กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 750

หากจะบอกว่าผู้ฝึกกระบี่มีพรสวรรค์อายุน้อยๆ คนหนึ่งยังมีเรื่องไม่คาดฝันมากเกินไป อาจจะตายก่อนวัยอันควรไประหว่างทางขึ้นเขา แต่อิ่นกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่ หนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ที่มาพร้อมกับโชคย่อมไม่มีทางกายดับมรรคาสลายได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะคนมีเจตนาจำนวนไม่น้อยค้นพบแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเยาว์สิบคนหรือตัวสำรองสิบคน ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีใครตายอยู่บนสนามรบ อย่างมากสุดก็แค่หายตัวไป ยกตัวอย่างเช่นเฝ่ยหราน ผู้นำร้อยเซียนกระบี่แห่งภูเขาทัวเยว่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง และยังมีจู๋เชี่ยที่สาดประกายแสงเจิดจ้าบนสนามรบทักษินาตยทวีป รวมไปถึงหม่าขู่เสวียนที่ต่อสู้เอาเป็นเอาตายอยู่ในแจกันสมบัติทวีป สวี่ป๋ายที่มีคำเรียกขานอันไพเราะว่า ‘เจียงไท่กงยามเป็นเด็กหนุ่ม’ และฉุนชิงที่มาจากภูเขาชิงเสิน ต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งแต่ละคนล้วนมีหวังบนมหามรรคาอย่างแท้จริง

ส่วนเฉาสือ ผู้ฝึกตนและผู้ฝึกยุทธของใต้หล้าไพศาลต่างก็ไม่มีใครมองเขาเป็นหนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ไปตามจิตใต้สำนึกแล้ว

ก่อนที่รายงานขุนเขาสายน้ำจะถูกสั่งห้าม มีข่าวลือเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวพันไปถึงสถานการณ์ใหญ่ของใต้หล้า แต่สามารถโดดเด่นออกมาท่ามกลางข่าวลับของรายงานมากมาย ทำให้ผู้คนพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ก็เพราะการออกหมัดของเฉาสือ มีผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งนามเจิ้งเฉียนที่ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับศาลเหลยกงของธวัลทวีป แต่กลับไม่ใช่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเพ่ยอาเซียง ระหว่างที่นางเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ตอนอยู่บนหัวกำแพงเมืองของเมืองหลงราชวงศ์ต้าตวน นางทยอยถามหมัดเฉาสือสี่ครั้ง ล้วนพ่ายแพ้ทุกครั้ง คนที่เป็นพยานมีไม่มาก นอกจากราชครูราชวงศ์ต้าตวน เทพีแห่งการต่อสู้เผยเปยแล้ว ก็มีแค่คู่พ่อลูกเทพแห่งโชคลาภหลิวจวี้เป่าและหลิวโยวโจวแห่งใบถงทวีปเท่านั้น

เพียงแต่ว่าเรื่องที่ชวนให้ยินดียังคงมีน้อยไป คนที่จากไปยังคงมีมากเกินไป ต่อให้เจียงซ่างเจินจะไม่ใช่คนที่ชอบกลัดกลุ้มและมองโลกในแง่ดีมากแค่ไหน เรื่องที่เขายากจะปล่อยวางได้ลงก็ยังคงมีมากมายอยู่ดี

วันนี้กว่าจะได้เจอเรื่องที่มีค่าพอให้เบิกบานใจ มีค่าพอให้ดื่มเหล้าอย่างสาแก่ใจติดต่อกันสามเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย

ได้กลับมาพบเจอกับสหายรักเฉินผิงอันอีกครั้ง คนทั้งสองต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ดี

เห็นเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วลงมือ ได้เห็นคนหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ใช้เหตุผลมากมายขนาดนั้นกับตาตัวเอง

รวมไปถึงใต้เท้าอิ่นกวานแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ช่าง…ต่อสู้ได้เก่งจริงๆ

เพียงแต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ดูเหมือนว่าเขาเจียงซ่างเจินจะพูดไม่ได้ ยังคงต้องให้เฉินผิงอันไปฟังไปดู ไปรู้ด้วยตัวเอง

หมัดข้างหนึ่งของเจียงซ่างเจินวางอยู่บนหัวเข่า มือข้างหนึ่งตีหัวเข่าเบาๆ เอ่ยพูดเสียงแผ่ว

