กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 751

เซียนเหรินกระดาษเปียก

ช่างใจกล้านัก ถึงขนาดไม่เห็นเซียนเหรินคนหนึ่งอยู่ในสายตา

หันอวี้ซู่มองพลังอำนาจที่ทะยานขึ้นสู่ฟ้าตรงหน้าประตูภูเขา รู้สึกเพียงว่าคำกล่าวของคนหนุ่มผู้นี้ทำให้คนได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง

ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่เดินออกมาจากสำนักใหญ่ของแผ่นดินกลาง คำพูดคำจาน่าสนใจ วางโตไม่เบา พูดง่ายๆ ก็คือหลังจากที่ตนเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีไปแล้ว คนหนุ่มที่ตามองสูงไม่เห็นหัวใครก็ยังคงไม่รู้จักกลัวตายอยู่เหมือนเดิม

นอกจากภูเขาไท่ผิงสายของเจ้าลัทธิใหญ่ป๋ายอวี้จิงแล้ว สำนักโองการเทพของแจกันสมบัติทวีป รวมไปถึงหนึ่งในลูกศิษย์ผู้สืบทอดของลู่เฉินเจ้าลัทธิสามป๋ายอวี้จิง เฉาหรงที่ฝึกตนอยู่บนภูเขาของราชวงศ์ป๋ายซวงเก่า และเทียนจวินเซี่ยสือแห่งลัทธิเต๋าของอุตรกุรุทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดเขาพาตี้ของฮว่อหลงเจินเหริน เส้นสายคร่าวๆ ของระบบพวกเขาเป็นอย่างไร รวมไปถึงวิชาอภินิหารมรรคกถาของฝ่ายต่างๆ เป็นอย่างไร หันอวี้ซู่ล้วนรู้ชัดเจนดี

เจียงซ่างเจินยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม พูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว “พี่ชายคนดีคงไม่ใช่ว่าดื่มเหล้าจนเมาแล้วหรอกนะ กระดาษเปียกอะไรกัน วิชาอภินิหารสายยันต์ของเจ้าลัทธิหัน ในเวลาหกสิบปีของใบถงทวีปล้วนมีคำเรียกขานว่าบุคคลอันดับที่สองของสายยันต์ไพศาล จะดูแคลนไม่ได้ จะประมาทศัตรูไม่ได้เลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยันต์ลับสามภูเขาที่มีต้นกำเนิดมาจากสำนักดั้งเดิมของเจ้าสำนักหันที่ภาพบรรยากาศอึมครึมน่าสะพรึงกลัว พูดถึงแค่ประวัติความเป็นมาสูงต่ำก็ไม่เป็นรองให้กับเวทห้าอสนีของภูเขามังกรพยัคฆ์เลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเชี่ยวชาญยันต์ดินกับยันต์น้ำ สองยันต์นี้ของเขาลี้ลับเกินจะคาดเดามากยิ่งกว่า นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคาถาเซียนสายรองฝูหลวนเจี้ยงเจินที่เรียกได้ว่าสุดยอดที่สุดเลย…”

หันอวี้ซู่ปล่อยให้เจียงซ่างเจินปากเปราะผู้นั้นเปิดเผยรากฐานของตน ปล่อยให้คนหนุ่มที่สีหน้าคล้ายจะมีการเคลื่อนไหวเงี่ยหูตั้งใจฟังเจียงซ่างเจินเปิดเผยความลับสวรรค์

หันอวี้ซู่ไม่สนใจ ทว่าหันเจี้ยงซู่ผู้เป็นบุตรสาวกลับถลึงตากว้าง “เจียงซ่างเจิน เจ้าไม่คิดจะพูดเรื่องกฎบนภูเขาบ้างเลยหรือไร?!”

เจียงซ่างเจินหยุดพูด หันมายิ้มหวานเอ่ยกับนาง “พูดสิ ไม่พูดเสียที่ไหน หากไม่พูดพี่หญิงเจี้ยงซู่จะหันมามองข้าตาหวานเช่นนี้หรือ?”

หันอวี้ซู่โบกชายแขนเสื้อหนึ่งทีบอกเป็นนัยแก่บุตรสาวว่าไม่จำเป็นต้องเดือดดาล เจียงซ่างเจินแห่งสำนักกุยหยกก็เป็นคนปลิ้นปล้อนไม่มีสาระจริงจังเช่นนี้อยู่แล้ว

พอเซียนเหรินอย่างเขาโบกชายแขนเสื้อง่ายๆ ก็ทำลายยันต์ขุนเขาสายน้ำในบริเวณใกล้เคียงที่คนหนุ่มซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ทิ้งไป คิดจะมาใช้ค่ายกลต่อหน้าข้าหันอวี้ซู่ก็เหมือนสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ น่าขันสิ้นดี

แน่นอนว่าหันอวี้ซู่เองก็กริ่งเกรงอดีตเจ้าสำนักกุยหยกอยู่บ้างจริงๆ ยิ่งกริ่งเกรงใบหลิวที่ได้รับความเสียหายของเจียงซ่างเจินใบนั้น ตอนที่เจียงซ่างเจินยังเป็นขอบเขตหยกดิบก็มีคำกล่าวที่น่าพรั่นผวาว่าหนึ่งใบหลิวสังหารเซียนเหรินแล้ว นี่ยังไม่ใช่ว่าเจียงซ่างเจินชมตัวเองด้วย คนผู้นี้ขอบเขตถดถอยจากขอบเขตบินทะยานมายังขอบเขตเซียนเหริน หากไม่เป็นเพราะแน่ใจแล้วว่าทุกวันนี้เจียงซ่างเจินไม่สะดวกจะเรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมาใช้ วันนี้หันอวี้ซู่ก็คงทำเพียงแค่ช่วยบุตรสาวออกมา จากนั้นก็จะรีบออกไปจากอาณาเขตของภูเขาไท่ผิงทันที

