กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 759

สรุปบท บทที่ 759.4 เดินทางยามค่ำคืน: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 759.4 เดินทางยามค่ำคืน – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 759.4 เดินทางยามค่ำคืน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องที่พื้นที่มงคลดอกบัวแบ่งหนึ่งออกเป็นสี่ แล้วเฉินผิงอันถึงกับได้ครอบครองส่วนหนึ่งในนั้น หลิวจงไม่คิดจะสืบเสาะซักไซ้ เหตุใดเจ้าอารามผู้เฒ่าถึงทำเช่นนี้ แล้วเฉินผิงอันได้ไปครองได้อย่างไร ล้วนไม่มีอะไรให้ต้องคิดเล็กคิดน้อย ผู้เฒ่าเพียงแค่อดรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดขึ้นมาไม่ได้

ยามที่ทั้งสองฝ่ายพูดถึงเจ้าอารามผู้เฒ่าต่างก็เงียบงันไปครู่หนึ่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่มีใครวิจารณ์ ‘เทพเทวดา’ ของพื้นที่มงคลดอกบัวผู้นี้ง่ายๆ

ยิ่งหลิวจงได้กระโดดออกมาจาก ‘บ่อน้ำ’ บ่อนั้นแล้วได้สัมผัสกับฟ้าดินที่กว้างใหญ่ไพศาลของใต้หล้าไพศาล ความกริ่งเกรงที่มีต่อเจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น บวกกับที่สุดท้ายแล้วเขาเลือกจะลงหลักปักฐานอยู่ที่ต้าเฉวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลิวจงได้เห็นภาพแขวนของใครบางคนในวัดไท่เมี่ยว ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันคนละโลก

ต่งไห่เจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามกวานเต๋าผู้นี้ทำให้เฉินผิงอันทั้งยอมรับนับถือจากใจจริง ทั้งรู้สึกหวาดผวาไม่คลาย ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เพราะเจ้าอารามผู้เฒ่าเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่เท่านั้น

คำว่า ‘เคารพยำเกรง’ นี้เป็นคำที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก ประเด็นสำคัญคือเคารพอยู่ด้านหน้า ยำเกรงอยู่ด้านหลัง ก็ยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าแค่สองคำก็บรรยายจิตใจคนได้หมดสิ้น

เฉินผิงอันพลันยิ้มเอ่ย “พี่ใหญ่หลิวขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็จะได้เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลแล้ว พวกเราสองคนจะมีโอกาสได้ประลองวิชามีดกันบ้างไหม?”

เหยาหลิ่งจือยังคงสงสัยไม่คลาย อาจารย์ของตนเป็นมือมีดที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งหรือ? การลงมือของอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีศัตรูให้ถอยร่นในวังหลวงหรือการเข่นฆ่านอกเมืองหลวงครั้งนั้นก็ล้วนใช้วิถีหมัดควบทั้งหมัดสายในและหมัดสายนอกมาโดยตลอด ไม่เคยใช้อาวุธใดๆ ในการรับมือกับศัตรู

เมื่อปีก่อนเคยมีคนชุดดำจากเป่ยจิ้นคนหนึ่งแฝงตัวเข้ามาในวังหลวง หมายจะลอบสังหาร ขอบเขตวิถีวรยุทธสูงอย่างถึงที่สุด มากพอจะทะยานลมเดินทางไกลได้ ทำให้แรกเริ่มเหยาหลิ่งจือเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกลมปราณ ผลคือพอประชิดตัวถึงได้ชักดาบออกจากฝัก ถูกหมัดหนึ่งของอีกฝ่ายต่อยให้อวัยวะภายในบาดเจ็บ ล้มลงแล้วลุกไม่ขึ้นอีก ยังคงเป็นอาจารย์ที่ขัดขวางอีกฝ่ายเอาไว้ บีบให้อีกฝ่ายเรียกเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารเม็ดหนึ่งออกมา สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวานไว้บนร่าง แม้ว่าจะต่างกันหนึ่งขอบเขต แต่กระนั้นก็ยังต่อสู้กันได้อย่างสูสี อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีคนคอยรอรับ ถึงได้ถอยออกจากวังหลวงไปได้

หลิวจงมีสีหน้าแจ่มใสเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา “น้องเฉินหันมาเล่นมีดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

คนลับมีดผู้นี้มีอาวุธเหมาะมือก็คือมีดเลาะกระดูก ปีนั้นดูเหมือนว่าศึกที่ประลองกับเซียนกระบี่อวี๋เจินอี้จะทำให้มีดเลาะกระดูกเสียหายอย่างหนัก ถูกกระบี่หลิวหลีสมบัติตกทอดตระกูลเซียนเล่มหนึ่งกระแทกจนบิ่นแตกไปหลายจุด

ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ หลิวจงจึงใช้สองมือรับมือกับศัตรูอยู่ตลอดเวลา ตัดใจเอามีดเลาะกระดูกที่มีชีวิตพึ่งพากันออกมาไม่ลง เพราะถึงอย่างไรใต้หล้าไพศาลก็แตกต่างจากพื้นที่มงคลดอกบัว วัตถุวิเศษและสมบัติอาคมบนภูเขามีมากเกินไป วิชาตระกูลเซียนก็ยิ่งแปลกประหลาด หากไม่ทันระวังก็อาจจะสูญเสียเจ้าเพื่อนยากไปอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้

ตอนนั้นที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองของเมืองหลวงหนันเยวี่ยน ได้ยินเสียงกลองสวรรค์ คนที่ได้บินทะยาน หลิวจงคนลับมีด กายเนื้อถูกทิ้งไว้ที่พื้นที่มงคลดอกบัว เมื่อมาเยือนใบถงทวีปก็ได้เปลี่ยนเนื้อหนังมังสาใหม่ ทุกวันนี้ยังคงมีลักษณะเป็นผู้เฒ่าอยู่เหมือนเดิม แต่แท้จริงแล้วกลับมีรูปโฉมคล้ายคลึงกับอดีตฮ่องเต้ท่านหนึ่งของสกุลหลิวต้าเฉวียนหลายส่วน และลูกหลานเชื้อพระวงศ์สกุลหลิวก็ขึ้นชื่อว่ารูปงาม นับจากอดีตฮ่องเต้หลิวเจินจนมาถึงองค์ชายสามหลิวฉงเป็นหนึ่งในนั้น ล้วนถือเป็นบุรุษรูปงามที่ได้รับการยอมรับโดยคนทั่วไป

คอขวดของขอบเขตร่างทองนั้นยากจะฝ่าไปได้ ไม่ใช่ว่าคุณสมบัติบนวิถีวรยุทธของหลิวจงไม่ดี จึงได้แต่หยุดอยู่ที่ขอบเขตร่างทอง ไม่อาจพลิกแผ่นดินเดินทางไกลได้ แต่เป็นเพราะเรือนกายใหม่ที่อารามกวานเต๋ามอบให้แข็งแกร่งเกินไป

หลิวจงปิดบังชื่อแซ่อยู่ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน รูปโฉมตอนที่เป็นเถ้าแก่ร้านริมลำคลองมีเส้นผมบางเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยับย่น หากไม่ยิ้มก็ยังดีหน่อย แต่พอยิ้มขึ้นมาก็ราวกับตาแก่ขึ้นคานหื่นกามคนหนึ่ง ตอนที่เป็นหนุ่ม รูปโฉมก็ไม่ได้ดีกว่าตอนแก่ไปยังไง

ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่หลิวจงบอกว่าตอนที่ตัวเองเป็นหนุ่มมีมาดสง่างามไม่ต่างจากเซียนกระบี่เฉิน ต่อให้เฉินผิงอันจะไม่ถือสาเรื่องรูปโฉมของตัวเองมากแค่ไหน ก็ยังคร้านจะเอ่ยคล้อยตามจริงๆ ออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก ท่องอยู่ในยุทธภพ ถึงอย่างไรก็ควรต้องปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจ

เฉินผิงอันกล่าว “เมื่อหลายปีก่อนไม่มีอะไรทำ พอดีกับที่ได้รับกริชระดับขั้นไม่เลวมาสองเล่ม หวนนึกถึงการเข่นฆ่าในบ้านเกิดของพี่ใหญ่หลิวปีนั้น จึงฝึกซ้อมมาค่อนข้างเยอะ ถือว่าพอจะคุ้นมือบ้างแล้ว นอกจากวิชามีดสั้นประชิดตัวของพี่ใหญ่หลิวแล้ว อันที่จริงพายุลมกรดในชายแขนเสื้อของอวี๋เจินอี้ หมัดพังทลายของอาจารย์จ้ง ดรรชนีกระบี่ของเรือนจิ้งซิน การควงหอกของเฉิงหยวนซาน ล้วนถูกข้าเอามาตุ๋นรวมในหม้อเดียวกันหมดแล้ว ทุกอย่างล้วนผสมผสานอยู่ในวิชามีด ดังนั้นวันนี้ถึงได้กล้าเอ่ยประโยคประลองฝีมือต่อหน้าปรมาจารย์วิชามีดอย่างพี่ใหญ่หลิวอย่างไรล่ะ”

