กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 750

เจียงซ่างเจินโน้มตัวมาด้านหน้า สายตาอ้อมผ่านเฉินผิงอันที่อยู่ตรงกลางไปยิ้มถามลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ “บัณฑิตท่านนี้มาจากสำนักศึกษาต้าฝูหรือ? มียศวิญญูชนแล้วหรือยัง?”

ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อชุดเขียวรีบลุกขึ้นยืนทันใด เดินลงบันไดสองสามขั้นมาประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม “หยางผู่ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสำนักศึกษาต้าฝูคารวะเจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง”

“เกรงใจแล้ว เกรงใจแล้ว ข้าไม่ใช่บัณฑิตเสียหน่อย”

เจียงซ่างเจินนั่งลงกุมหมัดคารวะกลับคืน จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้าใจในฉับพลัน “หยางผู่ พอจะมีความทรงจำอยู่บ้าง เป็นบุรุษที่พกไอ้จ้อนมาด้วย วันหน้าก็ถือว่าข้าคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าแล้วนะ”

เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอกอย่างอดไม่อยู่ “พี่โจวเฝย ทุกวันนี้ชื่อเสียงดีเยี่ยมเลยนะ คงไม่ใช่ว่าขายตำรารักประโลมโลกไปจนถึงสำนักศึกษาแล้วหรอกนะ?”

เจียงซ่างเจินหัวเราะฮ่าๆ “หลายปีมานี้เรื่องบนภูเขามีมากมาย ถ่วงรั้งเรื่องเป็นการเป็นงานไปไม่น้อย”

เฉินผิงอันถาม “เจ้าสำนักผู้เฒ่า?”

เจียงซ่างเจินพยักหน้า “ให้เป็นสุนัขเฝ้าบ้านสามปียังรังเกียจเลย ข้าผู้นี้หน้าบาง ไม่อาจทนรับการถูกคนชี้หน้าด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้ ก็เลยยกตำแหน่งให้เจ้าเด็กเหวยอิ๋งผู้นั้น”

ก่อนที่เจียงซ่างเจินจะปิดด่านได้ปลดระวางตำแหน่งเจ้าสำนักในศาลบรรพจารย์ที่ทุกวันนี้แทบจะมีแต่คนโฉมหน้าใหม่หมด เจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักกุยหยกในทุกวันนี้ก็คือเจ้าของยอดเขาจิ่วอี้ในอดีต ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหริน เหวยอิ๋ง ส่วนเหวยอิ๋งนั้นก็ถือโอกาสสละสถานะเจ้าสำนักเจินจิ้ง ยกตำแหน่งให้กับผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสำนักเบื้องล่าง ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเหรินที่มีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระของทะเลสาบซูเจี่ยน หลิวเหล่าเฉิง

ดังนั้นหยางผู่แห่งสำนักศึกษาถึงได้เรียกว่า ‘เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง’

แน่นอนว่าอายุที่แท้จริงของเจียงซ่างเจินก็ไม่ถือว่าหนุ่มแล้วจริงๆ

หลังจากยืดเอวตรงแล้ว หยางผู่ก็เอ่ยอย่างเขินอายว่า “ศึกษาหาความรู้ยังตื้นเขิน ยังไม่ได้เป็นนักปราชญ์ และผู้เยาว์ก็ยิ่งไม่กล้าบอกว่าตัวเองคุ้นเคยกับเจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง”

เจียงซ่างเจินเอ่ยสัพยอก “ยังไม่ได้เป็นนักปราชญ์อีกหรือ? สำนักศึกษาต้าฝูฝังกลบคนมีพรสวรรค์เสียแล้ว หากจะให้ข้าบอกนะ มอบตำแหน่งวิญญูชนให้เจ้าก็ยังเหลือแหล่ วันหน้าข้าจะช่วยคุยกับเจ้าขุนเขาเฉิงให้เจ้าเอง หากหน้าตาของข้ายังไม่ใหญ่มากพอ ถ้าอย่างนั้นก็ลากเอาเจ้าขุนเขาเฉินข้างกายข้าผู้นี้ไปด้วย เขากับเจ้าขุนเขาเฉิงเป็นสหายเก่าแก่กันแล้ว แล้วยังเป็นบัณฑิตเหมือนกันด้วย คำพูดของเขาต้องได้ผลแน่นอน”

เฉินผิงอันไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

หยางผู่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย รีบคารวะอีกครั้ง “เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง ผู้เยาว์หยางผู่มาเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่หาใช่เพื่อหวังในชื่อเสียงจอมปลอมไม่ แล้วนับประสาอะไรกับที่สามปีที่ผ่านมานี้ก็ไม่เคยมีผลงานใดๆ ขอเจ้าสำนักผู้เฒ่าอย่าได้ทำเช่นนี้เลย ไม่อย่างนั้นหยางผู่คงได้แต่รีบจากไปทันที ขอให้ทางสำนักศึกษาช่วยเปลี่ยนคนมาเฝ้าที่นี่แทน”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ถือเสียว่าได้ยินเรื่องขำขันก็แล้วกัน อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง เปลี่ยนคนมาอยู่ที่นี่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะถูกจริตข้ากับเจ้าขุนเขาเฉิน เจ้าโง่น้อยอย่างเจ้าก็ช่างโง่จริงๆ ไม่รู้หรือว่าจากไปในเวลานี้ สำหรับเจ้าแล้วทุกสิ่งที่ทำมาก่อนหน้านั้นเท่ากับว่าเสียเปล่า? หากรายงานของสำนักกุยหยกไม่มีข้อผิดพลาดล่ะก็ ในช่วงเวลาที่ทางสำนักยังไม่ได้เปิดปาก เจ้าก็เป็นฝ่ายมาอยู่ที่ภูเขาไท่ผิงแห่งนี้ด้วยตัวเอง ตำแหน่งของเจ้าขุนเขาเฉิงยังไม่ทันนั่งได้มั่นคง จึงไม่อาจวิ่งมาช่วยหนุนหลังให้เจ้าทึ่มอย่างเจ้าที่นี่ได้ หากเวลานี้เจ้าถอยออกไปจากประตูภูเขาของภูเขาไท่ผิง ก็เท่ากับว่าทำตัวเป็นคนโง่อยู่หลายปี ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรไปแม้แต่นิดเดียว แล้วยังทำให้ชื่อเสียงของตัวเองด่างพร้อยอีกด้วย พูดถึงแค่พรรคใหญ่ตระกูลเซียนบนภูเขาสามแห่งนี้ก็ต้องจำชื่อของเจ้าหยางผู่ได้แน่นอน ดังนั้นฟังคำแนะนำข้าสักครั้ง จงอยู่ข้างกายของพวกข้าสองคนแต่โดยดี สงบใจดื่มเหล้าชมเรื่องสนุกไปเถอะ”

