กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 763

เฉินผิงอันพยักหน้า “อันที่จริงข้ารู้จักกับหลิ่วชิงเฟิงมานานแล้ว เป็นคนลงมือทำงานอย่างเป็นรูปธรรม ร้ายกาจอย่างมาก เดินไปบนเส้นทางของการควบกันระหว่างคุณธรรมแห่งอริยะและความเผด็จการของราชา ไม่มีปณิธานของบัณฑิตแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ว่าในช่วงเวลาส่วนใหญ่ไม่คล้ายลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อเลยด้วยซ้ำ หากหลิ่วชิงเฟิงเป็นผู้ฝึกตน จ้าวเหยาก็คงไม่มีโอกาสจะได้เป็นราชครูสักเท่าไร อันที่จริงความคิดเห็นหลายๆ อย่างของบัณฑิตมักจะกว้างใหญ่เลื่อนลอยเกินไป ไม่มีบันไดให้เดินไปทีละก้าว สองมือว่างเปล่า ไม่อาจประคับประคองความคิดจินตนาการอันล้ำเลิศบางอย่างได้ แต่หลิ่วชิวเฟิงกลับไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย เขาเชี่ยวชาญด้านการสร้างสถานการณ์ ถึงขั้นไม่ใช่การฉกฉวยสถานการณ์ด้วยซ้ำ ปีนั้นตอนที่ข้ายังออกจากคฤหาสน์หลบร้อนไปเยือนเรือนชุนฟานของภูเขาห้อยหัวได้ เคยตั้งใจสังเกตเรื่องราวในวงการขุนนางของหลิ่วชิงเฟิงโดยเฉพาะ”

เจียงซ่างเจินถอนหายใจ “บัณฑิตที่ถูกเจ้าชมเชยถึงขนาดนี้ได้ ต้องร้ายกาจแน่นอน”

การประลองหมากล้อมในศาลายังคงดำเนินต่อไป นักพรตหญิงของอารามชิงเหมยเล่นหมากล้อมกับผู้ฝึกตนหญิงของพรรคชิงหลิงพลางใช้เสียงในใจเล่าถึงความเป็นเจ้าบุญทุ่มของ ‘โจวเซินฉิง’ และความสัมพันธ์ควันธูปที่เขามีต่ออารามชิงเหมยไปด้วย ทำเอาฝ่ายหลังที่ได้ฟังจิตวิญญาณสั่นไหว นึกไม่ถึงว่าบนโลกจะมีผู้ฝึกตนใหญ่ที่ใช้จ่ายเงินเทพเซียนดั่งเงินขาวทั่วไปเช่นนี้อยู่ด้วย? คงไม่ใช่เทพเซียนพสุธาที่ขอบเขตสูงเข้าไปในชั้นเมฆหรอกกระมัง?

พวกเฉินผิงอันออกมาจากภูเขาของพรรคชิงหลิงทั้งอย่างนี้ ก่อนจะลงมาจากภูเขา เฉินผิงอันควักเงินเกล็ดหิมะออกมาสิบเหรียญ ซื้อหลิงจือหยกเขียวมาสองชิ้น พอไปถึงตีนเขาก็มอบให้สวีหย่วนเสีย

สวีหย่วนเสียยิ้มกล่าว “ข้าจะเอาของเล่นนี่ไปทำอะไร ด้วยทรัพย์สินน้อยนิดของศูนย์ฝึกยุทธนั่นเอามาดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำได้ไม่ถึงสองครั้งเลยด้วยซ้ำ”

เฉินผิงอันอธิบาย “หากมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ส่งจดหมายจะช้าเกินไป ให้มาที่ภูเขาของพรรคชิงหลิง เปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ ข้าจะรีบมาหาทันที”

สวีหย่วนเสียพูดอย่างขำๆ ปนฉุน “หรือว่าเจ้าที่อยู่ในภูเขาลั่วพั่วจะคอยเฝ้าดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำของพรรคชิงหลิงอยู่ทุกวัน? เจ้าเป็นเจ้าขุนเขา ไม่กลัวว่าจะเสียภาพพจน์รึ?”

เฉินผิงอันกล่าว “แน่นอนว่าข้าไม่มีทางคอยจับจ้องมองอยู่ทุกวัน แต่จะมีคนคอยจับตามองให้ จะดีจะชั่วก็เป็นเจ้าขุนเขาคนหนึ่ง ผู้ถวายงานเค่อชิงก็ยังพอจะมีอยู่บ้าง”

สวีหย่วนเสียถาม “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หวังให้เกิดเรื่องกับข้าหรือ?”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นมงคลจริงๆ เสียด้วย จึงได้แต่เก็บหลิงจือหยกเขียวชิ้นนั้นลงไป พอมาคิดดูอีกทีก็หันเอาไปมอบให้เจียงซ่างเจิน “เจ้าชอบเรื่องพวกนี้ ยกให้เจ้าแล้วกัน”

