กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 752

เสี่ยวหลงชิวได้รับคำสั่งจากบรรพจารย์สำนักเบื้องบนของแผ่นดินกลางจึงมุ่งหน้ามาเพื่อกระจกโบราณที่ยังเหลือท่วงทำนองเต๋าบานนั้น ไม่แน่เสมอไปว่าจะทำสำเร็จ แต่สามารถลองมาเสี่ยงดวงดูได้ หากสามารถถือโอกาสนี้ยึดครองอาณาเขตของภูเขาไท่ผิงมาได้จริง แน่นอนว่าย่อมดียิ่งขึ้นไปอีก อารามจินติ่งเองก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าผู้ฝึกตนของอารามจินติ่งที่วันนี้มาเฝ้าอยู่ที่นี่นับว่าโชคดี ถึงได้ไม่เจอกับเฉินผิงอัน ไม่อย่างนั้นเวลานี้คงมีเทพทวารบาลเพิ่มมาอีกองค์หนึ่งแล้ว อันที่จริงตอนที่เจียงซ่างเจินอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวก็ไม่ยินดีจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตอะไรกับเฉินผิงอันแล้ว ดังนั้นก่อนจะกลับคืนมายังใต้หล้าไพศาลถึงได้เลือกจะเป็นฝ่ายยอมถอยให้ตั้งแต่แรก อันที่จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก เพราะเฉินผิงอันเวลานั้นอาจไม่รู้ชัดว่าเจียงซ่างเจินคนหนึ่งตอแยได้ยากแค่ไหนกันแน่ ส่วนเรื่องราวในภายหลัง เขาเลือกที่จะทำหน้าหนาตามติด ก็ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เพราะเจียงซ่างเจินรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจั่วโย่วและเฉินผิงอันเท่านั้น

ผู้ฝึกตนบนภูเขา หันอวี้ซู่นับว่ายังดีหน่อย อันที่จริงหัวสมองของเขาไม่เลวเลย แต่คนอย่างหันเจี้ยงซู่นี้ ต่อให้เป็นขอบเขตหยกดิบแล้ว ส่วนใหญ่เมื่อรู้ความจริงเรื่องหนึ่งแล้วก็มักจะหยุดอยู่แค่ความกริ่งเกรงที่เฉินผิงอันมีศิษย์พี่นามว่าจั่วโย่วซึ่งเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ท่านหนึ่งเท่านั้น คิดคำนวณน้อยไปหลายก้าว ก็เหมือนพวกนักเล่นหมากล้อมที่ดีแต่จะยกรูปแบบการเล่นที่แน่นอนออกมาจากตำราทั้งชุด ดีกว่าพวกที่ฝีมือเล่นหมากล้อมห่วยแตกอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ยกตัวอย่างเช่นไม่มีใครคิดว่าเหตุใดเฉินผิงอันถึงกลายเป็นศิษย์น้องของจั่วโย่วได้ รวมไปถึงเซียนกระบี่ใหญ่ที่นิสัยแปลกแยกเช่นจั่วโย่วนี้ เหตุใดถึงได้ยินดีจะใช้วิธีการของตัวเขาเองลำเอียงเข้าข้างศิษย์น้องอย่างเฉินผิงอันในทุกเรื่องราวเช่นนั้น

เรื่องราวทางโลกซับซ้อน ความจริงข้อหนึ่งมักจะปกปิดความจริงหลายๆ ข้ออยู่เสมอ

ก็เหมือนอย่างตนเจียงซ่างเจินที่เพียงเพราะเป็นเจ้าสำนักกุยหยก ถึงได้ทำให้เทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์มองเป็นสหายอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่ เป็นเพราะก่อนหน้านี้เจียงซ่างเจินใช้การออกกระบี่เสี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้คุณความชอบที่เอาชีวิตไปแลกมาต่างหาก ดังนั้นเจ้าเด็กเหวยอิ๋งผู้นั้น ต่อให้ได้เป็นเจ้าสำนักไปอีกหนึ่งพันปี ขอแค่เจียงซ่างเจินไม่อยู่บนยอดเขาเสินจ้วน เทียนซือใหญ่ก็ไม่มีทางย่างเท้าไปเหยียบยอดเขาเสินจ้วนอย่างแน่นอน หากเจียงซ่างเจินถูกบีบให้ต้องออกจากสำนักกุยหยก ความรู้สึกที่จวนเทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์มีต่อสำนักกุยหยกก็จะต้องเปลี่ยนจากดีกลายเป็นร้าย โชคดีที่เรื่องเล็กๆ พวกนี้ เหวยอิ๋งล้วนเข้าใจอย่างชัดเจน อีกทั้งยังไม่มีความรู้สึกยอกแสลงใจแม้เพียงน้อย นี่ก็คือสาเหตุที่เจียงซ่างเจินวางใจให้เหวยอิ๋งมารับหน้าที่เจ้าสำนักต่อ

