เซอเยว่เอ่ย “ข้าชื่อเซอเชี่ยนเยว่ มาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง”
แม่นางหน้ากลมสวมชุดผ้าฝ้ายค่อนข้างจะพอใจในคำกล่าวที่มีไหวพริบนี้ของตน นี่ก็คือความหัวไวและประสบการณ์เก่าแก่ที่คนท่องยุทธภพสมควรจะมี
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยชม “แม่นางมีชื่อที่ดี”
เซอเยว่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า “เจ้าเป็นบัณฑิตหรือ?”
หลิวเสี้ยนหยางเองก็สองจิตสองใจ ก่อนตอบด้วยเสียงทุ้มหนักสีหน้าจริงจัง “จะไม่เป็นก็ได้”
เดิมทีคิดถ้อยคำดีๆ เอาไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นในชีวิตได้สวมใส่ผ้าเนื้อหยาบ อ่านตำรามามากกลิ่นตำราจึงติดตัวอะไรทำนองนั้น แต่ดูท่าแล้วคงจะเอามาใช้ไม่ได้
จะไม่เป็นก็ได้? ไม่เสียแรงที่เป็นบัณฑิต
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าต้องเป็นแน่นอน
เซอเยว่หมุนตัวเตรียมจะจากไป
นางคิดว่าจะไปหาภูเขาที่เงียบสงบสักลูกหุงข้าวกิน ทางที่สุดที่สุดไม่ว่าใครก็ไม่อาจเห็นข้าได้
หลิวเสี้ยนหยางวิ่งตุปัดตุเป๋ตามไป ห่างจากแม่นางหน้ากลมมาสี่ห้าก้าว ไม่กล้าทำตัวบุ่มบ่ามใส่คนงาม เขาเดินหันข้าง “แม่นางเชี่ยนเยว่ อยู่ห่างอีกแค่ไม่กี่ก้าวแล้ว ไม่อยากไปดูอำเภอไหวหวงของพวกเราสักหน่อยหรือ? ในตรอกฉีหลงมีสถานที่ดีๆ แห่งหนึ่งชื่อว่าร้านยาสุ้ย ขนมอร่อยจนกินแทนข้าวได้เลย ราคาถูกด้วยนะ”
เซอเยว่ส่ายหน้า
หลิวเสี้ยนหยางจึงได้แต่หยุดเท้า
เซอเยว่พลันขมวดคิ้วมุ่น ถามสามคำถามออกมารวดเดียว “คุณชาย…หลิว เจ้าเคยได้ยินชื่อภูเขาลั่วพั่วหรือไม่? ที่นี่อยู่ห่างจากภูเขาลั่วพั่วไกลไหม? ไม่ใกล้กระมัง?”
หลิวเสี้ยนหยางพยักหน้ารับ “ไม่ใกล้…กระมัง”
ภูเขาลั่วพั่วของเฉินผิงอันอยู่ห่างจากร้านตีเหล็กริมลำคลองไม่ถือว่าใกล้จริงๆ
เซอเยว่ผ่อนลมหายใจโล่งอก
สุดท้ายนางไม่ได้ให้หลิวเสี้ยนหยางผู้นั้นตามไป คิดว่าจะไปที่เมืองเล็กสักหน่อย บนร่างของนางพอจะมีเงินเทพเซียนและเงินกับทองที่ใช้ในหมู่ชาวบ้านอยู่บ้าง ต่อให้ไม่สามารถพูดภาษาทางการของที่นี่ได้ ตอนซื้อของก็แค่จ่ายเงินมากหน่อยก็พอ ส่วนร้านยาสุ้ยตรอกฉีหลงอะไรนั่น นางไม่มีทางไปเด็ดขาด ทว่าภูเขาของที่นั่นกลับจะต้องไปมองอยู่ไกลๆ สักหน่อย
