคยฝึกวรยุทธจนธาตุไฟแตกซ่าน เพราะว่าตอนที่ผู้เฒ่าอยู่ในอาณาเขตของยอดเขาสิงโตได้เอ่ยความในใจของตัวเองออกไปสองสามคำจึงถูกผู้เยาว์อย่างหลี่เอ้อซ้อมไปรอบหนึ่ง ยังดีที่สามารถได้ดื่มเหล้าที่ ‘ถามหมัดถามกระบี่แก่สำนักกระบี่ไท่ฮุยยังไม่สู้ถามสุราต่อยอดเขาเพียนหราน’ พร้อมกับเซียนกระบี่ที่เดินทางไปร่วมกันบนยอดเขาเพียนหรานสำนักกระบี่ไท่ฮุย
ถูกคนปากมากสองคนอย่างหวังฟู่ซู่และเซียนกระบี่ช่วยผลักดันคลื่นลม ไปๆ มาๆ การถามสุราแก่ยอดเขาเพียนหรานก็กลายมาเป็น ‘ลมชั่วปราณร้าย’ ขุมหนึ่งของอุตรกุรุทวีปในทุกวันนี้ เป็นเหตุให้เรื่องแรกที่ลี่ไฉ่ทำหลังจากกลับมาถึงอุตรกุรุทวีปไม่ใช่หวนกลับไปยังทะเลสาบกระบี่ฝูผิง แต่เป็นพกเหล้าตรงไปยังสำนักกระบี่ไท่ฮุย โชคดีที่ตอนนั้นหลิวจิ่งหลงลงจากเขาเดินทางไกลถึงได้หลบพ้นหายนะมาได้
ฉางมิ่งถาม “คิดจะทำกิจการในระยะยาวหรือเป็นการคบค้าสมาคมที่มอบน้ำใจให้แก่กัน?”
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “เป็นน้ำใจอย่างเดียวเลย ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องการค้าใดๆ”
ฉางมิ่งกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไร้ความเห็น”
เหวยเหวินหลงพยักหน้ารับ “เห็นด้วยกับผู้คุมกฎ”
“อีกเดี๋ยวข้าจะเล่าเรื่องเก่าๆ ของนครเหนือเมฆให้ทั้งสองท่านฟังอย่างละเอียด”
จากนั้นจูเหลี่ยนก็หันไปมองเซียนกระบี่ใหญ่หมี่
หมี่อวี้อารมณ์ดียิ่งนัก วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดีเสียจริง ในที่สุดก็ได้ช่วยทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ เพื่อภูเขาลั่วพั่วบ้างแล้ว กลับไปต้องจดบันทึกไว้สักหน่อย เวลานี้จึงพูดกลั้วหัวเราะร่า “เช่นเดียวกัน เช่นเดียวกัน”
เอ่ยจบหมี่อวี้ก็พลันรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่คฤหาสน์หลบร้อนในอดีตอีกครั้ง
สหายฉางมิ่งขอตัวจากไปก่อน ตรงเอวห้อยยันต์กระบี่ที่สำนักกระบี่หลงเฉวียนเป็นผู้สร้างไว้หลายชิ้น แทบจะไม่ต่างจากพวงกุญแจของผู้ดูแลน้อยเฉินหน่วนซู่แล้ว ถึงอย่างไรบนภูเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ฉางมิ่งจึงซื้อมาไว้เล่นๆ วันหน้ารอให้ทำเนียบศาลบรรพจารย์มีลูกศิษย์เพิ่มมากขึ้นนางก็สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนตามลำดับได้
ฉางมิ่งสนิทสนมกับหร่วนซิ่วมาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นทางฝั่งของสำนักกระบี่หลงเฉวียน หร่วนซิ่วก็น่าจะไปบอกกล่าวไว้ก่อนแล้ว สำหรับเรื่องนี้จึงหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง นอกจากนี้ทุกครั้งที่ฉางมิ่งจ่ายเงินซื้อยันต์กระบี่ล้วนจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ตัวเองตั้งขึ้น นั่นคือทุกครั้งที่ซื้อยันต์กระบี่จะต้องให้ราคาเพิ่มสูงจากคราวก่อนเป็นเท่าตัว ฉางมิ่งตัดใจจ่ายด้วยเงินเทพเซียนไม่ลง จึงเอาเงินเหรียญทองแดงแก่นทองที่ตัวเองสร้างขึ้นมาแลกเปลี่ยน
หร่วนฉงนั้นขึ้นชื่อเรื่องที่ไม่ว่าใครบนภูเขาลั่วพั่วก็ไม่มีรอยยิ้มให้ เมื่อก่อนมีแค่เผยเฉียนคนเดียวที่เป็นข้อยกเว้น ทุกวันนี้สหายฉางมิ่งก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้นครึ่งหนึ่งแล้ว ยังคงไม่มีรอยยิ้มให้เหมือนเดิม แต่หากทั้งสองฝ่ายบังเอิญเจอกันบนภูเขาก็จะผงกศีรษะทักทายสหายฉางมิ่งผู้นี้
สุดท้ายจูเหลี่ยนเอ่ยกับเว่ยป้อว่า “พี่เว่ยนานๆ จะได้มาเยือนทั้งที เอาตามกฎเดิม เมล็ดแตงแกล้มเหล้า?”