หลิวจงถูมือ “แบบนี้จะดีหรือ พี่ใหญ่อย่างข้าไม่ได้เล่นมีดมานานหลายปีแล้ว กลัวว่าจะไม่คุ้นชินแล้วจะทำให้น้องเฉินขบขันเอาได้”

หลิวจงกลัวก็แต่ว่าตัวเองต้องขายหน้าต่อหน้าลูกศิษย์ผู้สืบทอด เพราะถึงอย่างไรหมัดก็กลัวคนอายุน้อยแข็งแรงนี่นะ หากเจ้ามาข้าไป ทั้งสองฝ่ายประมือกันไปแล้วหลายสิบกระบวนท่า ใครแพ้ใครชนะ เกียรติยศหน้าตาก็ยังต้องรักษาเอาไว้บ้าง หากเซียนกระบี่เฉินฝึกวิชามีดแค่ไม่กี่วัน ลงมือไม่รู้จักหนักเบาขึ้นมา การถามหมัดประลองมีดที่เดิมทีควรจะหยุดเมื่อพอสมควร แต่ดันกลายเป็นว่าเฉินผิงอันอายุน้อยอารมณ์พลุ่งพล่าน เห็นตนเป็นเหมือนติงอิงขึ้นมา หลิวจงก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะมีโอกาสชนะแม้แต่น้อย

เฉินผิงอันส่ายหน้า “แค่ขอความรู้วิชาหมัดจากพี่ใหญ่หลิวเท่านั้น อันที่จริงที่พูดว่าประลองอะไรนั่นล้วนเป็นข้าที่ประมาทไปเอง”

ผู้เฒ่าชำเลืองตามองดาบพกของเหยาหลิ่งจือผู้เป็นลูกศิษย์แวบหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของการประลองฝีมือ เขารู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้างจริงๆ เดิมทีหลิวจงก็เป็นคนลุ่มหลงในวรยุทธอยู่แล้ว อีกทั้งการต่อสู้ในปีนั้นเคยประมือกับเฉินผิงอันมาก่อน ยังไม่สาแก่ใจมากพอ เสมอกัน ถือว่าเสมอกัน

หลังจากนั้นก็ยิ่งถูกอวี๋เจินอี้ที่ฝึกวิชาตระกูลเซียนตามติดมารังแก ทำให้หลิวจงยิ่งอัดอั้นตันใจมากกว่าเดิม

ดาบพกเล่มนี้ของเหยาหลิ่งจือผู้เป็นลูกศิษย์มีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่มาก ด้ามมีดทำมาจากไม้ ด้านนอกห่อหุ้มไว้ด้วยด้ายสีเหลืองสด ตรงที่จับปกป้องมือเป็นลายดอกไม้สีทองชุบด้วยทองแดง น้ำหนักหนักมาก ตรงด้ามดาบฝังเลื่อมปะการังสีแดงสดและหินชิงจินไว้เต็มไปหมด ฝักดาบก็ทำมาจากไม้เช่นกัน หุ้มด้วยหนังปลาฉลามสีเขียวหนึ่งชั้น รัดห่วงทองชุบทองแดงสองชั้น ล้วนเป็นฝีมือของหน่วยการผลิตต้าเฉวียนที่ทำเพิ่มให้ในภายหลัง

‘หมิงเฉวียน’ (น้ำพุที่มีชื่อเสียง) ที่ถูกเก็บอยู่ในคลังสมบัติของต้าเฉวียนมาสองร้อยปีเล่มนี้ แม้จะบอกว่าชื่อฟังดูแล้วเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของทองแดงอยู่บ้าง แต่กลับมีระดับเป็นสมบัติอาคมของแท้แน่นอน เคยถูกฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นของสกุลหลิวนำมาสังหารฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์ก่อนกับมือตัวเอง ดังนั้นจึงมีโชคชะตาบู๊ของต้าเฉวียนส่วนหนึ่งรวมถึงปราณมังกรที่หนักมากซุกซ่อนอยู่ด้านในอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะใช้รับมือกับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวหรือเซียนซือบนภูเขาก็ไม่มีทางเสียเปรียบอาวุธใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำมาใช้สยบกำราบภูตแห่งป่าเขาและพวกผีวิญญาณวัตถุหยินก็ยิ่งมีพลานุภาพสูงมาก

เหนียงเนียงเทพวารีลำคลองม่ายเหอจึงเตรียมจะลุกขึ้นขอตัวลาเช่นกัน อันที่จริงตอนอยู่ที่กองโหราศาสตร์ของเมืองหลวง นอกจากหลิ่วโหรวจะรอคอยจดหมายตอบกลับจากท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งแล้ว นางยังมีธุระสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือนางจะต้องเป็นคนหลอมคูคลองพิทักษ์เมืองสายหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับค่ายกลภูเขาสายน้ำของนครเซิ่นจิ่ง เพราะถึงอย่างไรหลิ่วโหลวก็เป็นเทพวารีอันดับหนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องของราชวงศ์ต้าเฉวียน ในทำเนียบขุนเขาสายน้ำของกรมพิธีการแห่งแคว้นจึงไม่เป็นรองให้กับซานจวินใหญ่ห้าขุนเขาแล้ว

