มาพักอยู่ในห้องพัก เฉินผิงอันจึงขอยืมตำราอริยะปราชญ์หลายเล่มมาจากทางศาล ล้วนเป็นหนังสือที่ไม่ถูกศาลบุ๋นสั่งห้ามอีกต่อไป เฉินผิงอันจุดตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งบนโต๊ะ ไม่ได้นอนหลับตลอดคืน เพียงแค่พลิกเปิดหน้าหนังสือช้าๆ มีบางครั้งที่จะลุกขึ้นยืน ผลักหน้าต่างมองไปด้านนอก ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า
หลังจากที่เฉินผิงอันนั่งเรือข้ามฟากจากใบถงทวีป ข้ามมหาสมุทรเข้ามาในอาณาเขตของแจกันสมบัติทวีป ดวงตะวันจันทราในสภาพจิตใจ แกนม้วนภาพแห่งกาลเวลากองใหญ่ที่เดิมทีสามารถสัมผัสได้ตอนอยู่ตรงหน้าประตูภูเขาของภูเขาไท่ผิง แต่ไม่อาจคลี่เปิดออกได้ มีรวมทั้งสิ้นยี่สิบสี่ภาพก็คล้ายเปิดตราผนึกขุนเขาสายน้ำออกเองโดยอัตโนมัติ ทุกภาพล้วนเปิดกว้าง แค่มองก็เห็นทุกอย่างจนถ้วนทั่ว
ยกตัวอย่างเช่นช่วงฝนธัญพืช กลุ่มคนเก็บใบชาในชนบทเดินเข้าไปในภูเขาเขียวขจี เด็กสาวคนหนึ่งในนั้นเรือนกายสะโอดสะอง มือทั้งสองเก็บใบชาด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วคุ้นเคย จู่ๆ โดนลมพัดเรือนร่างก็ส่ายไหว ประหนึ่งกิ่งหลิวที่ถูกลมวสันต์พัดขยับ เด็กสาวพลันเงยหน้าขึ้นมองไปยังภูเขาลูกหนึ่ง มีงูตัวใหญ่ขดตัวรอบภูเขา ดวงตาเป็นประกายดำมืด ปากใหญ่ราวกับเพดานสี่เหลี่ยมเปิดอ้าสองอันอ้าออกกว้าง สูบดังสวบทีดียว คนเก็บชาบนภูเขาที่ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง คนแก่หรือเด็กก็ล้วนกลายเป็นโครงกระดูกขาวที่หล่นร่วงลงพื้นแล้วแตกสลายทันที
ฤดูใบไม้ร่วง สีทองแผ่กว้างเป็นแถบใหญ่ ขุนนางอายุน้อยที่สวมรองเท้าสึกอย่างหนักคนหนึ่งนั่งอยู่ริมคันนา กำลังยิ้มพูดคุยกับชาวนาแก่คนหนึ่ง นาทีถัดมาเมื่อลมโหมกระหน่ำพัดเข้าใส่ รวงข้าวปลิวไสว เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดเหมือนกระบี่บิน หมู่บ้านทั้งหมดในอำเภอคล้ายกระดาษขาวบางๆ แผ่นหนึ่งที่เจอกับพายุฝนกระหน่ำ จึงเละเทะขาดวิ่น เสียงท่องตำราในโรงเรียนชนบทที่สร้างเป็นกระท่อมง่ายๆ พลันขาดหายไป
ในหอเก็บหนังสือของตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง ตะเกียงแต่ละดวงส่องสว่างในยามค่ำคืน ทันใดนั้นจวนทั้งหลังก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแดงสดตนหนึ่งเดินเข้าไปด้านในช้าๆ ทุกครั้งที่เสียงดีดนิ้วดังขึ้น ด้านข้างตะเกียง บนผนัง บนหน้าต่าง จะต้องมีกองเลือดสดกองใหญ่ระเบิดแตกโพล๊ะ
บนภูเขาตระกูลเซียนลูกหนึ่ง เซียนซือผู้เฒ่าท่านหนึ่งกำลังนำพาเด็กๆ กลุ่มหนึ่งปั้นตุ๊กตาหิมะ แล้วก็ถือโอกาสสั่งสอนเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจด ท่าทางเฉลียวฉลาดอย่างยิ่งไปด้วย ดูเหมือนผู้เฒ่าจะกำลังพูดถึงเรื่องการขอฝนล่างภูเขา เพื่อขอฝน นายท่านเจ้าเมืองจะเผาราชามังกรที่ทำจากกระดาษ เจ้ามาร่วมวงความครึกครื้นอะไรส่งเดช จะต้องเคลื่อนย้ายน้ำในลำธารให้จงได้ คิดว่าตัวเองเป็นราชามังกรแห่งนทีแล้วจริงๆ หรือไร ทำแบบนี้จะมีผลกรรมพัวพัน วันหน้าอย่าได้ทำอะไรโดยใช้อารมณ์เช่นนี้อีก…เด็กหนุ่มตอบรับอาจารย์อย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้ปากผู้เฒ่าจะเอ่ยสั่งสอนลูกศิษย์ แต่อันที่จริงในดวงตากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ…ทันใดนั้นแสงกระบี่มากมายก็พลันพุ่งผ่านมา บนพื้นกองเกลื่อนไปด้วยศพไร้หัว มีทั้งคนแก่ผู้นั้น และมีทั้งเด็กหนุ่มคนนั้น