หลิวเสี้ยนหยางเองก็ไม่ได้ตอแยแม่นางเชี่ยนเยว่ที่เดินทางมาไกลผู้นี้มากนัก เพียงแค่เอ่ยเตือนนางว่าที่นี่ห้ามทะยานลมตามแต่ใจ เพราะมีกฎอยู่ แล้วยังเป็นกฎที่ช่างตีเหล็กนิสัยคร่ำครึคนหนึ่งเป็นผู้ตั้งอีกด้วย เซอเยว่เอ่ยขอบคุณคนหนุ่มแซ่หลิวด้วยความจริงใจไปหนึ่งคำ นางไม่มีทางทะยานลมง่ายๆ สถานที่ที่มีชื่อว่าจังหวัดหลงโจวแห่งนี้มหัศจรรย์พันลึกมากเกินไป ปราณวิญญาณในขุนเขาสายน้ำเปี่ยมล้นจนเกินกว่าเหตุ บวกกับที่อาณาเขตไม่กว้างใหญ่ แต่กลับรวบรวมศาลเทพที่มีควันธูปโชติช่วงไว้มากมายขนาดนั้น หากอยู่ที่ใบถงทวีป เซอเยว่ก็คงไม่รู้สึกกริ่งเกรงถึงเพียงนี้ น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง หากใครคิดจะมาหาเรื่องนางจริงๆ นางก็ไม่ถือสาที่จะตอบโต้กลับไป ขอแค่ไม่ใช่พวกคนที่สมองมีปัญหาอย่างเจียงซ่างเจิน ไม่ว่าใครนางก็ไม่กลัวทั้งนั้น แต่ในแจกันสมบัติทวีปที่ขุนเขาสายน้ำเล็ก ทว่าเรื่องประหลาดกลับมากมายแห่งนี้ เซอเยว่รู้สึกว่าไม่ว่าตัวเองเดินไปที่ไหนก็ไม่สงบปลอดภัย หากไม่เป็นเพราะเซอเยว่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าปีศาจแท้ๆ นางถูกโยนทิ้งไว้ที่ไหนก็คงต้องยืนนิ่งอยู่ที่นั่นไม่ขยับอย่างแน่นอน
หลิวเสี้ยนหยางกลับไปที่ร้าน ไปนั่งงีบหลับบนม้านั่งไม้ไผ่ใต้ชายคา ปล่อยดวงจิตล่องลอยไกลหมื่นลี้ต่อไป
เซอเยว่ไปเดินเล่นอยู่ในอำเภอ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกที่มีแสงจันทร์เยอะมาก ตรงหน้าประตูภูเขานางได้เจอกับภูตน้ำน้อยตนหนึ่งที่แค่เห็นก็ชื่นชอบทันที
แม่นางน้อยชุดดำยกเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็กมานั่งอยู่ใต้ซุ้มประตูภูเขา อีกด้านหนึ่งวางคานหาบสีทองอันเล็กและไม้เท้าเดินป่าสีเขียวพาดไว้เอียงๆ ราวกับว่าแม่นางน้อยต้องการจะทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาลร่วมกับสหายทั้งสอง
ช่วงเช้าและเย็นของทุกวันแม่นางน้อยชุดดำจะต้องออกไปลาดตระเวนภูเขาเพียงลำพัง หลังจากวิ่งตะบึงไปตลอดทางแล้วก็จะรีบกลับมาเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูภูเขา
อวี๋หมี่เดินทางไกลไปยังอุตรกุรุทวีป เผยเฉียนกลับมาบ้านก็ลงจากภูเขาไปอีก ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าทุกวันยามเช้าตรู่ภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้จะไม่ต้องไปเป็นเทพทวารบาลให้ใครแล้ว ทุกวันเดินตรวจตราภูเขาเพียงลำพัง ก็แค่ให้จิ่งชิงไปยังภูเขาใต้อาณัติอย่างภูเขาฮุยเหมิง ภูเขาหวงหู เลือกเอาต้นไม้ใบหญ้าบางส่วนมาปลูกไว้บนภูเขาลั่วพั่วก็เท่านั้น
เหตุใดเมฆขาวไม่ต้องฝึกตนก็บินได้ น้ำในลำธารไหลไปไกลขนาดนั้นเหนื่อยหรือไม่ ตอนที่สายลมพัดผ่านต้นไม้ ใบไม้จะสะดุ้งตกใจตื่นเพราะเสียงดังหรือไม่
ปลาน้อยกินใบบัว ภูเขาสายน้ำสบายดี วิถีทางโลกราบเรียบ ชาวประชาสันติสุข
เพียงแต่ว่าโจวมี่ลี่ในทุกวันนี้มีความกลัดกลุ้มเล็กๆ ที่ไม่สะดวกจะระบายให้พี่หญิงหน่วนซู่ฟัง