หยางผู่ยังอยากจะพูดอะไรอีก

เฉินผิงอันดื่มเหล้าหนึ่งอึก ก่อนเอ่ยเนิบช้าว่า “ทางฝั่งของสำนักศึกษา นับตั้งแต่เจ้าขุนเขารองเจ้าขุนเขาไปจนถึงลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ อันที่จริงทุกคนล้วนกำลังเฝ้ามองเจ้าอยู่ หยางผู่อาจไม่สนใจอนาคตของตัวเองได้ เพราะถามใจตัวเองแล้วไม่ละอาย แต่คนมากมายที่เลื่อมใสหยางผู่จากใจจริงจะต้องรู้สึกอยุติธรรมแทนเจ้า จะต้องเดือดดาลอย่างมากแทนเจ้า จะต้องรู้สึกว่าคนดีไม่ได้รับผลดีตอบแทนจริงดังคาด เหตุผลข้อนี้ ไม่สู้คิดคำนึงให้มากๆ คิดเข้าใจแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ถึงเวลานั้นจะอยู่หรือจะจากไป อย่างน้อยข้ากับเจียงซ่างเจินก็ยังคงมองเจ้าเป็นบัณฑิตที่แท้จริงคนหนึ่ง ยินดีต้อนรับเจ้าไปเป็นแขกที่สำนักกุยหยกหรือไม่ก็ภูเขาลั่ว…สำนักเจินจิ้งทุกเมื่อ”

เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ในเมื่อเจ้าขุนเขามีความอดทนเช่นนี้ ข้าก็วางใจไม่น้อยแล้ว”

การเข่นฆ่าสามครั้ง เจียงซ่างเจินได้เห็นแค่ครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงยังหวาดผวาไม่คลาย ไม่เพียงแค่ว่าทุกวันนี้เวทกระบี่และวิชาหมัดของเฉินผิงอันล้วนสูงส่งขึ้นมากแล้ว แต่ยังกังวลว่าเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วที่ไม่ได้เจอกันมานานประมาณยี่สิบปีผู้นี้จะเปลี่ยนไปเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่นเปลี่ยนไปเป็นคนบนภูเขาประเภทที่เจียงซ่างเจินคุ้นเคยมากที่สุด

เฉินผิงอันชำเลืองตามองผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตหยกดิบที่นอนรับลมเย็นอยู่บนพื้นห่างไปไม่ไกล สีหน้าของเขาเฉยเมย ดวงตามืดดำ “จะมีหรือไม่มีความอดทน ก็ขึ้นอยู่ว่าใช้กับใคร”

เจียงซ่างเจินใช้เสียงในใจเอ่ยกับเฉินผิงอัน “เจ้าขุนเขาคนใหม่ของสำนักศึกษาต้าฝูก็คือรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาหลินลู่ภูเขาพีอวิ๋นบ้านเกิดเจ้า เพียงแต่ว่าครั้งนี้เนื่องจากเป็นเจ้าขุนเขาของหนึ่งในเจ็ดสิบสองสำนักศึกษา ถึงได้ใช้ชื่อจริงของเผ่าปีศาจเป็นครั้งแรก ชื่อว่าเฉิงหลงโจว ถึงอย่างไรเฉิงหลงโจวก็มีชาติกำเนิดจากเจียวหลงซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์น้ำ ทำหน้าที่เป็นเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อจึงชักนำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์บนภูเขาไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ซ่งเหอฮ่องเต้ต้าหลีต้องใช้ความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขาไปไม่น้อย นี่ยังเป็นผลลัพธ์จากในรายงานขุนเขาสายน้ำที่ถูกศาลบุ๋นแผ่นดินกลางสั่งห้ามมาห้าปี ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ของไพศาลในเวลานี้ก็คงเหลือแค่การทะเลาะถกเถียงของผู้คนจากแต่ละฝ่ายเท่านั้น นี่จะสูญเสียช่วงเวลาดีๆ มากมายไปอย่างเสียเปล่า จะถ่วงรั้งเรื่องเป็นการเป็นงานไปเยอะมาก”

เฉินผิงอันครุ่นคิด ในที่สุดข้อสงสัยข้อหนึ่งในใจก็คลายออก เหตุใดศาลบุ๋นถึงได้เลือกที่จะห้ามผลิตรายงานนานถึงห้าปี

แม้ว่าหยางผู่ลัทธิขงจื๊อจะไม่รู้ว่าเทพเซียนบนยอดเขาสองคนนี้คุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่เขากลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ตลอด เพราะถึงอย่างไรบนพื้นเบื้องหน้าตนก็ยังมีผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตหยกดิบที่เป็นตายไม่รู้ชัดนอนอยู่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!