เจียงซ่างเจินรับมาเก็บไว้ในชายแขนเสื้ออย่างไม่เกรงใจ

ทางศูนย์ฝึกยุทธยังหาเงินด้วยการเป็นผู้คุมภัยด้วย ทุกคนจึงได้ขี่ม้าตัวเตี้ย ป๋ายเสวียนคงจะรู้สึกว่าหลังม้าทำให้ก้นร้อนจึงลุกขึ้นยืน เอาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนหลังม้าด้านหลังเจียงซ่างเจิน ไม่รอให้อาจารย์เฉาเปิดปาก ป๋ายเสวียนก็บอกว่าขอแค่เจอผู้คนระหว่างทาง เขาจะยอมนั่งลงแต่โดยดีแน่นอน ป๋ายเสวียนพลันยื่นมือมาตบหัวเจียงซ่างเจิน “พี่ใหญ่โจว ควบม้าห้อตะบึงเข้าสิ ขนาดมีสี่ขายังช้าขนาดนี้ ช้ากว่านายน้อยใช้สองขาเดินเสียอีก”

เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ทำไมเจ้าไม่นอนคว่ำบนพื้นแล้วเดินห้าขาไปเลยล่ะ”

กี่ปีมาแล้วที่ตนไม่ได้ขี่ม้าท่องยุทธภพ? เจียงซ่างเจินใคร่ครวญอย่างละเอียด น่าจะหลายร้อยปีแล้วกระมัง ได้อาศัยใบบุญของเจ้าขุนเขาจริงๆ

ป๋ายเสวียนอับอายจนพานเป็นความโกรธ ค้อมเอวยื่นมือไปรัดคอเจียงซ่างเจิน “บังอาจ! พูดกับนายน้อยแบบนี้ได้อย่างไร?!”

เฉินผิงอันกับสวีหย่วนเสียขี่ม้านำอยู่หน้าสุด เฉินผิงอันหันหน้ามา ป๋ายเสวียนจึงรีบปล่อยมือทันที ลูบศีรษะของเจียงซ่างเจิน จากนั้นใช้สองมือตบข้างแก้มของเจียงซ่างเจิน “ขี่ม้าช้าๆ หน่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นแบบนี้ พี่ใหญ่โจวไม่หล่อเหลาแล้วนะ”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “ป๋ายเสวียน วันหน้าเจ้าเองก็สามารถอาศัยใบหน้าหาข้าวกินได้นะ หากที่ภูเขาลั่วพั่วมีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ ผ่านไปอีกหลายสิบปีหรือร้อยปี คาดว่าเจ้าคงแบกรับหน้าที่นี้ได้แล้ว”

ป๋ายเสวียนหัวเราะเสียงเย็น “นายน้อยทำตัวขายหน้าแบบนั้นไม่ได้หรอก”

เฉินผิงอันได้ยินประโยคนี้ก็หันกลับมามองป๋ายเสวียนอีกครั้ง

ป๋ายเสวียนรู้ทันทีว่าท่าไม่ดีจึงรีบพูดอย่างร้อนรน “อาจารย์เฉา พวกเราเป็นคนจะเห็นแก่เงินมากเกินไปไม่ได้นะ น่าหลันคนเห็นแก่เงินตัวน้อย เหยาคนมึนตัวน้อย อวี๋นักพรตน้อย พวกเขาทำเรื่องพวกนี้เหมาะสมจะตายไป ข้ากับเจ้าคนตาเหล่แล้วก็เจ้าคนหน้าตาย ล้วนทำไม่ได้ ต่อให้เป็นพ่อครัวน้อยอย่างเฉิงเฉาลู่ก็ยังดีกว่าพวกเราสามคนนะ”

เฉินผิงอันหันหน้ากลับไป ไม่ได้สนใจเจ้าลูกกระต่ายน้อยที่ชอบตั้งฉายาให้คนอื่นผู้นั้นอีก

กวอฉุนซีที่ขี่ม้าขนาบข้างเจียงซ่างเจินพลันเอ่ยว่า “พี่ใหญ่โจว ท่านกับเฉินผิงอันต่างก็เป็นคนบนภูเขาใช่ไหม?”

ไม่ใช่ผู้ฝึกตนบนภูเขาก็ไม่มีทางเอาเงินเทพเซียนมากขนาดนั้นออกมาได้ วัตถุวิเศษบนภูเขาสองชิ้น เท่ากับมอบเงินให้กับพรรคชิงหลิงหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ

กวอฉุนซีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาจารย์ของตนจะมีสหายในยุทธภพที่เป็นเช่นนี้อยู่ด้วย

