กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 753

ชุยตงซานที่อันที่จริงไม่ค่อยอยากดื่มเหล้าเท่าไรแล้วพลันเปลี่ยนใจ ไม่เพียงแต่รินเหล้าเต็มจอก ยังขยับก้นมายกจอกเหล้าหันหาเจียงซ่างเจินอีกด้วย

เจียงซ่างเจินประหลาดใจเล็กน้อย ได้แต่เก็บขาลุกขึ้นนั่งดีๆ เขาเองก็ยื่นจอกเหล้าออกไป คิดไม่ถึงว่าจอกเหล้าในมือเด็กหนุ่มชุดขาวจะลดระดับต่ำกว่าเล็กน้อย ไม่รอให้เจียงซ่างเจินขยับจอกเหล้าลงต่ำตาม จอกเหล้าก็กระทบกันเบาๆ เสียแล้ว ชุยตงซานเปลี่ยนจากมือเดียวมาใช้สองมือถือจอกเหล้า เอ่ยประโยคหนึ่งว่าขอดื่มคารวะให้ก่อนหนึ่งจอก จากนั้นก็แหงนหน้ากระดกดื่มจนหมด เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับเบาๆ เขาเองก็ใช้สองมือถือจอกเหล้า ดื่มเหล้าในจอกจนหมดเช่นกัน เป็นเกียรติ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่ด้อยกว่าการที่เทียนซือใหญ่คนปัจจุบันของภูเขามังกรพยัคฆ์หวนกลับมายังยอดเขาเสินจ้วนอีกรอบเลย

ชุยตงซาน หรือควรจะเรียกว่าชุยฉานครึ่งตัว เคยมีครั้งใดที่อยู่บน ‘โต๊ะเหล้า’ แล้วจงใจวางตัวนอบน้อมต่อคนนอกแบบนี้บ้างเล่า?

เจียงซ่างเจินรู้ชัดเจนดีว่าไม่ใช่เพราะเขาเจียงซ่างเจินทุ่มเทเต็มกำลังเพื่อกอบกู้สถานการณ์ให้กับใบถงทวีปอะไร ถึงได้ช่วงชิงสุราคารวะจากชุยตงซานมาเช่นนี้ได้ บอกตามตรง จะให้เปรียบเทียบเรื่องคุณความชอบ? พูดกันแค่ตัวบุคคล ใต้หล้าไพศาลใครเล่าจะทัดเทียมซิ่วหู่ได้? เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว หรือแม้กระทั่งเฉินฉุนอันผู้รอบรู้ ยิ่งแม้กระทั่งกับป๋ายเหย่ ล้วนไม่มีใครสามารถทัดเทียมชุยฉานแห่งต้าหลีได้

ดังนั้นจึงเป็นเพราะตนใช้สถานะของผู้ถวายงานภูเขาลั่วพั่วคบหากับเฉินผิงอัน ถึงได้ทำให้ชุยตงซานที่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าขุนเขาหนุ่มยอมดื่มสุราจอกนี้กับโจวเฝย

ชุยตงซานโยนจอกกระเบื้องใบนั้นทิ้งลงน้ำในแม่น้ำอย่างไม่ใส่ใจ หันหน้าไปมองดวงจันทร์ในน้ำ เด็กหนุ่มชุดขาวก็กลับไปฟุบตัวบนราวระเบียงอีกครั้ง ยกกาเหล้าขึ้น รินเหล้าลงน้ำ พึมพำยิ้มเอ่ย “ไม่กลัวน้ำลึกมังกรเฒ่า เรียกเทพธิดามาดื่มสุราหมัก เทพธิดารังเกียจที่ข้าอายุน้อยเกินไป ข้ารังเกียจที่เทพธิดาตัวสูง รินสุราซานว่านหูลงบนเกล็ดหิมะ ขอเงินอาจารย์ซื้อภูเขา อาจารย์ตำหนิที่ข้าไม่เป็นโล้เป็นพาย ข้าบ่นที่อาจารย์ทำงานยุ่งเกินไป…”

เจียงซ่างเจินเองก็โยนกาเหล้าและจอกสุราทิ้งไปตามอย่างอีกฝ่าย ปัดมือเอ่ยชื่นชม “เป็นบทกลอนที่ดี วันหน้าข้าจะให้คนแกะสลักไว้บนหน้าผาของหาดหินหวงเฮ้อ มันสมควรที่จะมีชื่อเสียงขจรจายไกลนับพันปี”

ชุยตงซานหันหน้ากลับมามอง

เจียงซ่างเจินถามหยั่งเชิง “คำพูดประจบนี้เยอะเกินไปหน่อยหรือ?”

