กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 766

สรุปบท บทที่ 766.3 ผู้อาวุโสร่ายรำ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 766.3 ผู้อาวุโสร่ายรำ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 766.3 ผู้อาวุโสร่ายรำ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ชุยเหวยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อก่อนรักตัวกลัวตาย อยากจะมีชีวิตรอดกลับไป มาถึงใต้หล้าไพศาล คิดอยากจะมีชีวิตอยู่ให้ดียิ่งกว่าเดิม ก็ไม่เหลือพื้นที่ให้ข้ากลัวตายอีกแล้ว”

น่าหลันอวี้เตี๋ยร้องอ้อหนึ่งที ครั้นจึงฟุบตัวนอนคว่ำบนโต๊ะ เล่นป้ายฝูโซ่ว (คำอวยพรให้มีความสุขและอายุยืนยาว) ที่ทำจากไม้แผ่นหนึ่ง

หมี่อวี้ตบไหล่ของชุยเหวยเบาๆ ใช้เสียงในใจพูดกับเขาว่า “เด็กๆ ล้วนยังเล็ก”

พวกเด็กๆ มองโลกใบนี้อย่างบริสุทธิ์เรียบง่ายยิ่ง หากไม่ใช่ดำก็เป็นขาว ดีเลวแบ่งแยกชัดเจน

ชุยเหวยใช้เสียงในใจตอบกลับ “ไม่โทษพวกเขา พวกเด็กๆ ถามแบบนี้ได้ถึงจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่”

เฉินผิงอันเบี่ยงหัวข้อสนทนา ยิ้มถามว่า “ซุนชุนหวังล่ะ? ฝึกกระบี่อีกแล้วหรือ?”

ดูเหมือนในลานบ้านจะขาดไปแค่แม่นางน้อยนิสัยสันโดษแปลกแยกผู้นั้น

เหยาเสี่ยวเหยียนพยักหน้ารับอย่างแรง กดเสียงลงต่ำพูดอย่างเป็นกังวล “อาจารย์เฉา ดูเหมือนซุนชุนหวังจะฝึกกระบี่จนบ้าคลั่งไปแล้ว ท่านเกลี้ยกล่อมนางสักหน่อยเถอะ”

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างจนใจ “วันหน้าข้าจะให้ชุยตงซานพูดเปิดใจกับนางดีๆ”

เป็นเวรกรรมที่ชุยตงซานก่อ ใครผูกคนนั้นก็ต้องแก้เอาเอง

ดวงตาเฉินหลี่สาดประกายระยิบระยับ “ใต้เท้าอิ่นกวาน อีกไม่นานข้าก็จะได้เป็นก่อกำเนิดแล้ว!”

จวี่สิงที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดส่งเสียงจุ๊ๆๆ

เฉินหลี่เหล่ตามอง “ไม่ยอมรึ?”

จวี่สิงกล่าว “คนบางคนอายุมากกว่าข้าตั้งหลายปี เรื่องแบบนี้ ข้าไม่ยอมเห็นทีจะไม่ได้”

ป๋ายเสวียนเหล่ตามอง “พูดกับอิ่นกวานน้อยแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่าเฉินหลี่มาจากสายอิ่นกวานที่มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้าของพวกเรา?”

คิดไม่ถึงว่าเฉินหลี่จะพูดว่า “เจ้าเป็นคนแต่งตั้งเอง ครึ่งเดียวก็ไม่นับ”

ป๋ายเสวียนเปลี่ยนสีหน้าทันใด กระโดดโหยงก่นด่า “เฉินหลี่เจ้าร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ ทำไมไม่กดขอบเขตต่อสู้กับจวี่สิงให้รู้แล้วรู้รอดสักรอบเล่า?”

เฉินหลี่หลุดหัวเราะพรืด “กดขอบเขตถามกระบี่จะมีอะไรยาก เจ้ามาพร้อมกับคนบางคนเลยไหมล่ะ?”