เจียงซ่างเจินหยิบหลิงจือหยกเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากในชายแขนเสื้อ โยนให้กวอฉุนซี ใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ยว่า “เอาของชิ้นนี้ไปด้วย วันหน้าสามารถนำไปทำเป็นของขวัญพบหน้าได้ เจ้าไปเยือนสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าเกาะกงหลิ่วของทะเลสาบซูเจี่ยน ไปหาสตรีที่ชื่อว่าหลี่ฝูฉวี บอกว่าเจ้ากับคนที่ชื่อโจวเฝยเป็นเพื่อนรักกัน วันหน้าให้นางพาเจ้าขึ้นเขาไปฝึกตน บอกนางอีกคำว่า หากภายในห้าสิบปีเจ้ายังไม่ได้เลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิต ก็ถือว่าสายตาข้าแย่เกินไป แล้วก็ต้องโทษที่พี่น้องกวอมีโชคไม่มากพอ ถึงเวลานั้นก็ให้นางเล่นงานพวกเราสองพี่น้องให้ตายไปเลยก็แล้วกัน พี่น้องกวอ เจ้ากล้าไปหรือไม่?”

กวอฉุนซีรับเงินห้าหกพันนั้นมาอย่างกระวนกระวาย ชายฉกรรจ์ถึงขั้นไม่อาจเรียนรู้วิธีการรวมเสียงให้เป็นเส้นซึ่งเป็นวิชาลับในยุทธภพมาจากอาจารย์ได้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ไม่สอน แต่เป็นเขาที่เรียนไม่เป็น แล้วก็ไม่อยากเรียน นอกจากดื่มเหล้าพูดจาเหลวไหลไร้สาระแล้ว อันที่จริงชายฉกรรจ์ไม่มีอารมณ์อยากจะพูดคุยกับคนอื่นเลยด้วยซ้ำ กวอฉุนซีหัวเราะ “มีอะไรให้ไม่กล้ากันเล่า จะมีชีวิตอยู่รอดไปได้ถึงห้าสิบปีหรือไม่ยังบอกได้ยาก ชั่วชีวิตนี้ข้าเองก็ไม่เคยออกท่องยุทธภพอย่างจริงจังมาก่อน สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปก็คือจังหวัดติดกัน ขนาดพวกผู้คุมกันของศูนย์ฝึกยุทธยังไม่เรียกข้าไปด้วยกัน เพราะกลัวว่าดื่มเหล้าแล้วจะทำให้เกิดความผิดพลาด ควรจะเรียนรู้เอาอย่างอาจารย์จริงๆ ฉวยโอกาสตอนที่มือเท้ายังคล่องแคล่วออกไปดูข้างนอกเสียบ้าง คนเป็นไม่ควรใช้ชีวิตอยู่อย่างอัดอั้นจนตาย”

เจียงซ่างเจินยิ้มพลางพยักหน้ารับ “บอกไว้ก่อนนะว่าการเดินทางไปเยือนทะเลสาบซูเจี่ยนครั้งนี้ ขุนเขาสายน้ำยาวไกล เรื่องไม่คาดฝันมีมากมาย ระหว่างทางจำไว้ว่าต้องระวังให้มาก หากตายไปก่อนกลางทาง ข้าไม่ช่วยเจ้าเก็บศพนะ”

กวอฉุนซีหัวเราะเสียงดังกังวาน “ตายไปแล้วตั้งหลายปี ข้าผู้อาวุโสจะยังกลัวเรื่องนี้อีกหรือ?”

ป๋ายเสวียนเหลือบมองชายฉกรรจ์แล้วยกนิ้วโป้งให้

ทางฝั่งของบ้านเกิด อันที่จริงก็มีผีขี้เหล้าอย่างกวอฉุนซีอยู่มากมายเหมือนกัน

เฉินผิงอันใช้เสียงในใจถามเจียงซ่างเจิน “สำนักกุยหยกและพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา บวกกับสำนักเจินจิ้ง นอกจากรายงานขุนเขาสายน้ำที่พวกเจ้าควบคุมอย่างเปิดเผยแล้ว ยังมีอีกเท่าไร?”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “เยอะมาก ไม่ต่ำกว่าสิบฉบับ เอ่ยประโยคที่ฟังแล้วหน้าไม่อายสักคำ ปีนั้นหากไม่เป็นเพราะข้า ทางฝั่งศาลบรรพจารย์ของยอดเขาเสินจ้วนก็ไม่มีทางยินดีจ่ายเงินอยุติธรรมนี้แน่นอน”

เฉินผิงอันพยักหน้า “ทางฝั่งของใบถงทวีป รายงานขุนเขาสายน้ำที่พื้นที่มงคลถ้ำเมฆาเป็นผู้ควบคุม วันหน้าข้าจะขอยืมใช้สักหน่อย แน่นอนว่าต้องคิดบัญชีกันอย่างชัดเจน ทุกครั้งที่ให้นักเขียนบนภูเขาพวกนั้นเขียนรายงาน ก็จะต้องลงบัญชีไว้อย่างชัดเจน สิบปีคิดกันหนึ่งครั้ง ส่วนแจกันสมบัติทวีปกับอุตรกุรุทวี ตัวข้าเองจะปูทางเองก็แล้วกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!