กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 766

ชุยเหวยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อก่อนรักตัวกลัวตาย อยากจะมีชีวิตรอดกลับไป มาถึงใต้หล้าไพศาล คิดอยากจะมีชีวิตอยู่ให้ดียิ่งกว่าเดิม ก็ไม่เหลือพื้นที่ให้ข้ากลัวตายอีกแล้ว”

น่าหลันอวี้เตี๋ยร้องอ้อหนึ่งที ครั้นจึงฟุบตัวนอนคว่ำบนโต๊ะ เล่นป้ายฝูโซ่ว (คำอวยพรให้มีความสุขและอายุยืนยาว) ที่ทำจากไม้แผ่นหนึ่ง

หมี่อวี้ตบไหล่ของชุยเหวยเบาๆ ใช้เสียงในใจพูดกับเขาว่า “เด็กๆ ล้วนยังเล็ก”

พวกเด็กๆ มองโลกใบนี้อย่างบริสุทธิ์เรียบง่ายยิ่ง หากไม่ใช่ดำก็เป็นขาว ดีเลวแบ่งแยกชัดเจน

ชุยเหวยใช้เสียงในใจตอบกลับ “ไม่โทษพวกเขา พวกเด็กๆ ถามแบบนี้ได้ถึงจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่”

เฉินผิงอันเบี่ยงหัวข้อสนทนา ยิ้มถามว่า “ซุนชุนหวังล่ะ? ฝึกกระบี่อีกแล้วหรือ?”

ดูเหมือนในลานบ้านจะขาดไปแค่แม่นางน้อยนิสัยสันโดษแปลกแยกผู้นั้น

เหยาเสี่ยวเหยียนพยักหน้ารับอย่างแรง กดเสียงลงต่ำพูดอย่างเป็นกังวล “อาจารย์เฉา ดูเหมือนซุนชุนหวังจะฝึกกระบี่จนบ้าคลั่งไปแล้ว ท่านเกลี้ยกล่อมนางสักหน่อยเถอะ”

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างจนใจ “วันหน้าข้าจะให้ชุยตงซานพูดเปิดใจกับนางดีๆ”

เป็นเวรกรรมที่ชุยตงซานก่อ ใครผูกคนนั้นก็ต้องแก้เอาเอง

ดวงตาเฉินหลี่สาดประกายระยิบระยับ “ใต้เท้าอิ่นกวาน อีกไม่นานข้าก็จะได้เป็นก่อกำเนิดแล้ว!”

จวี่สิงที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดส่งเสียงจุ๊ๆๆ

เฉินหลี่เหล่ตามอง “ไม่ยอมรึ?”

จวี่สิงกล่าว “คนบางคนอายุมากกว่าข้าตั้งหลายปี เรื่องแบบนี้ ข้าไม่ยอมเห็นทีจะไม่ได้”

ป๋ายเสวียนเหล่ตามอง “พูดกับอิ่นกวานน้อยแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่าเฉินหลี่มาจากสายอิ่นกวานที่มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้าของพวกเรา?”

คิดไม่ถึงว่าเฉินหลี่จะพูดว่า “เจ้าเป็นคนแต่งตั้งเอง ครึ่งเดียวก็ไม่นับ”

ป๋ายเสวียนเปลี่ยนสีหน้าทันใด กระโดดโหยงก่นด่า “เฉินหลี่เจ้าร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ ทำไมไม่กดขอบเขตต่อสู้กับจวี่สิงให้รู้แล้วรู้รอดสักรอบเล่า?”

เฉินหลี่หลุดหัวเราะพรืด “กดขอบเขตถามกระบี่จะมีอะไรยาก เจ้ามาพร้อมกับคนบางคนเลยไหมล่ะ?”

ป๋ายเสวียนคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ช่วงนี้ข้าเริ่มฝึกหมัดแล้ว ถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวชั่วคราว”

พอเกาโย่วชิงได้พบอิ่นกวานหนุ่มก็รู้สึกหวาดเกรงเล็กน้อย ไม่ได้มีท่าทีสนิทสนมเหมือนผู้ฝึกกระบี่คนอื่นๆ หรือไม่ก็จงใจแสดงออกว่าไม่สนใจ

ถึงอย่างไรอายุของนางก็มากกว่าคนอื่นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กๆ เก้าคนที่ออกมาจากบ้านเกิดช้ากว่า อันที่จริงนางกลับเข้าใจความหมายแฝงของสองคำว่า ‘อิ่นกวาน’ ได้ชัดเจนยิ่งกว่า

ไม่พูดถึงนครบินทะยานที่มีใต้หล้าแห่งหนึ่งกั้นขวาง เฉินผิงอันก็คืออิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ตามหลังเซียวสวิ้น อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ นี่คือบุคคลที่ในมือกุมอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าสิงกวาน

พี่ชายของนางคือเกาเหย่โหว และผังหยวนจี้ที่นางเลื่อมใสบูชาก็ยิ่งเป็นคนของสายอิ่นกวานคฤหาสน์หลบร้อน ถือได้ว่าเป็นลูกน้องใต้อาณัติของเฉินผิงอัน?