ป๋ายเสวียนคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ช่วงนี้ข้าเริ่มฝึกหมัดแล้ว ถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวชั่วคราว”

พอเกาโย่วชิงได้พบอิ่นกวานหนุ่มก็รู้สึกหวาดเกรงเล็กน้อย ไม่ได้มีท่าทีสนิทสนมเหมือนผู้ฝึกกระบี่คนอื่นๆ หรือไม่ก็จงใจแสดงออกว่าไม่สนใจ

ถึงอย่างไรอายุของนางก็มากกว่าคนอื่นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กๆ เก้าคนที่ออกมาจากบ้านเกิดช้ากว่า อันที่จริงนางกลับเข้าใจความหมายแฝงของสองคำว่า ‘อิ่นกวาน’ ได้ชัดเจนยิ่งกว่า

ไม่พูดถึงนครบินทะยานที่มีใต้หล้าแห่งหนึ่งกั้นขวาง เฉินผิงอันก็คืออิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ตามหลังเซียวสวิ้น อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ นี่คือบุคคลที่ในมือกุมอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าสิงกวาน

พี่ชายของนางคือเกาเหย่โหว และผังหยวนจี้ที่นางเลื่อมใสบูชาก็ยิ่งเป็นคนของสายอิ่นกวานคฤหาสน์หลบร้อน ถือได้ว่าเป็นลูกน้องใต้อาณัติของเฉินผิงอัน?

เพียงแต่เกาเหย่โหวติดตามนครบินทะยานไปยังใต้หล้าแห่งที่ห้า ส่วนผังหยวนจี้ดูเหมือนจะไปยังดินแดนพุทธะสุขาวดี

เฉินผิงอันนั่งลงแล้วก็เหมือนนั่งอยู่ในกองเด็กๆ

หมี่อวี้กับชุยเหวยต่างก็ยืนอยู่

เฉินผิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “รอให้พวกเจ้าเติบใหญ่เมื่อไหร่ กลับไปดูกำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วยกัน”

ส่วนนครบินทะยาน ยังต้องรออีกเจ็ดสิบกว่าปีประตูถึงจะเปิดอีกครั้ง ตัวอ่อนเซียนกระบี่ทุกคนล้วนรู้ชัดเจนแก่ใจดีว่าจะต้องไปที่ใต้หล้าแห่งนั้นให้ได้ ถึงตอนนั้นจะกลับมายังใต้หล้าไพศาลหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที

ต่อให้เป็นเด็กๆ ที่ไม่เคยพูดคุยกับใต้เท้าอิ่นกวานแม้แต่คำเดียวอย่างเฮ้อเซียงถิงและอวี้ชิงจางก็ยังเชื่อใจในตัวเฉินผิงอัน เชื่อว่าขอแค่มีใครยินดีจะอยู่ที่ใต้หล้าแห่งนั้นต่อ ใต้เท้าอิ่นกวานก็จะไม่มีทางขัดขวาง

เฉินผิงอันพาผู้ถวายอันดับหนึ่งโจวเฝย และสุยโย่วเปียนมายังเรือนแห่งหนึ่งที่มีแต่สตรี

ซุนชิงเจ้าจวนไช่เฉวี่ย หลิ่วกุ้ยเป่าลูกศิษย์ผู้สืบทอด หลี่ฝูฉวีแห่งสำนักเจินจิ้ง โจวไฉ่เจิน

ปีนั้นได้พึ่งใบบุญของนักพรตซุน หลังจากที่เฉินผิงอันออกมาจากซากปรักจวนเซียนที่รายล้อมไปด้วยภยันตรายแห่งนั้นได้ ก็พอจะได้รับผลเก็บเกี่ยวมาบ้างเล็กน้อย เคยทำการค้าครั้งใหญ่ก้อนหนึ่งกับจวนไช่เฉวี่ย เฉินผิงอันใช้ฝ้าเพดานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่แบกไปยังนครเหนือเมฆอย่างยากลำบากมาแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่ง

เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับหลิวจิ่งหลง เทพธิดาซุนชิงจึงมีรอยยิ้มให้ แต่แล้วก็เพราะว่าอวี๋หมี่ ซุนชิงจึงยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ

อาจารย์และศิษย์สองคนอย่างพวกตนล้วนต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของสหายเฉินผิงอันผู้นี้ทั้งสิ้น ในทางส่วนตัวซุนซิงก็เคยตำหนิหลิ่วกุ้ยเป่าผู้เป็นลูกศิษย์ว่าจะไปชอบคนเจ้าชู้หลายใจอย่างอวี๋หมี่ทำไม เรียนรู้จากอาจารย์ไปก็ยังดี จะดีจะชั่วหลิวจิ่งหลงก็เป็นวิญญูชนที่เที่ยงตรงผู้หนึ่ง

ผู้ฝึกตนทำเนียบสำนักเจินจิ้งที่ถูกเจียงซ่างเจินตั้งชื่อว่าโจวไฉ่เจิน นางได้เติบใหญ่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน จากทารกในห่อผ้าอ้อมของวันวาน ได้กลายเป็นเด็กสาวรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งแล้ว

โจวไฉ่เจินยิ้มเรียกเจียงซ่างเจินว่าท่านพ่อ

เจียงซ่างเจินคลี่ยิ้มอ่อนโยน ตบศีรษะของเด็กสาวเบาๆ

จากนั้นเด็กสาวก็ยอบกายคารวะเฉินผิงอัน เรียกเขาว่าอาจารย์เฉิน

เฉินผิงอันยิ้มพลางพยักหน้ารับ มอบของขวัญพบหน้าให้นางชิ้นหนึ่ง เป็นกล่องไม้ใบเล็ก ด้านในบรรจุตำราแผ่นไม้ไผ่ยี่สิบแผ่น คือป้ายสงบสุขปลอดภัยแห่งใต้หล้าที่เฉินผิงอันทำขึ้นเองกับมือ ทุกวันนี้วัตถุชิ้นนี้เท่ากับว่าเป็นป้ายผ่านทางของภูเขาลั่วพั่วแล้ว และยังมียันต์กระบี่ของสำนักกระบี่หลงเฉวียนอยู่อีกแผ่นหนึ่ง

เด็กสาวใช้สองมือรับกล่องไม้มา หลังจากนางเอ่ยขอบคุณแล้ว เฉินผิงอันก็ลังเลเล็กน้อย ยิ้มถามว่า “ทัศนียภาพของทะเลสาบซูเจี่ยนงดงามหรือไม่?”

โจวไฉ่เจินยอบกายคารวะ “อาจารย์เฉิน ทัศนียภาพของทะเลสาบซูเจี่ยนงดงามมาก”

เฉินผิงอันเอ่ย “วันหน้าหากต้องออกจากบ้านไปฝึกประสบการณ์ สามารถไปเยือนอุตรกุรุทวีปได้”

ทางฝั่งภูเขาลั่วพั่วก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชรากับเจ้าขุนเขาบ้านตนเช่นกัน ถึงได้ยอมถอยก้าวไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่สองครั้ง เพียงแต่สวนน้ำค้างวสันต์ยังคงไม่พอใจ

ยังคงมีข่าวลือเกิดขึ้นอีกไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นภูเขาลั่วพั่วช่วยนครเหนือเมฆสร้างท่าเรือตระกูลเซียนส่วนตัวขึ้นมาแห่งหนึ่ง ทว่าสวนน้ำค้างวสันต์กลับไม่พอใจเรื่องนี้ เห็นแล้วขัดหูขัดตาอย่างมาก จึงส่งกระบี่บินมายังภูเขาลั่วพั่ว เรียกร้องให้ท่าเรือแห่งนั้นย้ายไปอยู่ที่ภูเขาใต้อาณัติลูกหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์แทน

คนที่เขียนจดหมายก็คือหญิงชราผู้นั้น คนที่รับจดหมายแน่นอนว่าต้องเป็นเฉินผิงอัน

หลังจากได้รับจดหมายฉบับนั้นแล้ว จูเหลี่ยนกับเว่ยป้อก็มองหน้ากันอย่างไร้คำพูด ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

