กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 759

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างอ่อนใจ “อาจารย์ข้าจะด่าท่านทำไม ส่วนเรื่องที่ว่าอาจารย์จะหาโอสถวารีที่เหมาะสมได้หรือไม่นั้น ในจดหมายจะต้องมีคำตอบที่แน่ชัดมาให้เหนียงเนียงเทพวารีแน่นอน”

ใบหน้าของเหนียงเนียงเทพวารีเต็มไปด้วยความละอายใจ และยังมีความสงสัยเล็กน้อย

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “อย่าลืมว่าข้าเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์ หากอาจารย์จะด่าท่านจริงๆ ข้าจะช่วยเขียนจดหมายตอบกลับให้ท่านเอง”

ก็ดีเหมือนกัน อยู่ที่กองโหราศาสตร์อันกว้างใหญ่ของต้าเฉวียนนี้ หากช่วงนี้ได้รับจดหมายตอบกลับมาจากทางสวนกงเต๋อจะได้ให้เหนียงเนียงเทพวารีช่วยตอบกลับไปในจดหมายเพิ่มสักสองสามประโยค

ตามคำบอกของเจียงซ่างเจินและชุยตงซานที่ทยอยกันเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ทุกวันนี้อาจารย์อยู่ในสวนกงเต๋อ ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลกมานานหลายปีแล้ว

นางโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกก่อน จากนั้นก็รู้สึกโมโหขุ่นเคือง “ข้ามาครุ่นคิดดูแล้ว อาจารย์น้อยท่านเป็นคนแรกที่มาเป็นแขก จากนั้นก็เป็นอาจารย์จั่วที่ไม่เคยเอ่ยถึงความยากลำบาก สุดท้ายจึงเป็นท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งที่มาเยือนด้วยตัวเอง เหตุใดพวกท่านมาเป็นแขกที่ตำหนักปี้โหยวแต่กลับไม่ยอมกินอาหารมื้อดึกกันเลยล่ะ ทุกวันนี้กลับดีนัก บะหมี่ปลาไหลผัดฉ่าไม่มีแล้ว ข้าอยากจะเลี้ยงอาหารพวกท่านก็ไม่มีปัญญาทำได้แล้ว ตอนนั้นเหล้าบุปผาน้ำถูกข้ากวาดเอามาจนเกลี้ยงจึงไม่เหลืออีกแม้แต่ครึ่งกา คิดจะหมักขึ้นใหม่ก็ยุ่งยากนัก เหล้าที่หมักสามปีห้าปีถือเป็นเหล้าได้ด้วยหรือ? หากไม่เก็บไว้ในห้องใต้ดินสักร้อยปีจะกล้าเรียกว่าสุราเลิศรสที่บ่มมานานได้อย่างไร? จะมีหน้ารับรองอาจารย์น้อยกับท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งได้อย่างไร”

เห็นว่าอาจารย์น้อยเหม่อลอย เหนียงเนียงเทพวารีก็ยิ่งรู้สึกร้อนตัว เอาเถิด ตำหนักปี้โหยวคงจะหลอกเหล่าอาจารย์สายเหวินเซิ่งให้ไปเป็นแขกเพิ่มหน้าเพิ่มตาให้อีกได้ยากแล้ว

เฉินผิงอันคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มเอ่ยว่า “ขอแค่เป็นเหล้าบุปผาน้ำก็พอ จะกี่ปีหรือกี่สิบปีก็ได้ ไม่พิถีพิถันเรื่องนี้ ส่วนบะหมี่ปลาไหลก็ยิ่งไม่เรียกร้อง เหนียงเนียงเทพวารี พวกเรามานั่งลงคุยกันเถิด”

บะหมี่ปลาไหลหนึ่งอ่าง ใส่พริกชี้ฟ้าไปแล้วครึ่งอ่าง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขยับตะเกียบหรอก

นี่พอๆ กับหลักการยามที่ผู้ฝึกลมปราณดื่มสุราบนโต๊ะ บะหมี่ปลาไหลสีแดงเถือกถ้วยเล็กๆ ยังพอทนได้ แต่อ่างหนึ่งจะกินเข้าไปได้ยังไง? จะกินหรือไม่กินดี? กินแล้วกินไม่หมดก็ไม่เหมาะไม่ควร ดังนั้นเพื่อแสดงถึงมารยาทก็ต้องเลือกที่จะไม่ขยับตะเกียบ คือวิธีการที่ฉลาดที่สุดแล้ว

ศิษย์พี่จั่วโย่วไม่ชอบดื่มเหล้า เฉินผิงอันรู้ดี ส่วนเรื่องที่ว่าศิษย์พี่กินเผ็ดไม่ได้แม้แต่น้อย ปีนั้นตอนอยู่ในร้านเหล้าอาจารย์ก็เคยพูดให้ฟังมาก่อน

อาเหลียงเคยกลั่นแกล้ง สั่ง ‘ต้มน้ำใส’ มาให้ศิษย์พี่จั่วโย่วถ้วยหนึ่ง บอกว่าในเมื่อไม่ดื่มเหล้า ถ้าอย่างนั้นก็ซดน้ำต้มแทนเหล้า หากขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมกินก็เกินไปหน่อยจริงๆ