ชุยตงซานย้อนถาม “พี่น้องโจวเฝยเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

เจียงซ่างเจินหัวเราะฮ่าๆ เข้าใจผิดคิดว่าพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาเป็นภูเขาลั่วพั่วไปเสียแล้ว

อยู่ดีๆ ชุยตงซานก็พูดขึ้นมาว่า “พวกคนอย่างหันเจี้ยงซู่ ไต้หยวนนั้น กลับไปถึงภูเขาบ้านตนเอง คาดว่าก็คงถือเป็นยอดฝีมือที่ได้รับความเลื่อมใสอย่างเต็มที่เลยกระมัง”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับ “นั่นมันแน่อยู่แล้ว หันเจี้ยงซู่ย่อมต้องมีบุรุษมากมายที่ชื่นชอบนางจากใจจริง บางทีเพียงแค่การมองอย่างไม่ตั้งใจของนางก็สามารถทำให้เด็กหนุ่มบางคนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่บนเตียง นอนไม่หลับตลอดคืนได้แล้ว ส่วนไต้หยวนเองก็ต้องเป็นบรรพจารย์เซียนดินที่ร้ายกาจไร้ศัตรูทัดเทียมในสายตาของผู้ฝึกตนมากมาย”

ชุยตงซานถามอีกว่า “คนที่ผูกกระบี่เมามายอยู่ใต้ต้นไม้คือลู่ฝ่าง เขาไปยังใต้หล้ามืดสลัวแล้วจริงๆ หรือ?”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เจ้าหมอนี่ติดกับดักของความรัก ให้ตายอย่างไรก็คลายปมในใจไม่ได้”

ชุยตงซานเอ่ย “สหายของเจ้าคนนี้ไม่ค่อยเหมือนกับเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะและหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้าในอดีตสักเท่าไร อันที่จริงเขาสามารถเลียนแบบอู๋ซวงเจี้ยงแห่งตำหนักสุ้ยฉูของใต้หล้ามืดสลัวดูได้”

เจียงซ่างเจินกล่าวอย่างจนใจ “เคยพูดเรื่องนี้กับเขาแล้ว ผลคือเขาคิดอยู่นานเป็นครึ่งๆ วัน แต่ดันตอบกลับมาว่าไหนเลยจะตัดใจได้ลง ทำเอาข้าโมโหแทบตาย”

ชุยตงซานรู้เรื่องวงในดีจึงรู้สึกสมน้ำหน้าอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย กำลังจะเปิดปากพูด เจียงซ่างเจินกลับรีบยกสองมือกุมเป็นหมัด พูดขอร้องว่า “อย่าพูดถึงเรื่องในอดีตเลย ทำลายบรรยากาศนัก ง่ายที่จะทำให้คนหงุดหงิด”

ชุยตงซานกล่าว “สำนักว่านเหยาของหันอวี้ซู่ หากไม่เป็นเพราะมาเจอกับอาจารย์ของข้า แล้วปล่อยให้เขาลุกผงาดไปตามสถานการณ์ได้จริง ก็ถึงขั้นมีโอกาสกลายเป็นสำนักกุยหยกแห่งที่สอง จากนั้นก็สามารถรอคอยโอกาสเหมาะๆ อดทนรอให้สำนักกุยหยกทำความผิด ยกตัวอย่างเช่นทำความผิดคล้ายคลึงกับสำนักใบถง ต่อให้สำนักใบถงที่ง่อนแง่นจะล้มมิล้มแหล่สามารถฟื้นคืนพลังชีวิตกลับมาได้จริง อย่างน้อยที่สุดสำนักว่านเหยาก็สามารถรักษาอันดับที่สามช่วงชิงอันดับที่สองได้กระมัง”