หลอมสกัดใจจอมยุทธเป็นกระจกโบราณ แสงสว่างส่องทะลุได้ปรุโปร่ง สาดประกายแสงเจิดจ้า สถานการณ์หมากหมื่นลี้แห่งแผ่นดิน วีรบุรุษผู้กล้ามีกี่มากน้อย

ลอบมองกระจกโบราณผอมบางยิ่ง ถือตำราพกมาตรวจสอบเหมย เคี้ยวดอกเหมยละเอียด ชื่อเสียงสง่างามนานพันปีดุจฝัน ยกจอกสุราเซ่นไหว้กาลเวลาหมื่นปี

เฉินผิงอันหยุดการกระทำลง หันหน้ามายิ้มเอ่ย “ไม่มีสัมผัสคล้องจอง เรื่องของฉันทลักษณ์ก็ยิ่งยากจะบรรยายให้กระจ่างในคำเดียว ทำให้คนฟังแล้วกลัดกลุ้มนัก”

เจียงซ่างเจินยกมือขึ้นกำเป็นหมัดแล้วโบกเบาๆ ยิ้มเอ่ย “วันหน้าข้าจะอ่านตำราให้มาก จะพยายามให้มากกว่านี้”

เฉินผิงอันถอยหลังไปหนึ่งก้าว กลับไปนั่งบนขั้นบันไดขั้นเดิมก่อนหน้านี้ ถามคำถามประหลาดข้อหนึ่ง “เจียงซ่างเจิน?”

ส่วนหันเจี้ยงซู่ผู้นั้น กว่าจะงัดหัวออกมาจากพื้นดินได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลานี้ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งยันพื้น กระอักเลือดไม่หยุด

หยางผู่ถอนหายใจหนึ่งที เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้อาวุโสก็คงต้องต่อสู้กับสำนักว่านเหยาอย่างไม่ตายไม่ยอมเลิกราแล้ว

หากไม่มีคนนอกมองอยู่ วันนี้หันเจี้ยงซู่ประสบหายนะเช่นนี้ ไม่แน่ว่ายังมีพื้นที่เหลือพอให้แก้ไขอยู่บ้าง

เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียงเล่นสนุกกับโลกมนุษย์มาจนชิน ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไม่ยี่หระกับเรื่องใดในสังคม สหายที่คบหาก็ไม่เคยใช้ขอบเขตสูงต่ำมาตัดสิน ดังนั้นหยางผู่จึงคิดเพียงว่าผู้ถวายงานโจวเฝย คารวะเจ้าขุนเขาอะไรนั่น ล้วนเป็นเพียงการหยอกล้อระหว่างสหายเท่านั้น หรือว่าใต้หล้านี้มีภูเขาลูกหนึ่งที่สามารถทำให้เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียงยินยอมพร้อมใจเป็นผู้ถวายงานจริงๆ? หากไม่ใช่คำล้อเล่น แล้วใครเล่าจะมีคุณสมบัติเอ่ยสัพยอกด้วยประโยคว่า ‘เจียงซ่างเจินคือเศษสวะจริงๆ’? เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียงได้รับการยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในการกอบกู้ใบถงทวีปเชียวนะ แม้กระทั่งเทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ที่พอสงครามใหญ่ปิดฉากลงแล้วก็ยังตั้งใจข้ามทวีปจากซากปรักของร่องเจียวหลงซึ่งเป็นสนามรบกลับคืนมายังยอดเขาเสินจ้วนอีกรอบโดยเฉพาะ

เจียงซ่างเจินมึนงง จึงหันมามองเฉินผิงอัน “ไม่อย่างนั้นข้าจะเป็นใครล่ะ? หมายความว่าอย่างไร?”

เฉินผิงอันพลันถามว่า “ปีนี้คือ?”

