กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 743

ดังนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า บัณฑิตอย่างป๋ายเหย่นี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนมีอิสระเสรี ล้วนสง่างามมีเสน่ห์ ป๋ายเหย่เคยพบเจอคนโบราณเคยพบเจออริยะปราชญ์ หรือควรจะบอกว่าอริยะปราชญ์ยุคโบราณ คนรุ่นหลังได้พบเจอเขาป๋ายเหย่ ป๋ายเหย่ก็ยังคงเป็นป๋ายเซียนที่นับแต่โบราณพันปีมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

นักพรตซุนกวาดตามองรอบด้าน เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “วันนี้อารามเสวียนตูใหญ่มีชุมนุมในป่าท้อครั้งนี้ ป๋ายเซียน ซูจื่อ ต้นกำเนิดวลีหลิ่ว หมู่บุปผาเฉา โชคดีนักที่คนทั้งสี่ได้มารวมตัวกัน ไม่เป็นรองกระบี่เซียนทั้งสี่เล่มที่รวมตัวกันได้แม้แต่น้อย แล้วยังเหนือกว่าอีกด้วย นี่เป็นความโชคดีของทางอาราม และยิ่งเป็นเรื่องโชคดีในใต้หล้า หากนักพรตผู้เฒ่าไม่ใช้วิชาการคัดลอกลายเก็บภาพนี้ไว้ให้แก่โลกยุคหลังนานพันปี ก็เท่ากับว่าเป็นคนผิดที่มีโทษมหันต์จริงๆ …”

ป๋ายเหย่หันหน้ามามอง นักพรตเฒ่ารีบหัวเราะร่าทันใด “น้องป๋ายวางใจได้ร้อยพันดวงเลย ยังคงเป็นรูปลักษณ์ของป๋ายเหย่ขอบเขตสิบสี่แห่งไพศาลเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องให้น้องป๋ายเอ่ยอะไรมาก ข้านักพรตเฒ่าทำอะไรซื่อสัตย์เชื่อถือได้ที่สุดแล้ว อีกทั้งจะต้องรอให้ผ่านไปอีกร้อยกว่าปีเสียก่อน ทางอารามเสวียนตูใหญ่ถึงจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนนอก”

ซูจื่อเคราดกกับหลิ่วชีและเฉาจู่ คนทั้งสามแทบจะใช้เสียงในใจเอ่ยเตือนเจ้าอารามผู้เฒ่าในเวลาเดียวกัน “ขอคนละภาพ”

เจ้าอารามผู้เฒ่าบ่นพวกเขา “ข้าไม่ใช่คนโง่สักหน่อย จะพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”

ส่วนเยี่ยนจั๋วนั้นใช้เสียงในใจเอ่ยกับต่งฮว่าฝู “หากเฉินผิงอันอยู่ที่นี่ด้วย?”

ต่งฮว่าฝูคิดแล้วก็เอ่ยว่า “คำประจบปลิวว่อน ประเด็นสำคัญคือจริงใจอย่างมาก บทกวีของอาจารย์ป๋าย ถ้อยวลีของหลิ่วชี ภาพวาดของเฉาจู่ บทประพันธ์ของซูจื่อ ตราประทับของเจ้าอารามผู้เฒ่า ไม่มีอะไรหนีรอดไปได้แม้แต่อย่างเดียว”

……

ร้านยาตระกูลหยาง

หลี่หลิ่วทิ้งชิงจงฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่ไว้บนทะเล ให้ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนนี้รับผิดชอบเฝ้าดูแลสะพานกลางมหาสมุทรที่เชื่อมต่อระหว่างสองทวีปต่อไป ส่วนตัวนางย้อนกลับมาที่บ้านเกิดเพียงลำพัง มาหาหยางเหล่าโถว

ผู้เฒ่าสูบยาสูบคำใหญ่พ่นควันโขมง หัวคิ้วขมวดแน่น บนใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ราวกับว่าด้านในได้ซุกซ่อนเรื่องราวเอาไว้มากมาย อีกทั้งยังไม่เคยคิดจะระบายให้ใครฟัง

เมฆหมอกลอยอวลล้อมวนปกคลุมร้านยา ต่อให้ชุยฉานในทุกวันนี้ก็ยังไม่อาจลอบมองที่แห่งนี้ได้

หลี่หลิ่วถาม “กุ้ยฮูหยินมาที่นี่แล้วหรือ?”

หยางเหล่าโถวพยักหน้ารับ

กุ้ยฮูหยินแห่งนครมังกรเฒ่าผู้นั้นคือสหายเก่าแห่งตำหนักดวงจันทร์ในอดีต นางไม่ค่อยเหมือนกับพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาจุติเกิดใหม่สักเท่าไร ในฐานะเผ่าพันธุ์ตำหนักดวงจันทร์แท้ดั้งเดิม หลังจากลงมายังโลกมนุษย์ เนื่องจากในอดีตหลี่เซิ่งได้ขอร้องเอาไว้ แม้ว่าสถานะของนางจะพิเศษอย่างมาก แต่กลับไม่ได้มีสภาพการณ์เหมือนพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลของภูเขาเจินอู่ ไม่ได้ถูกปฐมสำนักของสำนักการทหารแผ่นดินกลางกักขังเอาไว้ ดังนั้นตลอดหมื่นปีที่ผ่านมานี้ อันที่จริงกุ้ยฮูหยินจึงได้มองดูความขึ้นๆ ลงๆ ของโลกมนุษย์ด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด ความดีความเลวของวิถีทางโลกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง เพียงแต่ว่าครั้งนี้กุ้ยฮูหยินมาเยือนที่แห่งนี้ ข้างกายมีคนพายเรือเฒ่าติดตามมาด้วย คือลูกศิษย์ใหญ่ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของลู่เฉิน ดูเหมือนว่าตอนอยู่ในเมืองหลวงของต้าหลีแล้วได้เจอกับบัณฑิตชุดเขียวคนหนึ่งที่ชื่อว่าป๋ายหมาง อยู่ดีไม่ว่าดีก็ถูกซ้อมอย่างหนักมารอบหนึ่ง คาดว่าคนพายเรือเฒ่าคงรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายแล้ว ปากจึงด่ากราดไปไม่น้อย ไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด ถึงอย่างไรเจ้ามีปัญญาก็ซ้อมข้าให้ตายไปเลยสิ อีกทั้งคนพายเรือเฒ่ายังรักษากฎเก่าแก่ที่เคยมีชื่อเลื่องลือไปทั้งใต้หล้านั่นคือ แค่ขยับปากไม่ขยับมือ ขยับมือถือว่าข้าแพ้