เจียงซ่างเจินสองจิตสองใจ

ตอนนั้นที่ได้กลับมาพบเจอกับเฉินผิงอันที่ภูเขาไท่ผิงอีกครั้ง การที่เจียงซ่างเจินรู้สึกลำบากใจ คำพูดคำจาในทุกเรื่องล้วนออมคำ ราวกับไม่ยินดีจะพูดถึงสถานการณ์อันลุ่มลึกมากมายของใบถงทวีปมากนัก นั่นก็เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างแจกันสมบัติทวีปกับอุตรกุรุทวีปลึกล้ำมาก ดีมาก ถึงขั้นที่ว่าเรื่องส่วนใหญ่ล้วนมีเหตุผลถูกต้องชอบธรรมอย่างถึงที่สุด กองกำลังของทวีปอื่นคิดจะเดินทางลงใต้แทรกซึมเข้ามาในใบถงทวีป ก็เป็นผู้ฝึกตนของสองทวีปนี้ที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมากที่สุด

ผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปก็มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับกำแพงเมืองปราณกระบี่ อีกทั้งเฉินผิงอันยังเป็นอิ่นกวานมานานหลายปี แจกันสมบัติทวีปก็ยิ่งเป็นบ้านเกิดของเฉินผิงอัน

ท่ามกลางสงครามครั้งนั้น การเชื่อมโยงขุนเขาสายน้ำของสองทวีปให้เป็นทวีปเดียวกัน มากพอจะสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับหูตาและจิตใจของคนทั้งสองทวีป หากภาคภูมิใจที่จะบอกว่าตัวเองมีคุณความชอบต่อการเดินทางลงใต้ไปยังใบถงทวีปในทุกวันนี้ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เจ้าประหลาดใจมากใช่ไหมว่าเหตุใดชุยตงซานถึงต้องแอบปกป้องสำนักใบถงอย่างลับๆ ไม่ให้ถูกกองกำลังทั้งในและนอกของทวีปแบ่งสรรปันส่วนกันจนสิ้นด้วยท่าทางราวกับเสือโหยพุ่งเขมือบลูกแกะ?”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับแล้วก็ส่ายหน้า “หากเพื่อประคับประคองกองกำลังที่เป็นดั่งท่าเรือใจกลางของทางทิศใต้ให้กับแจกันสมบัติทวีป นำมาใช้งัดข้อกับสำนักในท้องถิ่นซึ่งรวมถึงสำนักกุยหยกเป็นหนึ่งในนั้น ข้าคงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ที่ข้าแปลกใจจริงๆ ก็คือดูจากการวางแผนของเจ้า…ของใต้เท้าราชครู เห็นได้ชัดว่าหวังให้สำนักใบถงมีโอกาสกลับคืนสู่ยอดเขาภายในเวลาพันปี กลายมาเป็นสำนักที่โชคชะตาเป็นรองแค่สำนักกุยหยกเท่านั้นอีกครั้ง”

ใบถงทวีปแห่งหนึ่ง สภาพการณ์น่าสังเวชจนแทบมิอาจทนมองดูได้

สวินยวนขอบเขตบินทะยานแห่งสำนักกุยหยก ศาลบรรพจารย์สำนักกุยหยก นายท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาภซ่งเซิงถัง หลิวหัวเม่าผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตหยกดิบ…

เจ้าสำนักใบถง ฟู่หลิงชิงเซียนกระบี่ใหญ่ เทียนจวินผู้เฒ่าแห่งภูเขาไท่ผิง ซ่งเหมาเทียนจวินเจ้าภูเขา จีไห่เจ้าสำนักฝูจี…

ล้วนกลายเป็นคนในอดีตไปหมดแล้ว เวลานานผันผ่านไปนานเข้าก็จะกลายเป็นปฏิทินเหลืองในแต่ละหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!