เจียงซ่างเจินพลันยิ้มเอ่ย “หยางผู่ รอวันใดที่เจ้าได้เป็นวิญญูชน หรือไม่ก็ข้ากลับคืนสู่ขอบเขตบินทะยานแล้ว ถึงเวลานั้นมานัดเจ้าขุนเขาเฉิน แล้วพวกเราสามคนก็มาดื่มเหล้าร่วมกันดีๆ สักมื้อดีไหม? เจ้าเป็นคนเลือกสถานที่ จะเป็นที่สำนักต้าฝูก็ไม่เป็นปัญหา”

เจ้าเด็กหนุ่มเซ่อซ่าอย่างหยางผู่ผู้นี้ เมื่อก่อนเจียงซ่างเจินไม่ใคร่จะยินดีพูดจาปราศรัยตามมารยาทกับเขาด้วยซ้ำ อย่างมากสุดก็แค่ไม่ไปรังแกอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เพื่อชิงตำแหน่งผู้ถวายงานอันดับหนึ่งมาครอง อย่าว่าแต่นัดดื่มเหล้ากับหยางผู่เลย ต่อให้ต้องตัดหัวไก่เผากระดาษเหลืองกับหยางผู่ก็ยังได้

หยางผู่ลุกขึ้นคารวะ “ผู้เยาว์ยินดีอย่างถึงที่สุด”

ใครบอกว่าเขาโง่ สามารถรู้จักกับเจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียงและเซียนกระบี่เจ้าขุนเขาเฉินได้ หยางผู่ยังแอบลอบมีความสุขกับตัวเองอยู่เลย

เจียงซ่างเจินนั่งกลับลงไปบนขั้นบันได คงเพราะข้างกายมีบัณฑิตอยู่ด้วย จึงเอ่ยปลงอนิจจังซึ่งถ้อยคำแฝงด้วยกลิ่นอายตำราอย่างที่หาได้ยาก “อ่านตำราให้มาก ไม่ใช่เพื่อให้คนมองเห็นเรื่องราวทางโลกแล้วพูดอย่างสะท้อนใจว่าเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย แต่เพื่อให้คนตื่นรู้ว่าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง อีกทั้งยังต้องยืนหยัดเชื่อมั่นว่าไม่ควรเป็นเช่นนี้ นี่ก็คือคำกล่าวที่ว่าอะไรที่ไม่ควรทำก็จะไม่ทำที่เจ้าขุนเขาเฉินเอ่ยกับเจ้าก่อนหน้านี้ รวมไปถึงเรื่องที่ว่าเหตุใดถึงต้องการให้เจ้าเข้าใจในเรื่องหนึ่ง รู้ว่าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”

หยางผู่ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เบี่ยงตัวหันข้างยืนอยู่บนขั้นบันได ประสานมือคารวะอีกรอบ “ศิษย์ได้รับคำสั่งสอนแล้ว”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “นี่ไม่ใช่หลักการเหตุผลของข้าสักหน่อย จะมาขอบคุณข้าทำไม เจ้าเองก็ตาไม่มีแววเสียจริง ข้าอุตส่าห์เรียกเขาว่าเจ้าขุนเขาแล้ว เจ้ามาประจบข้าจะมีประโยชน์อะไร”

หยางผู่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ชำเลืองตามองกาเหล้าที่ยังมียันต์แปะอยู่ซึ่งวางอยู่บนขั้นบันไดแล้วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นผู้เยาว์ก็รับกาเหล้าไว้แล้ว”

เป็นเด็กที่สั่งสอนได้

เจียงซ่างเจินหัวเราะเสียงก้องกังวาน ทอดสายตามองไปยังทิศไกลอีกครั้ง แต่กลับชูมือขึ้นสูง ยกนิ้วโป้งให้กับบัณฑิตลัทธิขงจื๊อจากสำนักศึกษา

พี่หญิงเจี้ยงซู่ก็ฟื้นคืนสติแล้ว นางยกมือดันตรงหว่างคิ้ว “โจรเฒ่าเจียง เจ้าทำอะไรข้า?!”

