กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 762

ยามสนธยาที่ดวงตะวันกำลังตกดิน เฉินผิงอันจับประคองงอบ ยกมือขึ้น หยุดค้างอยู่เนิ่นนานกว่าจะเคาะประตูเบาๆ

คนที่มาเปิดประตูไม่ใช่หญิงชราที่เขาคุ้นเคย แต่เป็นหยางหว่าง ข้างกายมีภรรยาติดตามมาด้วย

เฉินผิงอันยกมือกดงอบลง

หยางหว่างกำลังจะเอ่ยพูด ภรรยากลับกำชายแขนเสื้อของเขาไว้แน่น หยางหว่างจึงไม่เอ่ยอะไร

เฉินผิงอันปลดงอบลงอย่างว่องไว ยิ้มเอ่ยว่า “พี่ใหญ่หยาง พี่สะใภ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

เข้ามาในบ้าน เฉินผิงอันปิดประตูลงเองอย่างเป็นธรรมชาติ พอหมุนตัวกลับมาก็เอ่ยเบาๆ ว่า “หลายปีมานี้ออกเดินทางไกล ไกลมากๆ เพิ่งจะกลับมา”

หยางหว่างถอนหายใจ พยักหน้ารับ “มิน่าเล่า”

อิงอิงภรรยาผู้มีเรือนกายเป็นภูตผีกระทืบหลังเท้าของสามีที่เปิดปากไม่สู้หุบปากหนักๆ หนึ่งที

อิงอิงยิ้มกล่าว “ข้าจะไปเอาเหล้า พวกท่านดื่มกันไปก่อน จากนั้นข้าจะช่วยไปทำกับแกล้มให้พวกท่านสักสองสามจาน”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “หากไม่ถือสา เดี๋ยวข้าทำกับข้าวเองก็ได้ ฝีมือทำอาหารนับว่ายังพอใช้ได้”

หยางหว่างพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ไหนเลยจะมีเหตุผลเช่นนี้ ไม่เชื่อฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้เจ้าหรือ?”

อิงอิงแอบเหยียบเท้าสามี คราวนี้ยังบิดปลายเท้าหนักๆ ด้วยหนึ่งที หยางหว่างจึงรู้ว่าตัวเองพูดผิดอีกแล้ว

คนต่างถิ่นคนหนึ่ง ผีชางตนหนึ่งและผีสาวอีกตนหนึ่ง เจ้าบ้านและแขกสามคนไปที่ห้องครัวด้วยกัน เฉินผิงอันเริ่มก่อไฟอย่างคุ้นเคย หยิบม้านั่งตัวเล็กมาอย่างคุ้นชิน ใช้กระบอกเป่าไฟด้วยความเคยคุ้น อิงอิงไปหยิบเหล้าที่ตัวเองหมักเองนานปีแล้วปีเล่ามาสองสามกา หยางหว่างไม่สะดวกจะดื่มเองก่อน ด้วยเพราะอยู่ว่างไม่มีอะไรทำก็เลยยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว หลังจากโดนภรรยาเหยียบเท้าไปสองทีก็ไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดอะไรอีก

เฉินผิงอันนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็ก ในมือถือกระบอกเป่าไฟ หันหน้ามาถามว่า “พี่ใหญ่หยาง หมัวมัวผู้เฒ่าจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?”

หยางหว่างเอ่ย “หลายปีแล้ว แต่ก็ยังดี นอกจากเอาแต่พะวงถึงว่าทำไมเจ้าถึงไม่มาหาสักทีก็ไม่มีเรื่องอะไรให้เป็นห่วงอีก ก่อนจะจากไปยังกำชับข้ากับอิงอิงว่าอย่าลืมหมักเหล้าไว้ทุกปี กลัวว่าวันใดเจ้ามาหาแล้วจะมีไม่พอดื่ม”

เฉินผิงอันเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นตอนกลับข้าจะเอาเหล้ากลับไปมากๆ หน่อย”

หยางหว่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “อย่าคิดมาก ทุกอย่างล้วนยังดี”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยขออภัยว่า “ให้พี่สะใภ้ทำกับข้าวดีกว่า ข้าจะไปจุดธูปที่หลุมศพของหมัวมัวผู้เฒ่าสักหน่อย”

หลุมศพเล็กอยู่ห่างจากเรือนไม่ไกลและไม่ใกล้ ปีนั้นหญิงชราเคยบอกว่าอยู่ห่างไกลเกินไปก็อาลัยอาวรณ์ อยู่ใกล้เกินไปก็จะเป็นการละเมิดกฎ

ตรงหลุมศพที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวแห่งนั้น เฉินผิงอันปักธูปสามดอก กระทั่งวันนี้ได้มองเห็นป้ายหน้าหลุมศพถึงได้รู้ว่าชื่อของหมัวมัวผู้เฒ่าไม่ดีและไม่ร้าย

เดิมทีหยางหว่างยังเป็นห่วงเฉินผิงอัน ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็เหมือนอย่างที่หยางหว่างพูดเองก่อนหน้านี้ ทุกอย่างล้วนยังดี

กลับไปถึงบ้าน บนโต๊ะยังคงเป็นถ้วยขาว ไม่ต้องมีจอกเหล้า เฉินผิงอันดื่มเหล้าไม่เร็วเหมือนเดิม หยางหว่างเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุให้ใครดื่มเหล้าหรือชอบดื่มคารวะผู้อื่น แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ดื่มกันไปไม่น้อย อิงอิงที่ปกติไม่ดื่มเหล้าก็นั่งอยู่ด้านข้าง ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนพวกเขาไปหนึ่งชาม

เฉินผิงอันจิบเหล้าคำเล็กพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับหยางหว่างไปด้วย ถามถึงเรื่องของเจ้าเมืองหลิวและหลิวเกาหวา ที่แท้ใต้เท้าหลิวที่รับหน้าที่เป็นผู้ว่าชิงโจวก็ก้าวเดินบนเส้นทางขุนนางได้อย่างราบรื่น ก่อนหน้านี้ยังได้เป็นถึงเจ้ากรมครัวเรือนของแคว้นไฉ่อี ทุกวันนี้ได้ลาออกจากตำแหน่งกลับคืนบ้านเกิดแล้ว หลิวเกาหวาเจ้าหมอนี่เองก็ตรากตรำจนสอบติดเป็นถงจิ้นซื่อ ทว่าภายหลังเส้นทางขุนนางไม่ราบรื่น จึงลาออกจากการเป็นขุนนางแล้วไปท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำเสียเลย รอกระทั่งเกิดสงคราม เขากลับอาศัยร่มเงาบรรพบุรุษเป็นฝ่ายไปรับหน้าที่ในกรมกลาโหมของแคว้นไฉ่อี ภายหลังก็ยิ่งรับหน้าที่ในที่ว่าการหกกรมของเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลี ตำแหน่งขุนนางไม่ใหญ่ ทว่าหากอิงตามหลักทั่วไปแล้ว ขุนนางขั้นหกคนหนึ่งของราชวงศ์ต้าหลีก็เท่ากับเป็นขุนนางใหญ่ขั้นสามของแคว้นใต้อาณัติได้แล้ว เมื่อหลายปีก่อนเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิวคิดอยากจะให้หลิวเกาหวากลับมารับตำแหน่งในราชสำนักแคว้นไฉ่อีอยู่ตลอด ไปเป็นรองเจ้ากรมที่กรมครัวเรือนก่อน ไม่ต้องพูดถึงว่าจะตอบแทนบุญคุณมาตุภูมิราชสำนักบ้านเกิดอะไร จะดีจะชั่วก็ช่วงชิงชื่อเสียงอันดีในวงการขุนนางอย่างเช่นว่าหนึ่งตระกูลสองบิดาและบุตรต่างก็ได้เป็นเจ้ากรมมาได้ เพียงแต่ว่าให้ตายอย่างไรหลิวเกาหวาก็ไม่ยินดี นี่ทำให้เจ้ากรมผู้เฒ่าโมโหไม่น้อย ส่วนบุตรสาวคนโตของเจ้ากรมผู้เฒ่า แม่นางแก่ที่อายุไม่น้อยได้แต่งงานกับบัณฑิตยากจนคนหนึ่ง ส่วนหลิวเกาซินบุตรสาวคนเล็กก็โชคร้ายไปสักหน่อย ปีนั้นได้กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักโองการเทพ แต่น่าเสียดายที่สะพานแห่งความเป็นอมตะเกือบจะถูกสะบั้นขาดในสงครามใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะมีคุณความชอบจึงรักษาสถานะลูกศิษย์ผู้สืบทอดเอาไว้ได้ หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้วก็ลงจากภูเขาเตรียมจะกลับมาบ้าน แม้ว่าขอบเขตจะถดถอยอย่างหนัก อายุน้อยๆ เส้นผมก็ขาวโพลนเต็มศีรษะแล้ว ทว่าก็ยังได้รับตำแหน่งผู้ถวายงานของแคว้นไฉ่อี…

เฉินผิงอันล้วนจดจำทุกอย่างเอาไว้

ไม่รู้ว่าเหตุใด พอพูดถึงหลิวเกาซิน ก็พูดไปถึงตัวของหยางหว่างเองที่มีชาติกำเนิดจากทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักโองการเทพเช่นกัน จากนั้นก็พูดคุยกันไปถึงรูปโฉมของหมัวมัวเฒ่าตอนที่ยังเป็นสาวแรกรุ่นโดยบังเอิญ

เฉินผิงอันคิดแล้วสีหน้าก็พลันกระจ่างแจ้ง คิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย

เหล้ามื้อนี้ดื่มกันไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม เฉินผิงอันไม่เมา หยางหว่างที่อันที่จริงดื่มเหล้าไม่มากเท่าเขากลับเมาพับไปแล้ว

คืนนี้เฉินผิงอันไปพักอยู่ในห้องที่คุ้นเคยหลายชั่วยาม ครึ่งคืนหลังเขาลุกขึ้นจากเตียงสวมรองเท้า มานั่งลงบนราวระเบียงแห่งหนึ่ง มือสองข้างสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ เหม่อมองหลังคาสี่เหลี่ยมเปิดอ้าอย่างเหม่อลอย ก้อนเมฆมารวมตัวกันแล้วแยกย้าย บางครั้งพอดึงสายตากลับไปมองทางระเบียงก็ราวกับว่าหากไม่ทันสังเกตก็จะมีตะเกียงดวงหนึ่งเคลื่อนหน้ามาหา

ยามเช้าตรู่เฉินผิงอันกลับมาที่ห้อง สะพายกระบี่สวมงอบ ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่บรรจุเหล้าไว้จนเต็ม แล้วยังพกเหล้าไปอีกหลายกา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!