เจียงซ่างเจินยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้เสียงในใจตอบว่า “มักรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป ยังไม่ตื่นขึ้นมา”

เจียงซ่างเจินใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ทางฝ่ายของเมืองสุยเจี้ย เปลี่ยนปีรัชศกในปีเสินหลงที่สิบเจ็ด ทุกวันนี้คือรัชศกหยวนซีปีที่เก้า”

เฉินผิงอันลองคำนวณวันเวลาที่ตัวเองไปเยือนอุตรกุรุทวีปในปีนั้นแล้วต้องขมวดคิ้วมุ่น สามความฝัน ทุกฝันล้วนใช้เวลาฝันเกือบสองปีเลยหรือ? นับตั้งแต่เดินออกมาจากตราผนึกขุนเขาสายน้ำของถ้ำแห่งโชควาสนาเกาะหลูฮวา ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ขุนเขาสายน้ำของกำแพงเมืองปราณกระบี่และแจกันสมบัติทวีปพลิกกลับ ชุยฉานปรากฏตัวบนหัวกำแพงเมือง มาพบหน้าตน จากนั้นก็เข้าสู่ความฝันอีกครั้งแล้วสะดุ้งตื่น อันที่จริงเวลาในใต้หล้าไพศาลได้ผ่านไปนานห้าปีแล้ว? ชุยฉานคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำให้ตนพลาดอะไรไปมากกว่าเดิม กลับบ้านเกิดได้ช้ากว่าเดิม มีความหมายที่ใดกัน?

เฉินผิงอันมองเจียงซ่างเจินด้วยสีหน้าซับซ้อน คนตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่หนึ่งในความคิดของชุยฉานจริงๆ หรือ? ถึงอย่างไรความสามารถในการมองเห็นของคนผู้หนึ่งก็มีจำกัด หากเปลี่ยนมาเป็นตนเฉินผิงอันที่มีความสามารถและขอบเขตได้เหมือนกับชุยฉาน จากนั้นเรียนรู้คาถาเวทลับอีกสักสองบทที่เกี่ยวข้องกัน เฉินผิงอันก็รู้สึกว่าตนเองสามารถลองทำเช่นนี้ดูได้ ยืนอยู่สูงมองได้ไกล เมื่อเฉินผิงอันก้มหน้าลงมองโลกมนุษย์ ในรัศมีหมื่นลี้ของขุนเขาสายน้ำใต้ฝ่าเท้าก็มองเห็นเป็นแค่ภาพลายเส้นขาวดำเหมือนสิ่งไร้ชีวิตเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้ชุยฉานแบ่งความคิดจิตใจมาร่ายเวทอำพรางตาเพิ่ม แต่หากเฉินผิงอันมองระยะใกล้ คนไม่มาก มีน้อยเพียงหยิบมือ ชุยฉานก็สามารถลงสีให้กับบุคคลในภาพวาดได้ หรือไม่ก็ตั้งใจอีกหน่อย แต้มนัยน์ตาให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขามีชีวิตชีวาเหมือนจริง ต่อให้เฉินผิงอันจะอยู่ในตลาดของพวกชาวบ้าน เหมือนตอนที่อยู่บนเรือข้ามฟากไฉ่อีหรือตอนที่อยู่ท่าเรือชวีซานของเขตอวี๋โจว ผู้คนจอแจแออัด เดินสวนกันขวักไขว่ อย่างมากก็เป็นชุยฉานที่ตั้งใจให้ตนได้อยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกับพื้นที่มงคลกระดาษขาวเท่านั้น และการที่เฉินผิงอันสงสัยเจียงซ่างเจินที่อยู่ตรงหน้า เพราะมีความกังวลซ่อนแฝงที่ใหญ่กว่านั้น ปีนั้นตอนอยู่ในคุก ซวงเจี้ยงเทวบุตรมารนอกโลกขอบเขตบินทะยานแค่ไปเยือนจิตใจของเฉินผิงอันครั้งเดียวเท่านั้นก็สามารถอาศัยสิ่งนี้มาอนุมานเส้นสายที่สมเหตุสมผลได้นับร้อยนับพันเส้น

และชุยฉานนั้นก็เห็นได้ชัดว่าตบะขอบเขตบินทะยานลึกล้ำกว่าซวงเจี้ยง ซึ่งก็หมายความว่า ความจริงทุกเรื่องที่เฉินผิงอันรู้ เพียงแค่ความคิดเกิดขึ้น ‘เจียงซ่างเจิน’ ก็จะรับรู้ตามไปด้วย

ดังนั้นฝันนี้เป็นจริงหรือเท็จ แทบไม่อาจไขให้กระจ่างได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!