เจียงซ่างเจินหัวเราะคิกคัก “พี่หญิงเจี้ยงซู่เรียกข้าว่าโจรน้อยเจียงก็ได้นะ จะได้ฟังดูสนิทสนมกันมากกว่า”

เวลานี้หยางผู่เองก็ปรับตัวจนชินได้แล้ว จึงนั่งเงียบๆ อยู่ข้างกายเจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง จิบเหล้าคำเล็กๆ ดื่มอย่างสบายอารมณ์

เจียงซ่างเจินกล่าว “หากเจ้าจะจากไปก็ไม่มีปัญหา แค่เอ่ยคำสาบานตามวิธีการที่ข้าสอนเจ้า หันเจี้ยงซู่ เจียงซ่างเจินมีนิสัยอย่างไร เจ้ารู้ดี”

หันเจี้ยงซู่เงียบงันไม่เอ่ยคำใด

เจียงซ่างเจินบอกวิถีลับคำสาบานในใจของศาลบรรพจารย์บทหนึ่งให้แก่นาง เป็นวิชาลับของสำนักใบถง

หันเจี้ยงซู่ทำตามที่เขาบอก เพราะการเคลื่อนไหวไม่เป็นอิสระ หันเจี้ยงซู่จึงยังไม่ถึงขั้นคิดจะไปหาเรื่องเจียงซ่างเจินที่มีสีหน้าจริงจัง

เจียงซ่างเจินผายมือข้างหนึ่งออกมา บอกเป็นนัยแก่หันเจี้ยงซู่ว่าเชิญจากไปได้ตามสบาย

เจียงซ่างเจินไม่มีสีหน้าเอ้อระเหยลอยชายเหมือนอย่างที่เคยเป็นอีก เขาลุกขึ้นยืน ใช้เสียงในใจเอ่ยเตือนนาง “เจ้าสำนักหันเองก็บาดเจ็บไม่เบา เมื่อครู่ยังฟังคำโน้มน้าวจากข้า ยอมรับในหลักการเก่าแก่ที่ว่าไม่ตีกันก็ไม่ได้รู้จักกัน ดังนั้นหลังจากเจ้าสำนักหันได้จดหมายลับฉบับนั้นจากสหายของข้าไปแล้วจึงเกิดความคิดกะทันหัน คิดจะไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางในทันที น่าประหลาดใจนัก ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักหันก็มีสหายเก่าที่ร้ายกาจอยู่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางด้วยหรือ? เมื่อครู่คำพูดของเขาถึงได้มีพลังอำนาจไม่เป็นรองสหายที่แนะนำตัวเองของข้าคนนั้นเลย หรือว่าครั้งนี้พื้นที่มงคลสามภูเขาเลือกที่ตั้งเป็นภูเขาไท่ผิง ก็เพราะเบื้องหลังมีต้นไม้ใหญ่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางคอยให้ร่มเงา?”

หันเจี้ยงซู่ขมวดคิ้วน้อยๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แค่นเสียงหยัน พริบตาเดียวก็ดำดินหลบหนีไปหลายร้อยลี้ จากนั้นจึงใช้เวทน้ำแฝงตัวเข้าไปในลำคลองใหญ่สายหนึ่ง สุดท้ายทะยานลมเดินทางไกลตรงจุดที่ห่างไปไกลพันลี้ ต้องรีบหวนกลับไปยังพื้นที่มงคลสามภูเขาที่ทางเข้าตั้งอยู่ตรงมหาสมุทรตะวันออกของใบถงทวีป นางต้องการปรึกษาเรื่องนี้กับบรรพจารย์ทั้งหลายอย่างลับๆ

มองดูเวทคาถาการหลบหนีที่เต็มไปด้วยลวดลายฉูดฉาดพวกนั้นแล้ว เจียงซ่างเจินก็ยื่นมือออกมากุมขมับ พี่หญิงเจี้ยงซู่เริ่มน่ารักอีกแล้ว

ยืนอยู่บนยอดเขาของภูเขาไท่ผิง นอกที่ตั้งเก่าของศาลบรรพจารย์ที่แบนราบเรียบ เฉินผิงอันหยิบธูปออกมาสามดอก เป็นธูปขุนเขาสายน้ำทั้งสามดอก จุดธูปแล้วปล่อยให้ธูปลอยอยู่กลางอากาศ

รอกระทั่งธูปทั้งสามดอกเผาไหม้หมดสิ้น เฉินผิงอันถึงได้หมุนตัวกลับเดินไปยังหน้าผาตรงยอดเขา การมองเห็นพลันเปิดกว้างทันที

ดวงจันทร์บินพ้นเหนือมหาสมุทร กระแสน้ำหวงเหอไหลขึ้นฟ้า ยามทิวาจากบ้านเกิดเดินทางไกล ขุนเขาเขียวอยู่ในบทกวี

ภูเขาไท่ผิงข้าคือผู้ฝึกตนที่แท้จริง ศาลบรรพจารย์สืบทอดต่อควันธูป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!