เผยเฉียนส่ายหน้า “นอกจากเซียนกระบี่เซี่ยที่ได้เจอกันโดยบังเอิญบนที่ราบน้ำแข็งทางทิศเหนือของธวัลทวีปช่วงแรกๆ แล้ว ยังมีศาลเหลยกงจังหวัดหม่าหูที่ช่วยส่งจดหมายให้ข้า ผู้อาวุโสอาเซียงกับพี่หญิงสุ้ยอวี๋เป็นคนดีจริงๆ บวกกับที่ตอนนั้นพื้นฐานขอบเขตเดินทางไกลของข้ายังไม่แน่นหนามากพอ ก็เลยไม่คิดอยากจะฝ่าทะลุขอบเขต ข้าฝ่าทะลุขอบเขตอยู่ที่เกราะทองทวีป เพราะพี่หญิงไจ้ซีบอกว่าจะเฝ้าพิทักษ์ไม่อยู่แล้ว แทนที่จะเหลือทิ้งไว้ให้พวกสัตว์เดรัจฉานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างพวกนั้น ก็ไม่สู้ให้ข้าแย่งชิงมาเองก่อน ให้มาอยู่ในกระเป๋าเพื่อความสบายใจ แล้วก็เพราะข้าไม่มีปัญญาที่จะฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันได้ ไม่อย่างนั้นหากอิงตามคำกล่าวของพี่หญิงไจ้ซี หากใช้สถานะของขอบเขตยอดเขาที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าเลื่อนเป็นขอบเขตปลายทาง โชคชะตาบู๊จะยิ่งใหญ่จนเกินจะคาดการณ์ได้ถึง จากขอบเขตแปดเลื่อนเป็นขอบเขตเก้าไม่มีทางเทียบติดได้เลย อีกทั้งตอนนั้นเกราะทองทวีปเป็นของไพศาลครึ่งหนึ่งของเปลี่ยวร้างครึ่งหนึ่ง ขอแค่ได้สองคำว่าแข็งแกร่งที่สุดมา ข้าก็สามารถเอาอย่างอาจารย์พ่อที่ช่วงชิงโชคชะตาบู๊ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างมาไว้ที่ตัวเอง ใต้หล้านี้ไม่มีการค้าอะไรที่ไม่ต้องลงทุนแต่ได้กำไรมหาศาลเท่านี้อีกแล้ว ดังนั้นตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นการฝึกหมัดของตัวเองคนเดียว หรือการไปออกหมัดสังหารศัตรูบนสนามรบ ข้าล้วนตั้งใจอย่างมาก ก็เหมือน…”
เผยเฉียนหันหน้าไปมองชั้นสองของเรือนไม้ไผ่แวบหนึ่ง
วันเวลาที่ยากลำบากที่สุดของการฝึกหมัดล้วนอยู่ที่นั่น
ลำบากจนเหมือนว่าความยากลำบากทั้งหมดของชีวิตนี้ล้วนผ่านมาหมดสิ้นแล้ว
หลังจากที่ท่านปู่ชุยจากไป เผยเฉียนออกเดินทางไกลข้ามทวีปไปเพียงลำพัง ต่อให้อยู่บนสนามรบของเกราะทองทวีป ไม่ว่าการเข่นฆ่าจะดุเดือดรุนแรงแค่ไหน อันที่จริงเผยเฉียนก็ยังไม่รู้สึกทุกข์ทรมานสักเท่าใด
เผยเฉียนถอนสายตากลับมาแล้วก็ถามว่า “พ่อครัวเฒ่า ท่านปู่ชุยก็ถือว่าออกเดินทางไกลไปแล้ว ใช่ไหม?”
จูเหลี่ยนถอนหายใจ “คงเป็นเช่นนั้นกระมัง”
พลันมีศีรษะหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากหน้าผา เค้นน้ำตาหยดหนึ่งออกมาจากหัวตา จากนั้นก็แหงนหน้าเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยเจ็บปวด “เจ้าคนงดงามเหมือนเทพธิดาไม่ถ่านดำ เจ้ารีบคืนศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่ทั้งน่ารักน่าเคารพมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หมี่ลี่น้อยตกใจสะดุ้งเพราะถูกเสียงดังปลุกให้ตื่นขึ้นมา นางเอ่ยด้วยสีหน้ามึนงง “เผยเฉียน เผยเฉียน ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงของห่านขาวใหญ่ล่ะ?”
เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ไม่มีสักหน่อย”
เมื่อครู่นี้ห่านขาวใหญ่ผู้นั้นถูกเผยเฉียนถีบร่วงหน้าผาไปแล้ว
ชุยตงซานนอนคว่ำอยู่บนเตียงเมฆขาวที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นสูงกลางอากาศ ว่ายน้ำพายเรือมาถึง ยิ้มหน้าเป็นเอ่ยว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ หมี่ลี่น้อย พ่อครัวเฒ่า คิดถึงข้าหรือไม่”
หมี่ลี่น้อยนั่งตัวตรง สองมือปรบกัน พึมพำว่า “ฝันดี ฝันดี ข้าจะงีบอีกหน่อยแล้วกัน”
ชุยตงซานมานั่งยองข้างกายเผยเฉียน เอนตัวไปข้างหลังจนไหล่สองข้างสูงต่ำไม่เท่ากันเพื่อเขม้นมองเผยเฉียนให้ชัด “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงตัวสูงกว่าศิษย์พี่เล็กอีกล่ะ”
หมี่ลี่น้อยเบิกตากว้างทันที ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งมาข้างกายชุยตงซาน มายืนอยู่ด้านข้างเขาแล้วยกมือขึ้นมาวัดส่วนสูงของทั้งสองฝ่าย หัวเราะฮ่าๆ อย่างชอบใจ “สูงพรวดๆ เลยนะ ว้าว ห่านขาวใหญ่เป็นเจ้าจริงๆ หรือ น่าสงสารจัง จากคนที่สูงอันดับหนึ่งกลายมาเป็นสูงอันดับสอง แต่อันดับของข้าไม่ได้ลดลง อย่าเสียใจไปเลย อย่าเสียใจเลย ข้าเอาความสุขของข้าให้เจ้ายืมก็แล้วกัน”
ชุยตงซานยิ้มตาหยีพยักหน้ารับ “ยังคงเป็นหมี่ลี่น้อยที่ดีที่สุด”
หมี่ลี่น้อยทำท่าเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ รีบขยิบตาให้อีกฝ่าย อะไรกัน อะไรกัน สมุดบัญชีเล่มเล็กที่อยู่กับเผยเฉียนนั่น มีส่วนที่เป็นของนางน้อยที่สุดแล้ว แน่นอนว่าพี่หญิงหน่วนซู่ไม่มีแม้แต่เล่มเดียว
ชุยตงซานทำท่าฮึดฮัด สะบัดไหล่เตรียมจะลุกขึ้นอย่างห้าวเหิม แต่กลับถูกหมี่ลี่น้อยรีบยื่นสองมือมากดเอาไว้ ชุยตงซานดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก็ได้แต่ยอมหยุดอย่างห่อเหี่ยว
จูเหลี่ยนมองชุยตงซานแวบหนึ่ง แล้วก็หันมามองเผยเฉียน
ส่วนเผยเฉียนนั้นมองจูเหลี่ยน แล้วค่อยหันไปมองห่านขาวใหญ่
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “เฉาฉิงหล่างก็เฉาฉิงหล่างแล้วกัน ข้าไม่มีความเห็นหรอก”
จูเหลี่ยนเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพื้นที่มงคลก็เริ่มงานกันวันนี้เลยไหม? คนที่เดิมทีควรมาร่วมงานพิธี ต่างคนต่างก็มีธุระยุ่ง แม้ว่าคนจะยังมาไม่ถึง แต่ของขวัญที่นำมามอบให้ก็ไม่ได้น้อยลงเลย”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “วันนี้เหมาะแก่การขุดดินตั้งเสา เหมาะแก่การบวงสรวงลงนามสัญญา เหมาะแก่การเก็บเกี่ยวแต่งงาน ทุกเรื่องล้วนเหมาะจะทำในวันนี้ทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงตั้งใจเดินทางมาถึงวันนี้เล่า?”