เว่ยป้อยิ้มถาม “นานๆ มาทั้งที?”
จูเหลี่ยนยิ้มตอบ “นี่ก็ไม่ใช่เพื่อช่วยขับดันสถานะซานจวินของพี่เว่ยให้สูงขึ้นหรอกหรือ”
เว่ยป้อกับสหายฉางมิ่งทยอยกันร่ายวิชาอภินิหารออกไปจากภูเขาลั่วพั่ว
จูเหลี่ยนมอบชุดคลุมอาคมและกระบี่ยาวให้กับหมี่อวี้ “ต้องรบกวนให้พี่หมี่ไปเยือนอุตรกุรุทวีปสักรอบแล้ว”
หมี่อวี้เอ่ยเตือน “น้องจู หากใต้เท้าอิ่นกวานกลับมาที่ภูเขา จำไว้ว่าต้องส่งกระบี่บินไปแจ้งข่าวที่จวนไช่เฉวี่ยทันทีเลยนะ”
จูเหลี่ยนยิ้มพลางตอบตกลง
จูเหลี่ยนออกไปจากเรือนนักบัญชีของเหวยเหวินหลงแล้วก็ไปเดินเล่นอยู่บนภูเขาลั่วพั่วเพียงลำพัง ไปที่ยอดเขา ตรงศาลเทพภูเขาเก่าแห่งนั้นชั่วคราวนี้ยังไม่ได้คิดว่าควรจะจัดการอย่างไรให้เหมาะสม สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดของภูเขาลั่วพั่ว ข้อห้ามบนภูเขาค่อนข้างจะมีเยอะ
เริ่มคิดถึงพี่น้องต้าเฟิงขึ้นมาบ้างแล้ว มีความสุขคนเดียวไม่สู้มีความสุขพร้อมกันหลายๆ คน หน้าหนังสือที่สำคัญหลายแผ่นในตำราเทพเซียนเหล่านั้น หากมีภาพสีวาดประกอบจะต้องพับมุมหนังสือไว้เบาๆ นี่ก็คือความเข้าอกเข้าใจที่จูเหลี่ยนมีต่อผู้อื่นแล้ว
ในอดีตทุกครั้งที่พี่น้องต้าเฟิงขึ้นเขามายืมหนังสือ เพียงแค่สะบัดเบาๆ หนังสือดีหรือไม่ดี แค่ดูที่จำนวนมุมกระดาษที่ถูกพับว่ามีมากหรือน้อยก็รู้ได้ในปราดเดียวแล้ว ฝีเท้ายามขึ้นเขาของพี่น้องต้าเฟิงมักจะรีบร้อน ตอนลงจากภูเขากลับรีบร้อนยิ่งกว่า
เผยเฉียนหัวเราะร่วน
เผยเฉียนพลันถามว่า “แคว้นหูแห่งนั้น จะให้ข้าแอบไปเดินเล่นรอบหนึ่งก่อนที่จะลงจากภูเขาหรือไม่?”
จูเหลี่ยนส่ายหน้า “ต้องมีหมากที่สกุลสวี่นครลมเย็นจัดวางไว้ซ่อนตัวอยู่ด้านในแน่นอน บางส่วนก็ถูกเพ่ยเซียงจับขังไว้แล้ว บ้างก็ส่งคนสนิทให้ไปคอยจับตามองอย่างลับๆ ส่วนพวกที่ยังเหลืออยู่ ขนาดเจ้าแห่งแคว้นหูยังสัมผัสไม่ถึง ดังนั้นการเอาแคว้นหูไปไว้ที่พื้นที่มงคลรากบัวย่อมดีที่สุด คงไม่อาจสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก หลักการเหตุผลตื้นเขิน ให้ตายอย่างไรสกุลสวี่ก็ไม่มีทางคิดได้ว่าแคว้นหูจะถูกย้ายไปอยู่ที่อื่น ดังนั้นหมากของแคว้นหูที่สำคัญที่สุด อย่างมากก็แค่มีข้อได้เปรียบเรื่องพละกำลังเท่านั้น หลักๆ แล้วเอามาใช้งัดข้อกับเจ้าแห่งแคว้นหูที่มีตบะเป็นก่อกำเนิด เอ่ยประโยคที่ไม่น่าฟัง ให้เฉินหลิงจวินกับหงเซี่ยไปอยู่ที่แคว้นหูก็สามารถกำจัดเรื่องไม่คาดฝันทิ้งไปได้แล้ว ส่วนกลอุบายทั้งหลาย ขอแค่หมากพวกนั้นกล้าเคลื่อนไหว ข้าก็สามารถสืบสาวเบาะแสจนควานไปเจอตัวพวกเขาทีละคน ไม่ต้องกลัวเลยสักนิดว่าพวกเขาจะงัดข้อเรื่องแรงกายเรื่องความคิดอะไรกับพวกเราได้ รอกระทั่งกองกำลังของแคว้นหูตั้งตัวได้แล้ว คนและเรื่องราวมากมายที่เดิมทีถือว่าเป็นตัวแปรก็ย่อมจะหลอมรวมเข้ามาในสถานการณ์อย่างเป็นธรรมชาติไปเอง”