หลี่หลิ่วถามอีก “นางล่ะ?”

หยางเหล่าโถวกล่าว “หร่วนซิ่วไม่เหมือนกับเจ้า นางมาหรือไม่มาล้วนเหมือนกัน”

หลี่หลิ่วเปลี่ยนเรื่องพูด “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เคยเดินออกไปจากที่นี่ ไม่แหกกฎเพื่อหลี่ไหว? จะดีจะชั่วก็ไปพบหน้ากันครั้งสุดท้ายเถอะ”

หลี่ไหวน้องชายและมารดาของหลี่หลิ่วล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดา เพียงแต่ว่าฝ่ายหลังทำให้ผู้เฒ่าปวดหัว ฝ่ายแรกกลับทำให้หยางเหล่าโถวรักและเอ็นดู ดังนั้นโชควาสนาบางอย่างที่เป็นดั่งมายาเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ ก็เหมือนไม้ทำโลงศพที่หยางเหล่าโถวเคยพูดเล่นกับหลี่ไหว ล้วนถูกผู้เฒ่าโยนให้เจ้าลูกกระต่ายหลี่ไหวรวดเดียวหมด ผู้เฒ่าเหมือนกับคนแก่หง่อมในหมู่ชาวบ้านที่รู้ว่าอายุขัยของตนมาถึง จึงมองหลี่ไหวเป็นดั่งลูกหลานเด็กรุ่นหลังในตระกูลตัวเอง นอกจากนี้หลี่เอ้อ เจิ้งต้าเฟิง รวมไปถึงลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่รับมาใหม่อย่างซูเตี้ยน สือหลิงซาน ต่อให้บวกกับลูกศิษย์กลุ่มก่อนหน้านี้ ยกตัวอย่างเช่นบรรพบุรุษสองตระกูลเฉา หยวนที่ถือเป็นขุนนางผู้กอบกู้ความรุ่งโรจน์ของต้าหลี กระทั่งที่ว่าแม้แต่หร่วนซิ่ว หลี่หลิ่ว และหม่าขู่เสวียน ล้วนไม่มีใครทัดเทียมหลี่ไหวได้ แล้วก็เพราะว่าหลี่ไหวไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ จึงกลับกลายเป็นว่าหยางเหล่าโถวยินดีมอบโอกาสมอบโชควาสนาให้โดยไม่คิดว่าเป็นภาระเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อคนบางคนชะตาดี ก็ย่อมต้องมีบางคนที่ชะตาไม่ดี นับแต่โบราณมาก็ล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อให้ผ่านไปอีกพันปีหมื่นปีก็จะยังคงเป็นเช่นนี้

หยางเหล่าโถวส่ายหน้า “มีอะไรต้องให้พูดมากอีก อะไรที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว”

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่หลี่หลิ่วกลับสัมผัสได้ถึงความเสียใจของผู้เฒ่า ราวกับคนเฒ่าคนแก่ในตระกูลเล็กที่ธรรมดาอย่างถึงที่สุดที่ไม่อาจอยู่จนได้เห็นความรุ่งเรืองของลูกหลาน จึงรู้สึกเสียดาย เพียงแต่ว่ามาดของผู้เฒ่าวางอยู่ตรงนั้น จึงไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก

หลี่หลิ่วนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวนอกห้อง พยายามอยู่เป็นเพื่อนผู้เฒ่าคนนี้ให้ได้มากที่สุด

หยางเหล่าโถวยิ้มกล่าว “ในที่สุดก็เริ่มมีความรู้สึกของมนุษย์บ้างแล้ว”

สิบนิ้วของหลี่หลิ่วสอดประสานกัน แหงนหน้ามองม่านฟ้า

บนภูเขาบรรพบุรุษของสำนักกระบี่หลงเฉวียน วันนี้หร่วนฉงเจ้าสำนักทำอาหารโต๊ะใหญ่กับมือตัวเอง บุตรสาวหร่วนซิ่ว ลูกศิษย์ต่งกู่ สวี่เสี่ยวเฉียว เซี่ยหลิง หลิวเสี้ยนหยาง ล้วนอยู่กันครบ

หลังจากที่ทางสำนักสร้างจวนขึ้นมาบนภูเขาลูกเก่าก็น้อยครั้งนักที่จะมีโอกาสที่ทุกคนมารวมตัวกันครบถ้วนเช่นนี้

หลิวเสี้ยนหยางคีบอาหารให้กับอาจารย์อย่างกระตือรือร้น ทางหนึ่งก็หันหน้าไปยิ้มกล่าวกับหร่วนซิ่วด้วยว่า “แม่นางซิ่วซิ่ว กินอาหารสำคัญที่สุดนะ”

หร่วนซิ่วคลี่ยิ้มบางๆ ขยับตะเกียบไม่ช้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!