สรุปก็คือขอแค่เจียงซ่างเจินไม่ลงมือเอง ถ้าอย่างนั้นเจียงซ่างเจินจะเปิดเผยความลับของเขาหรือไม่ เขาหันอวี้ซู่ ทั้งตัวคนและมรรคกถาก็ล้วนอยู่ในจุดสูง ลอยอยู่เหนือหัวของคนหนุ่มผู้นั้น

อาจเป็นเพราะถูกหันอวี้ซู่ทำลายแกนกลางค่ายกล คนหนุ่มจึงเก็บยันต์ที่คีบตรงปลายนิ้วมาอย่างขุ่นเคือง

หันอวี้ซู่รู้สึกสะใจเล็กน้อย อาจารย์ค่ายกล? เป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่นแล้วยังไม่รู้ตัวอีก! คิดว่าหันเซียนเหรินบุคคลอันดับสองของสายยันต์คือคำพูดล้อเล่นที่เซียนดินของใบถงทวีปพูดคุยกันไปอย่างนั้นเองจริงๆ หรือ?

เจียงซ่างเจินมองพี่หญิงเจี้ยงซู่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น สายตาก็ยิ่งฉายแววเวทนา

“ฝูลู่อวี๋เซียน สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน ยังจะมามีเซียนยันต์อีกคน? ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เคยได้ยิน แต่ได้เห็นกับตา ดูเหมือนว่าจะธรรมดามาก พอจะเป็นเด็กก่อไฟให้กับเทพเซียนผู้เฒ่าอี๋ได้อยู่ หรือจะเป็นเด็กรับใช้คอยส่งพู่กันให้เขาก็นับว่าพอถูไถ”

หันอวี้ซู่เพียงแค่ยิ้มรับ

เจียงซ่างเจินปรบมือเบาๆ “แพ้ที่ตัวคนไม่แพ้ที่มาด ไม่เสียแรงที่เป็นพี่ชายคนดีของข้า ไม่เสียแรงที่ข้าช่วยดูแลพี่หญิงเจี้ยงซู่ให้”

แต่เจียงซ่างเจินยังมีข้อสงสัยเล็กน้อย วันนี้เฉินผิงอันกลับไม่ได้เปิดฉากต่อยตีโดยตรง? นี่ไม่เหมือนนิสัยของเจ้าขุนเขาคนดีบ้านตนเลยนะ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็น่าเสียดายที่ทุกวันนี้อวี๋เสวียนยังคงผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่ ไม่อย่างนั้นถ้อยคำด้วยความซื่อสัตย์จริงใจนี้ของเฉินผิงอัน ฟังแล้วคงสบายอุรามากนัก ประหนึ่งได้ดื่มเหล้าหมักชั้นดี ชวนให้สีหน้าเปล่งเปล่งมีชีวิตชีวา ประเด็นสำคัญคือหากไม่ผิดไปจากที่คาด เฉินผิงอันก็น่าจะไม่เคยเจอฝูลู่อวี๋เสวียนมาก่อน คำพูดจากใจจริงเช่นนี้กลับพูดได้คล่องปากเหมือนน้ำมาคลองสำเร็จถึงเพียงนี้ เป็นธรรมชาติเสียเลยเกิน เจียงซ่างเจินรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ เรียนรู้ไม่เหมือน หากจงใจทำ คาดว่าไม่ว่าจะคนพูดหรือคนฟังก็คงกระอักกระอ่วนกันทั้งคู่ ดังนั้นคาดว่านี่ก็คงเป็นพรสวรรค์ เป็นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตอย่างหนึ่งของเจ้าขุนเขาเฉินกระมัง?

ตาเฒ่าอวี๋ผู้นั้นก็สมกับเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ศึกป๋ายเหย่ถามกระบี่ต่อบัลลังก์ราชาที่ฝูเหยาทวีปครานั้นก็เป็นอวี๋เสวียนที่ข้ามทวีปไปช่วยเหลือเพียงลำพัง ภายหลังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรถึงได้รับโชคหลังประสบเคราะห์ ผสานมรรคากับธารดารา คิดไม่ถึงว่ายังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ระหว่างนั้นได้หวนกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง มาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับซากปรักของภูเขาห้อยหัว ยอมให้ตบะของตัวเองถูกผลาญไปอย่างไม่เสียดาย กักขังปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งไว้ด้วยตัวเอง เล่าลือกันว่าอวี๋เสวียนยิ้มเอ่ยกับเทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์เป็นการส่วนตัวว่า ตัวเองคิดเรื่องหนึ่งจนเข้าใจกระจ่างแล้ว การที่กลิ่นอายเซียนบนร่างไม่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ สาเหตุต้องเป็นเพราะขาดพาหนะสำหรับขี่ ทำให้ไม่มีบารมีน่าเกรงขามอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถ่วงรั้งการฝ่าทะลุขอบเขตของอวี๋เสวียนไปอย่างน้อยสามร้อยปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!