เผยเฉียนลังเลตัดสินใจไม่ได้
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “รู้สึกว่าข้าอิดออดเกินไป ไม่เด็ดขาด ไม่ลงมือรวดเร็วฉับไวกับเพ่ยเซียงฮูหยินที่เป็นเจ้าแห่งแคว้นหูมากพอหรือ? หรือรู้สึกว่าใจเห็นแก่ตัวที่ข้ามีต่อเพ่ยเซียงเข้มข้นเกินไป เพราะกังวลว่านางอยู่บนภูเขาลั่วพั่วจะไม่มีอะไรดี กลับกันยังสะสมภัยแฝงไว้เพราะสาเหตุนี้ด้วย ในอนาคตเรื่องไม่คาดฝันเล็กๆ มากมายผสมทับซ้อนกันอาจกลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันใหญ่? ไม่ได้เป็นเช่นนี้หรอก หากต้องการจะให้คนยอมศิโรราบทั้งกายและใจอย่างแท้จริง อาศัยแค่เรี่ยวแรงและพลังอำนาจยังคงไม่พอ หากภูเขาลั่วพั่วยังเป็นเหมือนช่วงที่เจ้าและข้าเพิ่งมาถึง แน่นอนว่าข้าต้องใช้พลานุภาพดุจสายฟ้าสยบกำราบความคิดขึ้นๆ ลงๆ ทั้งหลายเอาไว้ ทว่าทุกวันนี้ภูเขาลั่วพั่วมีความมั่นใจและมีรากฐานมากพอแล้ว สามารถค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้”
“ใจที่คิดร้ายต่อคนอื่นไม่ควรมี แต่ใจที่ป้องกันคนอื่นไม่ควรขาด ไม่เพียงแต่พวกเราต้องปฏิบัติต่อโลกด้วยความคิดเช่นนี้ เมื่อโลกปฏิบัติต่อพวกเราเช่นนี้ พวกเราก็ต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้”
“หลักการนี้ แน่นอนว่าข้าเข้าใจ เพียงแต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะสนใจมากนัก จูเหลี่ยนที่อยู่ในและนอกพื้นที่มงคลดอกบัวล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงแต่คุณชายกลับถือสาอย่างมาก ตลอดทั้งภูเขาลั่วพั่วก็ย่อมต้องถือสาตามไปด้วย”
“ในกฎเกณฑ์ ต้องมีความยืดหยุ่นที่มากพอให้กับใจคน ยอมให้อีกฝ่ายสามารถทำถูกและทำผิดระหว่างเส้นสองเส้นที่แบ่งความผิดใหญ่และความถูกใหญ่ได้”
“คำพูดเหล่านี้เดิมทีควรจะรอให้เพ่ยเซียงเป็นฝ่ายพูดถึงเรื่อง ‘โชคชะตาบุ๋น’ ของแคว้นหูกับภูเขาลั่วพั่วด้วยตัวเองเสียก่อน ข้าถึงจะพูดกับนางอย่างจริงใจ เวลานี้ก็ถือเสียว่าเอาหลักการเหตุผลใหญ่มาบ่นให้เจ้าฟังไปก่อนแล้วกัน เจ้าฟังแล้วก็ปล่อยผ่านเลยไป”
เผยเฉียนพยักหน้า “เรื่องที่ให้เฉาฉิงหล่างสูญเงินในพื้นที่มงคล ข้าก็จะไม่จดบัญชีเจ้าแล้ว”
จูเหลี่ยนหัวเราะอย่างฉุนๆ “หรือว่าหากข้าไม่พูดเรื่องนี้ก็ยังจะถูกเจ้าคิดบัญชีอยู่เหมือนเดิม?”
เผยเฉียนพูดอย่างเต็มไปด้วยเหตุด้วยผล “สมุดบัญชีหลายหีบนั้นของข้า ต่อให้เป็นอาจารย์พ่อของข้าก็ยังไม่ไปเปิดอ่านดู พ่อครัวเฒ่าเจ้าก็ยิ่งควบคุมไม่ได้แล้ว”
จูเหลี่ยนถามอย่างใคร่รู้ “เลื่อนเป็นขอบเขตยอดเขาที่ไหน? ธวัลทวีป?”
ตอนที่อยู่ศาลเหลยกง เผยเฉียนเคยส่งกระบี่บินแจ้งข่าวมายังภูเขาลั่วพั่ว นั่นเป็นจดหมายทางบ้านฉบับสุดท้ายที่เผยเฉียนส่งมา ตอนนั้นเผยเฉียนยังเป็นแค่ขอบเขตเดินทางไกลเท่านั้น
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!