มรสุมเหล่านี้ เฉินผิงอันล้วนรับรู้แล้ว ดังนั้นถึงคิดจะเดินทางไปเยือนสวนน้ำค้างวสันต์ด้วยตัวเองรอบหนึ่ง ทว่าเป็นแค่การผ่านทางไปเท่านั้น

สุยโย่วเปียนนั่งอยู่ข้างกายหลี่ฝูฉวี ตอนอยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยน เรื่องที่สุยโย่วเปียนกับเหวยอิ๋งเจ้าสำนักคนที่สองไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟ เป็นเรื่องที่คนทั้งสำนักล้วนรับรู้ นางกับหลิวเหล่าเฉิงและหลิวจื้อเม่าก็ไม่ได้มีการคบค้าสมาคมใดๆ ต่อกัน มีเพียงหลี่ฝูฉวีที่นับว่ายังพอพูดคุยกันได้

หลี่ฝูฉวีรู้สึกปลงอนิจจังยิ่งนัก นักบัญชีหนุ่มของเกาะชิงเสียในอดีตผู้นั้น ดูเหมือนว่าผ่านช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่กะพริบตา เขาก็กลายไปเป็นคนอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ท่วงท่าผ่อนคลายสบายอารมณ์ ความสามารถเหลือล้น อีกทั้งยามอยู่ร่วมกับเขายังทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนอาบไล้อยู่ท่ามกลางลมวสันต์

ขณะที่เฉินผิงอันเอ่ยขอตัวเตรียมจะจากไป ซุนชิงก็พลันเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ท่านคงไม่ได้จะไปอาละวาดที่สวนน้ำค้างวสันต์หรอกกระมัง? ต้องหาเงินด้วยความปรองดองนะ”

เฉินผิงอันกลั้นยิ้ม “ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

หลังจากเฉินผิงอันจากไปแล้ว ซุนชิงก็ถามว่า “ฝูฉวี กุ้ยเป่า พวกเจ้าว่าเรื่องแบบนี้ไม่ยุ่งยากงั้นหรือ?”

หลี่ฝูฉวีเอ่ย “ทั้งความรู้สึกและเหตุผลปะปนอยู่ด้วยกัน ทั้งยังเกี่ยวพันไปถึงการค้าที่ทำเงินของภูเขาบ้านตัวเอง อันที่จริงเป็นเรื่องที่ตึงมือมากเลยล่ะ”

ซุนชิงกล่าว “แล้วทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเลยล่ะ?”

หลิ่วกุ้ยเป่าเอ่ย “อาจารย์ หรือท่านลืมตอนที่อยู่ซากปรักจวนเซียนในปีนั้นไปแล้ว? คงเป็นเพราะคนอย่างเจ้าขุนเขาเฉินนี้เกิดมาก็เชี่ยวชาญการแก้ปัญหากระมัง”

ซุนชิงคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าจำได้แค่ท่าทางของเขาตอนกอดต้นไผ่แล้วพูดว่า ‘ผิดไปแล้วๆ’ เท่านั้นนะ”

โจวไฉ่เจินถามอย่างใคร่รู้ “มีเรื่องราวหรือ? พี่หญิงหลิ่วเล่าให้ฟังได้ไหม?”

หลิ่วกุ้ยเป่าจึงเลือกเรื่องบางเรื่องที่สามารถพูดได้มาเล่าถึงการแย่งชิงโชควาสนาเซียนที่อันตรายอย่างยิ่งครั้งนั้นให้เด็กสาวฟังคร่าวๆ

โจวไฉ่เจินฟังแล้วสีหน้าเหยเก ไม่ว่าอย่างไรก็เอาอาจารย์เฉินผู้สุภาพอ่อนโยนไปทับซ้อนเข้ากับภาพลักษณ์ของผู้เฒ่าชุดดำไม่ได้เลย

หลิ่วกุ้ยเป่ากลั้นขำไม่อยู่ เอ่ยสัพยอกว่า “อาจารย์เฉินบ้านเจ้าหาเงินได้ดุดันนักล่ะ”

โจวไฉ่เจินส่ายหน้า “ต้องเป็นพวกท่านที่เข้าใจอาจารย์เฉินผิดไปแน่ๆ”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!