เพราะคนจิ๋วควันธูปที่มาขานชื่อตามเวลาโมโหอย่างหนัก บอกว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ถึงกับมีคนบอกว่าผู้ถวายงานภูเขาลั่วพั่วของพวกเราเป็นเพียงแค่ภูตน้ำน้อยขอบเขตถ้ำสถิตเท่านั้น
โจวหมี่ลี่ไม่ได้โกรธเคืองสักเท่าไร ตอนนั้นนางก็แค่เกาแก้ม บอกว่าเดิมทีขอบเขตของข้าก็ไม่สูงอยู่แล้วนี่นา
เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นมา ยามเจอกับพี่หญิงหน่วนซู่และจิ่งชิง นางจะยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่เหมือนเดิม ทว่ายามที่อยู่เพียงลำพัง แม่นางน้อยชุดดำกลับไม่ค่อยชอบพูดคุยกับตัวเองเหมือนเก่าแล้ว กลายมาเป็นคนใบ้น้อยที่ชอบเกาหัวเกาแก้มแทน
เมื่อก่อนแม่นางน้อยจะไปหาพ่อครัวเฒ่า บอกว่าข้าเรียนวิชาหมัดล้ำโลกมาจากเผยเฉียน เจ้าตัวสูง ยอมให้ข้าก่อนสามกระบวนท่า พอต่อสู้เสร็จเรียบร้อยก็เผ่นหนี
หมี่ลี่น้อยในตอนนี้มักจะไปดูโถเก็บเงินหลายใบนั้นบ่อยๆ นางกับเผยเฉียนและพี่หญิงหน่วนซู่มีกันคนละใบ ล้วนเป็นโถกระเบื้องสีขาวใบเล็ก
เตาเผามังกรของจังหวัดหลงโจวในทุกวันนี้ไม่ต้องผลิตเครื่องบรรณาการให้กับเชื้อพระวงศ์สกุลซ่งต้าหลี มีชื่อเสียงอยู่ล่างภูเขาอีกแล้ว
เมื่อก่อนโจวมี่ลี่ใช้แต่ละนิ้วคำนวณชะตาฟ้า ทุกวันนี้ใช้แต่ละนิ้วนับจำนวนปี ดังนั้นโจวมี่ลี่จึงเริ่มคัดตัวอักษร ตัดกระดาษกลอนคู่กระดาษแดง เขียนกระดาษแผ่นเล็กๆ ทำนองว่า ‘วสันต์คิมหันต์สารทเหมันต์ สงบสุขปลอดภัยสี่ฤดูกาล’ แล้วเอาไปแปะไว้บนโถเก็บเงิน
ดังนั้นหมี่ลี่น้อยในเวลานี้จึงกำลังแอบกลัดกลุ้มอยู่กับตัวเอง จากนั้นนางก็มองเห็นพี่สาวหน้ากลมที่มาเป็นแขกที่บ้านตัวเอง
เซอเยว่เปลี่ยนใจ เอ่ยถามแม่นางน้อยคนนั้นอยู่ไกลๆ “เจ้าพูดภาษากลางของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเป็นหรือไม่?”
อันที่จริงโจวหมี่ลี่แอบชำเลืองตามองพี่สาวน่ารักใบหน้ากลมดิกผู้นั้นอยู่นานแล้ว นางรีบลุกขึ้นยืนกุมมือคารวะ จากนั้นก็วิ่งปรู๊ดไปอยู่เบื้องหน้าเซอเยว่ แล้วพลันหยุดกึกยืนนิ่ง “รู้จักๆ แต่ว่าพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไรนะ”
เซอเยว่หัวเราะ พรรคตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่ให้ขอบเขตถ้ำสถิตมาเป็นคนเฝ้าประตู อีกทั้งยังเป็นภูตตนหนึ่งด้วย คิดดูแล้วรากฐานคงไม่ค่อยสูงสักเท่าไร แต่ก็ดีมากนะ แม่นางน้อยตรงหน้าคนนี้น่ารักจะตายไป เซอเยว่พลันรู้สึกประทับใจในภูเขาลูกนี้อย่างมาก ถึงขนาดยินดีให้ภูตน้ำน้อยตนหนึ่งมาเป็นคนเฝ้าประตู ขนบธรรมเนียมต้องดีมากอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!