เฉินผิงอันลุกขึ้นตาม บอกว่าจะเดินไปส่งเหนียงเนียงเทพวารี

หลิ่วโหรวใช้ความคิดเล็กน้อยก็เข้าใจได้ เรื่องบางอย่างไม่เหมาะจะพูดเวลาที่มีคนอยู่เยอะจริงๆ

ดังนั้นพอเดินออกมาจากในเรือน นางก็ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “อาจารย์น้อย อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เรื่องของการขอฝนอะไรนั่น เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่อันที่จริงข้าทำอย่างขอไปทีเท่านั้น ถึงอย่างไรเมื่อก่อนราชสำนักพูดอย่างไรทำอย่างไร วันหน้าก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แต่เรื่องของการขอลูกที่ศาลของข้าน่ะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะ ตัวข้าเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีความสามารถนี้ แต่สรุปก็คือสามคำเท่านั้น ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก! อาจารย์น้อย? หืม?”

เฉินผิงอันหมดคำพูดจะเอ่ย

เหนียงเนียงเทพวารีหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ตนนี่ช่างฉลาดเฉลียวจริงเชียว นางเขย่งปลายเท้า เอ๊ะ? อาจารย์น้อยตัวสูงเร็วขนาดนี้เชียวหรือ ได้แต่รีบใช้ปลายเท้ายันพื้นดิน ถึงตบไหล่ของอาจารย์น้อยได้ เรื่องที่บอกว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดอะไรนั่นไสหัวไปให้ไกลเถิด นางพูดต่ออีกว่า “วางใจเถอะ คราวหน้าที่ไปจุดธูปที่ศาล อาจารย์น้อยแค่บอกกล่าวกับข้าก่อนก็พอ ข้าจะต้องให้ความสำคัญจริงจังมากแน่นอน อย่าว่าแต่แสดงความศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ต่อให้ต้องโขกหัวพร้อมกับอาจารย์น้อยยังไม่เป็นปัญหา อาจารย์น้อยท่านไม่รู้อะไร ทุกวันนี้ที่ศาลได้สร้างเทวรูปร่างทองขึ้นมาใหม่แล้ว องอาจสง่างามนัก แค่คำเดียวเท่านั้น งาม…”

เฉินผิงอันได้แต่ตัดบทคำพูดของเหนียงเนียงเทพวารีท่านนี้ พูดอธิบายว่า “ไม่ได้ขอเรื่องนี้ ข้าอยากพูดถึงเรื่องคาถาที่บันทึกไว้ในแผ่นหยกแผ่นนั้น”

หลิ่วโหรวถามอย่างสงสัย “เกิดปัญหาบนเส้นทางการฝึกตนหรือ?”

นางกระทืบเท้าหนึ่งที “มารดาเจ้าราชามังกรเฒ่าลำน้ำใหญ่ตนนั้นเถอะ ตายๆ ไปให้จบเรื่องดีๆ ก็ไม่ได้ ยังจะต้องทิ้งแผ่นหยกแผ่นนั้นไว้ทำร้ายผู้อื่น ภายหลังอะไรที่ควรมาดันไม่มา ดันทิ้งแผ่นป้ายจารึกคำขอฝนเอาไว้ให้คนอื่นอีก…อาจารย์น้อยท่านวางใจเถอะ ดูท่าคงเป็นข้าที่หวังดีทำเรื่องร้ายเสียแล้ว แต่ข้าไม่ใช่คนที่ชอบผลักภาระความรับผิดชอบ หากมีโรคร้ายอะไรทิ้งไว้แม้เพียงน้อย ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบให้เอง ต่อให้ข้าทุบหม้อขายเหล็กแล้วก็ยังชดใช้ไม่หมด ข้าก็จะลงนามทำสัญญายืมหนี้กับท่านก่อน…ฮ่าๆ สัญญายืมหนี้เขียนได้ตามสบาย แต่อาจารย์น้อยห้ามเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งฟังเด็ดขาดเชียวนะ…”

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยอย่างอ่อนใจ “ไม่ใช่เรื่องนี้เหมือนกัน เหนียงเนียงเทพวารี ไม่สู้ท่านค่อยๆ ฟังข้าพูดให้จบก่อนดีไหม?”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!