มีกษัตริย์ของพื้นที่ห่างไกล ขุนนางบุ๋นแม่ทัพบู๊ ผู้ฝึกยุทธในยุทธภพ ผู้ฝึกตนอิสระแห่งป่าเขา เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของพรรคเล็กๆ พากันกระโจนเข้าหาความตาย ตายอย่างองอาจกล้าหาญ แต่กลับถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องตายอย่างไร้ชื่อเสียง
ล้วนเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของใบถงทวีป ล้วนเป็นภาพเหตุการณ์โศกนาฎกรรมของกลียุคในใบถงทวีป
ความงดงามและการทุ่มเทที่ ‘ละเอียดอ่อน’ ทั้งหมดล้วนถูกสถานการณ์ใหญ่ที่พุ่งมาอย่างดุดันบดขยี้จนสิ้นซากไปแล้ว ตลอดทั้งใบถงทวีปล้วนถูกตอกปิดฝาโลงไปแล้ว ถูกบ่อโคลนเละๆ กลบทับให้อยู่ท่ามกลางแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ และเฉินผิงอันก็คือหนึ่งใน ‘สถานการณ์ใหญ่ของใต้หล้า’ นั้น ความทรงจำที่เขามีต่อใบถงทวีป ถึงขั้นที่ว่าที่แห่งนี้ก็คือหนึ่งในสถานที่ที่ผู้ฝึกตนบนภูเขาแย่ที่สุด
เห็นได้ชัดว่าชุยฉานต้องการให้เฉินผิงอันที่คิดจะผ่อนคลายสภาพจิตใจในใบถงทวีป ไม่อาจผ่อนคลายได้แม้แต่น้อย ต้องการให้ใต้เท้าอิ่นกวานผู้นี้ไม่เหลือพื้นที่สำหรับหลอกตัวเอง ม้วนภาพอันงดงามยี่สิบสี่ภาพที่ถูกบดขยี้เป็นผุยผงไม่ถ่วงรั้งม้วนภาพอัปลักษณ์สองร้อยสี่สิบภาพที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องสกปรกโสมมจนไม่อยากกล่าวถึง แต่เจ้าเฉินผิงอันอย่าลืมล่ะว่า ไม่ว่าจะเป็นสองร้อยสี่สิบหรือว่าสองพันสี่ร้อย เจ้าก็ยังคงไม่อาจปฏิเสธบุคคลที่อยู่ในม้วนภาพยี่สิบสี่ภาพนั้น และขุนเขาสายน้ำของทวีปหนึ่งจะมีคนที่ ‘ไม่สมควรตาย’ อยู่น้อยนิดแค่นี้ได้อย่างไร?
ชุยฉานต้องการให้เฉินผิงอันเห็นบนภูเขาล่างภูเขาของใบถงทวีปกับตาตัวเอง ความงดงามน้อยใหญ่เหล่านั้น อีกแปดทวีปที่เหลือของใต้หล้าไพศาล แม้แต่ตัวของผู้ฝึกตนใบถงทวีปเองต่างก็รู้สึกว่าใบถงทวีปคือแผงลอยเละเทะที่สภาพไม่อาจทนมองแห่งหนึ่ง แต่มีเพียงเจ้าเฉินผิงอันคนเดียวเท่านั้นที่คิดแบบนั้นไม่ได้ เลือกที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างเป็นใบถงทวีป? ยอดเยี่ยม ถ้าอย่างนั้นก็จงอยู่ร่วมกับผู้ฝึกตนของสองทวีปอย่างแจกันสมบัติทวีปและอุตรกุรุทวีปที่กำเริบเสิบสานอย่างถึงที่สุดให้ดีๆ ไปก็แล้วกัน!
และสองทวีปนี้ หนึ่งก็คือบ้านเกิดของเจ้า มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภูเขาลั่วพั่วของเจ้าอย่างแนบแน่น อีกหนึ่งก็คือสถานที่ที่ถูกเจ้ามองว่าเป็นสถานที่ที่มีผู้ฝึกกระบี่มากที่สุดซึ่งเจ้าเคารพนับถือมากที่สุดในบรรดาเก้าทวีปของไพศาล ยินดีอธิบายเหตุผล? ชอบอธิบายเหตุผล? ในเมื่อเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของสายเหวินเซิ่งแล้ว กลับมาถึงบ้านเกิดก็ยิ่งเป็นเจ้าสำนักที่ได้ครอบครองสำนักเบื้องล่าง ไม่ได้เป็นแค่ใต้เท้าอิ่นกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกต่อไป ถ้าอย่างนั้นก็ให้เจ้าเฉินผิงอันที่อยู่ในใบถงทวีปที่ซึ่งไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ต้องใช้เหตุผลแห่งนี้ ได้ทวนกระแสสถานการณ์อวดเก่งเป็นวีรบุรุษ ให้เจ้าคนเดียวได้อธิบายเหตุผลในครั้งเดียวเสียให้พอใจ!