จูเหลี่ยนถาม “สระน้ำด้านหลังเรือนไม้ไผ่?”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เอาไปไว้ในพื้นที่มงคลรากบัวถึงจะดี จะได้ประหยัดตราผนึกของข้าไปชั้นหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจได้รับของขวัญตอบแทนที่น่ายินดีอย่างไม่คาดฝันก็เป็นได้”
วันนี้สำหรับภูเขาลั่วพั่วแล้วถูกกำหนดมาให้เป็นวันฤกษ์งามยามดียิ่งใหญ่ที่จะถูกบันทึกลงในสมุดประวัติศาสตร์ทำเนียบของศาลบรรพจารย์
ต่อให้เจ้าขุนเขาหนุ่มจะไม่อยู่บนภูเขาก็มิอาจถ่วงเวลาล่าช้าไปได้อีกแล้ว
ในฐานะซานจวินของขุนเขาเหนือ เว่ยป้อยังคงทำหน้าที่เปิดร่มใบถงซึ่งเป็นทางเข้าของพื้นที่มงคล คนทั้งกลุ่มจึงทยอยกันเดินเข้าไปในพื้นที่มงคลรากบัว
จูเหลี่ยนผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขา เผยเฉียนขอบเขตยอดเขา ชุยตงซานขอบเขตเซียนเหริน เฉาฉิงหล่างผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทร
ผู้ฝึกกระบี่หมี่อวี้ที่คอขวดขอบเขตหยกดิบใหญ่ราวผืนฟ้า อุตส่าห์มาถึงคอขวดแล้วแต่กลับเหมือนผู้ฝึกกระบี่ทั่วไปที่เพิ่งเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบ
ผู้คุมกฎฉางมิ่งแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ราวกับว่าเกิดมาก็ได้ครอบครองวิชาอภินิหารขอบเขตหยกดิบแล้ว หลังจากที่ฝนสีทองห่าใหญ่ตกจากม่านฟ้าลงมาบนโลกมนุษย์สามครั้ง ขอบเขตของนางทุกวันนี้ก็กลายเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง
เหวยเหวินหลงผู้ฝึกตนโอสถทองที่มีชาติกำเนิดจากเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว เฉินหลิงจวินที่เดินลงลำน้ำสำเร็จ หงเซี่ยที่เคยเดินผ่านหนึ่งลำคลองสี่แม่น้ำ
ผู้ดูแลน้อยเฉินหน่วนซู่ และผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว โจวหมี่ลี่
ยังมีเพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูที่เดิมทีก็อยู่ในพื้นที่มงคลอยู่แล้ว นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเสี้ยวหนึ่งที่ม่านฟ้าจงใจเปิดเผยแก่นาง จึงรีบทะยานลมจากแคว้นหูแห่งใหม่ที่เอาไปตั้งวางไว้บนเส้นชายแดนของแคว้นซงไล่ขึ้นมาบนอากาศ ยอบตัวคารวะทุกคนของภูเขาลั่วพั่ว สุดท้ายเลือกไปยืนอยู่ข้างกายหงเซี่ยที่ยืนอยู่ริมสุด
อันที่จริงการเลื่อนระดับขั้นของพื้นที่มงคลในครั้งนี้ พวกอาจารย์ผู้เฒ่าจ้งชิว ผู้ฝึกกระบี่ชุยเหวย ฯลฯ ต่างก็ไม่ได้มาเข้าร่วมพิธีเช่นเดียวกับเจ้าขุนเขาหนุ่ม
ส่วนบางคนนั้นยังไม่เหมาะที่จะมีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งเกินไปนัก อย่างเช่นจางเจียเจิน เจี่ยงชวี่ สือโหรวตัวแทนเถ้าแก่แห่งร้านยาสุ้ยตรอกฉีหลง
จูเหลี่ยนยิ้มพลางมอบถุงเงินใบหนึ่งให้เฉาฉิงหล่าง
เฉาฉิงหล่างประหลาดใจอย่างมาก จากนั้นจึงส่ายหน้า “ให้ศิษย์พี่เล็กหรือไม่ก็เผยเฉียนเป็นคนทำเถอะ”
เผยเฉียนเงียบไม่เอ่ยคำใด
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ให้คนที่ขอบเขตต่ำทำ ค่อนข้างจะเป็นมงคลน่ายินดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!