เพียงแต่เกาเหย่โหวติดตามนครบินทะยานไปยังใต้หล้าแห่งที่ห้า ส่วนผังหยวนจี้ดูเหมือนจะไปยังดินแดนพุทธะสุขาวดี

เฉินผิงอันนั่งลงแล้วก็เหมือนนั่งอยู่ในกองเด็กๆ

หมี่อวี้กับชุยเหวยต่างก็ยืนอยู่

เฉินผิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “รอให้พวกเจ้าเติบใหญ่เมื่อไหร่ กลับไปดูกำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วยกัน”

ส่วนนครบินทะยาน ยังต้องรออีกเจ็ดสิบกว่าปีประตูถึงจะเปิดอีกครั้ง ตัวอ่อนเซียนกระบี่ทุกคนล้วนรู้ชัดเจนแก่ใจดีว่าจะต้องไปที่ใต้หล้าแห่งนั้นให้ได้ ถึงตอนนั้นจะกลับมายังใต้หล้าไพศาลหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที

ต่อให้เป็นเด็กๆ ที่ไม่เคยพูดคุยกับใต้เท้าอิ่นกวานแม้แต่คำเดียวอย่างเฮ้อเซียงถิงและอวี้ชิงจางก็ยังเชื่อใจในตัวเฉินผิงอัน เชื่อว่าขอแค่มีใครยินดีจะอยู่ที่ใต้หล้าแห่งนั้นต่อ ใต้เท้าอิ่นกวานก็จะไม่มีทางขัดขวาง

เฉินผิงอันพาผู้ถวายอันดับหนึ่งโจวเฝย และสุยโย่วเปียนมายังเรือนแห่งหนึ่งที่มีแต่สตรี

ซุนชิงเจ้าจวนไช่เฉวี่ย หลิ่วกุ้ยเป่าลูกศิษย์ผู้สืบทอด หลี่ฝูฉวีแห่งสำนักเจินจิ้ง โจวไฉ่เจิน

ปีนั้นได้พึ่งใบบุญของนักพรตซุน หลังจากที่เฉินผิงอันออกมาจากซากปรักจวนเซียนที่รายล้อมไปด้วยภยันตรายแห่งนั้นได้ ก็พอจะได้รับผลเก็บเกี่ยวมาบ้างเล็กน้อย เคยทำการค้าครั้งใหญ่ก้อนหนึ่งกับจวนไช่เฉวี่ย เฉินผิงอันใช้ฝ้าเพดานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่แบกไปยังนครเหนือเมฆอย่างยากลำบากมาแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่ง

เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับหลิวจิ่งหลง เทพธิดาซุนชิงจึงมีรอยยิ้มให้ แต่แล้วก็เพราะว่าอวี๋หมี่ ซุนชิงจึงยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ

อาจารย์และศิษย์สองคนอย่างพวกตนล้วนต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของสหายเฉินผิงอันผู้นี้ทั้งสิ้น ในทางส่วนตัวซุนซิงก็เคยตำหนิหลิ่วกุ้ยเป่าผู้เป็นลูกศิษย์ว่าจะไปชอบคนเจ้าชู้หลายใจอย่างอวี๋หมี่ทำไม เรียนรู้จากอาจารย์ไปก็ยังดี จะดีจะชั่วหลิวจิ่งหลงก็เป็นวิญญูชนที่เที่ยงตรงผู้หนึ่ง

ผู้ฝึกตนทำเนียบสำนักเจินจิ้งที่ถูกเจียงซ่างเจินตั้งชื่อว่าโจวไฉ่เจิน นางได้เติบใหญ่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน จากทารกในห่อผ้าอ้อมของวันวาน ได้กลายเป็นเด็กสาวรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งแล้ว

โจวไฉ่เจินยิ้มเรียกเจียงซ่างเจินว่าท่านพ่อ

เจียงซ่างเจินคลี่ยิ้มอ่อนโยน ตบศีรษะของเด็กสาวเบาๆ

จากนั้นเด็กสาวก็ยอบกายคารวะเฉินผิงอัน เรียกเขาว่าอาจารย์เฉิน

เฉินผิงอันยิ้มพลางพยักหน้ารับ มอบของขวัญพบหน้าให้นางชิ้นหนึ่ง เป็นกล่องไม้ใบเล็ก ด้านในบรรจุตำราแผ่นไม้ไผ่ยี่สิบแผ่น คือป้ายสงบสุขปลอดภัยแห่งใต้หล้าที่เฉินผิงอันทำขึ้นเองกับมือ ทุกวันนี้วัตถุชิ้นนี้เท่ากับว่าเป็นป้ายผ่านทางของภูเขาลั่วพั่วแล้ว และยังมียันต์กระบี่ของสำนักกระบี่หลงเฉวียนอยู่อีกแผ่นหนึ่ง

เด็กสาวใช้สองมือรับกล่องไม้มา หลังจากนางเอ่ยขอบคุณแล้ว เฉินผิงอันก็ลังเลเล็กน้อย ยิ้มถามว่า “ทัศนียภาพของทะเลสาบซูเจี่ยนงดงามหรือไม่?”

โจวไฉ่เจินยอบกายคารวะ “อาจารย์เฉิน ทัศนียภาพของทะเลสาบซูเจี่ยนงดงามมาก”

เฉินผิงอันเอ่ย “วันหน้าหากต้องออกจากบ้านไปฝึกประสบการณ์ สามารถไปเยือนอุตรกุรุทวีปได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!