แต่หากจะไม่ใช้หลักการเหตุผลก็ไม่ได้ เพราะว่าเฉินผิงอันก็คือบัณฑิตที่ถูกจับตามองมากที่สุดของสายเหวินเซิ่ง
สายเหวินเซิ่งที่อยู่ในลัทธิขงจื๊อ อยู่ในศาลบุ๋น ตำแหน่งในใต้หล้าไพศาลถูกยกระดับขึ้นสูงเท่าไร เฉินผิงอันที่เป็นทั้งอิ่นกวาน แล้วก็เป็นทั้งเจ้าสำนัก ในเมื่อคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของสายเหวินเซิ่งก็ยิ่งต้องเป็นอริยะปราชญ์ผู้มีคุณธรรมคนหนึ่ง ก็จะต้องโผล่พรวดขึ้นมาบนโลก เป็นดั่งเรือที่ลอยสูงตามกระแสน้ำขึ้น ถูกยกให้ลอยขึ้นสูงอยู่บนฟ้าทีละนิด คำชมเชยนับไม่ถ้วน ทั้งมาจากใจจริงและทั้งปะปนไปด้วยเจตนาร้าย คำชื่นชมอย่างเปิดเผย ถ้อยคำสรรเสริญอย่างลับๆ ล่อๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นน้ำที่รองรับเรือลำนั้น
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงรู้ชัดเจนดีว่า เหตุใดอาจารย์จึงเลือกที่จะ ‘หลบ’ อยู่ในสวนกงเต๋อ เลือกที่จะสองหูไม่ฟังเรื่องนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ท่ามกลางม้วนภาพแห่งกาลเวลาทั้งหมด มีเพียงแค่ม้วนภาพเดียวที่เฉินผิงอันไม่ได้ดูจนครบถ้วน ทุกครั้งที่เปิดออกจะต้องปิดมันลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองมาก
คืนนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นั่นคือตรอกที่มีความกว้างพอๆ กับตรอกหนีผิง คือสถานที่เปลี่ยวร้างห่างไกลที่ไม่รู้ว่าอยู่มุมใดในใบถงทวีป ฝนพรำลงมาในตรอก มีแม่นางน้อยคนหนึ่งถือร่มกระดาษน้ำมันคันเล็กๆ กระโดดไปตามทาง ร่มกระดาษน้ำมันจึงเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เดี๋ยวเอียงเดี๋ยวเอนตามไปด้วย นางกลับบ้านด้วยฝีเท้าแผ่วเบาและรวดเร็ว
เฉินผิงอันพลันเอาดวงจิตถอยออกมา แล้วปิดม้วนภาพแห่งกาลเวลาม้วนนั้นอีกครั้ง
สองนิ้วคีบหน้าหนังสือหน้าหนึ่งไว้หนักๆ เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ปล่อยหน้าหนังสือที่ปลายนิ้วออกเบาๆ แล้วปิดหนังสือเล่มนั้นเสียเลย
เฉินผิงอันลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง สองนิ้วประกบดันไว้ที่หน้าต่างเบาๆ พึมพำกับตัวเองว่า “ข้ารู้ว่าท่านต้องการให้ข้าประลองหมากล้อมกับท่าน ท่านซิ่วหู่มีฝีมือในการเล่นหมากล้อมสูงส่ง เพราะตัวท่านเองก็ไม่อยู่แล้ว หลงเหลือเพียงแค่เศษซากกระดานหมากของสามทวีปอย่างใบถง แจกันสมบัติและอุตรกุรุทวีปเท่านั้น”
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ฉี ศิษย์พี่ใหญ่อย่างชุยฉานรังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ ศิษย์พี่เล็กท่านไม่คิดจะจัดการบ้างเลยหรือ?”
ฟ้าดินเงียบสงัด ค่ำคืนอันยาวนานไร้สรรพสำเนียง
เฉินผิงอันถามเองตอบเองว่า “ข้ารับรองว่าครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องแพ้แน่”
และอันที่จริงครั้งนี้ชุยฉานก็หวังว่าศิษย์พี่จะแพ้ศิษย์น้องจะชนะ หวังว่าจะไม่เหมือนสถานการณ์ถามใจที่ทะเลสาบซูเจี่ยนที่ราชครูต้าหลีชนะอย่างไร้รสชาติอีก
เพียงแต่ว่าคิดอยากจะเอาชนะซิ่วหู่บนกระดานหมาก ระดับความยากจะมากแค่ไหน แค่คิดก็พอจะจินตนาการได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!