ผลคือจั่วโย่วไม่คิดอะไรมาก ยกเหล้าถ้วยนั้นขึ้นดื่ม แล้วก็ดื่มทีเดียวหมดถ้วยจริงๆ ว่ากันว่าเผ็ดร้อนจนศิษย์พี่จั่วโย่วหน้าแดงก่ำ ถึงกับลุกพรวดยืนกระทืบเท้า ขาดก็แค่ไม่ได้ลงไปกลิ้งกับพื้นเท่านั้น

ดังนั้นปีนั้นศิษย์พี่สามหลิวสือลิ่วจึงไล่ตีอาเหลียงไปหลายถนน

แล้วก็เพราะว่าเป็นตำหนักปี้โหยว หากเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกตนตระกูลเซียนแห่งอื่น กล้ายกบะหมี่ปลาไหลอ่างใหญ่ขนาดนั้นออกมาถามจั่วโย่วว่าจะกินอาหารมื้อดึกหรือไม่

คงถือว่าเป็นการถามกระบี่ที่แท้จริงกับจั่วโย่วครั้งหนึ่งแล้ว

ต่างคนต่างนั่งลง เฉินผิงอันที่ได้เดินทางผ่านราชวงศ์ต้าเฉวียนอีกครั้ง หลิ่วโหรวเทพวารีลำคลองม่ายเหอ เหยาเซียนจือเจ้าเมืองแห่งเมืองหลวง หลิวจงผู้ถวายงานลำดับสูงสุดของต้าเฉวียน เหยาหลิ่งจือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเขา

คนลับมีดหลิวจงมีสีหน้ากระจ่างแจ้งในฉับพลัน เจ้าตัวดี ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเหวินเซิ่งลัทธิขงจื๊อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ศิษย์น้องของเซียนกระบี่ใหญ่จั่วโย่วหรอกหรือ?

ใบถงทวีปแห่งนี้เลื่อมใสบูชาเซียนกระบี่ใหญ่จั่วท่านนี้อย่างสุดจิตสุดใจเลยทีเดียว

ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็อธิบายได้กระจ่างแล้ว สิ่งที่เหวินเซิ่งต้องประสบพบเจอ รวมไปถึงการสูญเสียอำนาจฝ่ายในลัทธิขงจื๊อของสายเหวินเซิ่ง หลิวจงพอจะรู้มาบ้าง หากเฉินผิงอันเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเหวินเซิ่งผู้นั้นจริง เกินครึ่งเจ๋อเซียนเซียนกระบี่เด็กหนุ่มก็น่าจะได้รับการถ่ายทอดเวทกระบี่มาจากเซียนกระบี่ใหญ่จั่วโดยตรง พอไปถึงพื้นที่มงคลก็ยังชอบพร่ำพูดหลักการเหตุผล แต่การวางตัวก็ดีเยี่ยมรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ สามารถสาวเบาะแสจากสถานการณ์วุ่นวายจนพบเจอทางถอยเส้นหนึ่ง เมื่อเทียบกับการกระทำของซิ่วหู่แห่งต้าหลีแล้วก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก บวกกับที่ความเลื่อมใสที่ตำหนักปี้โหยวมีต่อความรู้ของสายเหวินเซิ่ง เหนียงเนียงเทพวารีสนิทสนมกับเฉินผิงอันถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งสมเหตุสมผลเข้าไปใหญ่

เหยาเซียนจือกับเหยาหลิ่งจือมองหน้ากันไปมา

ลูกศิษย์เหวินเซิ่ง? แล้วยังเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายด้วย?

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินผิงอันก็คือศิษย์น้องของซิ่วหู่ชุยฉานและเซียนกระบี่จั่วโย่วหรอกหรือ?

เหยาหลิ่งจืออดไม่ไหวมองบุรุษหนุ่มที่สวมชุดเขียวปักปิ่นหยกบนมวยผมอีกหลายที คล้ายไม่ค่อยกล้าเชื่อสักเท่าไร

เฉินผิงอันเอ่ยกับสองพี่น้องว่า “เกี่ยวกับตัวตนของข้า นอกจากท่านปู่เหยาแล้ว ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็จำไว้ว่าช่วยเก็บเป็นความลับให้ข้าก่อนชั่วคราว”

เหยาเซียนจือกำลังจะพูดหยอกล้อ เหยาหลิ่งจือกลับกระทืบหลังเท้าเขาหนึ่งที เอ่ยเสียงจริงจังว่า “คุณชายเฉินวางใจได้เลย ต่อให้เป็นพี่หญิง พวกเราก็จะยังปิดปากให้สนิท”

หลิวจงพยักหน้า ค่อนข้างพึงพอใจ ลูกศิษย์เปิดขุนเขาที่ตนรับมาผู้นี้ อันที่จริงอยู่ในใต้หล้าไพศาล คุณสมบัติในการเรียนวรยุทธไม่ถือว่าน่าตะลึงมากนัก แต่ในเรื่องของความรู้สึกผู้คนเรื่องราวทางโลก นางกลับผ่านการขัดเกลามาอย่างดีเยี่ยม

เมื่ออยู่ในสถานที่ที่จอแจเก็บปาก เมื่อถึงยามที่เงียบสงบเก็บใจ

ก็คือการฝึกตน ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์มรรคาเป็นอมตะของผู้ฝึกลมปราณ หรือการฝึกหมัดเดินขึ้นสู่ที่สูงของผู้ฝึกยุทธ เส้นทางใต้ฝ่าเท้าแตกต่างกัน ทว่าหลักการกลับเหมือนกัน

เฉินผิงอันมองเหยาหลิ่งจือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!