เนื่องจากมีผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาที่เป็นเผ่าพันธุ์ย้ายภูเขาอย่างหยวนเจินเย่อยู่ ในเวลาเกือบยี่สิบปีมานี้ ภูเขาตะวันเที่ยงจึงได้ทยอยเคลื่อนย้ายขุนเขาเก่าทีปริแตกของแคว้นใต้อาณัติทางทิศใต้ของต้าหลีมา นำมาไว้สำหรับการเปิดยอดเขาของเซียนกระบี่ในสำนักในอนาคต
สำหรับราชสำนักแคว้นเล็กใต้อาณัติแล้ว แทนที่จะเปลืองพละกำลังมหาศาลในการสร้างโชคชะตาน้ำรากภูเขา สร้างศาลซานจวินขึ้นมาใหม่ ก็ไม่สู้เลือกภูเขาสมบูรณ์ลูกใหม่ขึ้นมาแล้วแต่งตั้งซานจวินอย่างเป็นทางการ นี่ยังจะได้เงินเทพเซียนก้อนหนึ่งมาจากทางภูเขาตะวันเที่ยงด้วย ได้ผูกสัมพันธ์ควันธูปส่วนหนึ่งไว้กับสำนักที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ และภูเขาที่มองภายนอก ‘สภาพยับเยินแทบทนมองไม่ได้ ไม่ต่างจากซี่โครงไก่’ พวกนี้ อันที่จริงก็ได้เก็บรวบรวมลมและน้ำมาไว้นับร้อยนับพันปี รากฐานลึกล้ำอย่างยิ่ง
หากจะถามว่าภูเขาตะวันเที่ยงชดใช้ความสัมพันธ์ควันธูปกลับคืนอย่างไร ก็หนีไม่พ้นว่าในอนาคตผู้ฝึกกระบี่ลงจากเขาไปฝึกประสบการณ์ ไปเยือนอาณาเขตของแคว้นเล็กสามแห่ง ช่วยกำจัดปีศาจปราบมาร จัดการกับพวกสิ่งสกปรกชั่วร้ายที่ที่ว่าการในท้องถิ่นไม่สามารถเก็บกวาดได้ สำหรับผู้ฝึกกระบี่ของภูเขาตะวันเที่ยงแล้ว นี่กลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงยกมือขึ้นกวัก อันที่จริงไม่มีใครที่ต้องขาดทุนอย่างแท้จริง ต่างฝ่ายต่างก็ได้กำไรกันไปก้อนใหญ่
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เคยเห็นโลกกว้างใหญ่มาแล้ว การกระทำของเซียนกระบี่จากภูเขาตะวันเที่ยงจึงยิ่งโชกโชนสมบูรณ์แบบขึ้นแล้ว”
เจียงซ่างเจินเอ่ยคล้อยตาม “ภาพบรรยากาศของสำนักมิอาจดูแคลนได้”
ก่อนที่สงครามใหญ่ซึ่งหอบรวมสถานการณ์ของใต้หล้าไว้ครานั้นจะเกิดขึ้น ผู้ฝึกตนของภูเขาตะวันเที่ยง ต่อให้จะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ลูกศิษย์ผู้สืบทอด ยามที่ออกจากสำนักไปฝึกประสบการณ์ก็ล้วนขึ้นชื่อเรื่องความยโสโอหัง ทำตัวกร่างไปทั่วทวีป
สำนักโองการเทพที่เป็นผู้นำของบนภูเขาในทวีป ปฐมสำนักแห่งสำนักการทหารของทวีปอย่างศาลลมหิมะ ภูเขาเจินอู่ สวนลมฟ้าตอนที่หลี่ถวนจิ่งยังไม่จากไป กองทัพม้าเหล็กต้าหลีที่ลุกผงาดขึ้นทางทิศเหนือ สกุลเจียงอวิ๋นหลิน ตระกูลฝูนครมังกรเฒ่า ผู้ฝึกกระบี่ของราชวงศ์จูอิ๋ง นอกจากสำนักเหล่านี้แล้ว ภูเขาตะวันเที่ยงล้วนสามารถมองไม่เห็นหัวของทุกคนได้
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางได้รับฉายาว่า ‘ใบถงเล็กแห่งแจกันสมบัติทวีป’
นครลมเย็นที่ได้ครอบครองแคว้นหูนั่น? ก็แค่กองกำลังใต้อาณัติที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาตะวันเที่ยงข้าเท่านั้น
สำนักในท้องถิ่นของสามทวีปอย่างแจกันสมบัติ ใบถงและอุตรกุรุ นอกจากสำนักกุยหยกแล้ว ทุกวันนี้ยังไม่มีใครสามารถครอบครองสำนักเบื้องล่างได้อีก
แม้จะบอกว่าสำนักกระบี่หลงเฉวียนของหร่วนฉงถูกผู้ฝึกตนบนภูเขามองเป็นสำนักเบื้องล่างของศาลลมหิมะมาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับที่หร่วนฉงยังมียศเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของต้าหลี ในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งหลายก็ยังมีเซี่ยหลิงที่ความสามารถโดดเด่น ดังนั้นภูเขาตะวันเที่ยงจึงยินดีที่จะมองสำนักกระบี่หลงเฉวียนสูงหน่อย
เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “หยวนป๋ายผู้นี้ค่อนข้างน่าสงสารแล้ว ออกจากสำนักเดินทางไกลรอบหนึ่งก็เป็นดั่งปุยหลิวที่ลอยคว้างท่ามกลางขุนเขาสายน้ำ หลายปีมานี้สู้เส้าพอเซียนที่ใช้ชีวิตสุขสบายบนภูเขาฮุยเหมิงบ้านพวกเราไม่ได้เลย คุณสมบัตินับว่าไม่เลว ขนาดเหวยอิ๋งยังเห็นอยู่ในสายตา ก่อนที่จะไปยอดเขาเสินจ้วน เดิมทีเหวยอิ๋งคิดอยากจะขอตัวคนผู้นี้มาจากภูเขาตะวันเที่ยง เดิมคิดไว้ว่าจะอบรมปลูกฝังให้ดี น่าเสียดายที่คนดีเกินไป อีกทั้งกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตยังได้รับความเสียหาย ต่อให้ไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยน คาดว่าก็คงจะถูกหลิวเหล่าเฉิงและหลิวจื้อเม่าเล่นงานจนตายอยู่ดี”
ชุยตงซานกล่าว “โชคดีที่ทำไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นเวลานี้ในกางเกงของสำนักกุยหยกพวกเจ้าคงเต็มไปด้วยดินเหลืองแล้ว”
หยวนป๋าย หนึ่งใน ‘สองหยกงาม’ บนวิถีกระบี่ของอดีตราชวงศ์จูอิ๋ง ได้ทำการค้าครั้งหนึ่งกับภูเขาตะวันเที่ยง เปลี่ยนจากเค่อชิงมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของภูเขาตะวันเที่ยง ภายหลังถามกระบี่กับหวงเหอเจ้าสวนลมฟ้าไปรอบหนึ่ง หยวนป๋ายได้รับบาดเจ็บไม่เบา แต่สามารถถ่วงรั้งการฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนของหวงเหอไว้ได้สำเร็จ
ทุกวันนี้หยวนป๋ายรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนยอดเขาตุ้ยเซวี่ย ผลสำเร็จบนวิถีกระบี่ในชีวิตนี้คงไม่สูงไปยังไงแล้ว
นอกจากนี้บนภูเขาตะวันเที่ยงยังมีผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยคนหนึ่งที่เกือบจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดศาลบรรพจารย์ของสำนักกระบี่หลงเฉวียน หลังจากหันมาเข้าร่วมกับภูเขาตะวันเที่ยง การฝ่าทะลุขอบเขตก็พุ่งไปข้างหน้าดุจผ่าลำไม้ไผ่
ครั้งนี้ปิดด่านก็เพื่อสร้างโอสถ เพียงแค่รอให้เขาออกจากด่านมาก็จะจัดพิธีเปิดขุนเขา ได้เลื่อนเป็นเจ้าแห่งยอดเขาแห่งหนึ่ง
สายตาของชุยตงซานเย็นชาลงเล็กน้อย “ข้างกายของหยวนป๋ายมีสาวใช้คนหนึ่งชื่อว่าหลิวไฉ่ มาจากพื้นที่มงคลบ่อสวรรค์ของธวัลทวีป”
หลิวไฉ่ หลิวไฉ
เจียงซ่างเจินเกิดความสนใจทันใด “แม่นางหลิวไฉ่คนนั้น?”
ชุยตงซานเหลือกตามองบน “สำหรับเจ้าแล้วถือเป็นคนประเภทที่ว่าเห็นหน้าแล้วก็จำไม่ได้”
เจียงซ่างเจินยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง ถามว่า “อู๋ถีจิงคือหลี่ถวนจิ่งที่สละร่างจากโลกนี้ไปแล้วกลับชาติมาจุติใหม่ สตรีที่ชื่อเถียนหว่านหาตัวเขาเจอจึงพาขึ้นเขามาฝึกตน เพียงแค่เพื่อทำให้หวงเหอและหลิวป้าเฉียวสะอิดสะเอียนในภายหลังอย่างที่เจ้าขุนเขาพูดจริงๆ หรือ?”
ชุยตงซานพยักหน้า “ไม่ผิดไปจากนี้แน่”
เด็กหนุ่มผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาบนโลก นามว่าอู๋ถีจิง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตคือยวนยาง เล่าลือกันว่านอกจากนี้แล้วเขายังได้ครอบครองกระบี่บินที่ถูกปิดเป็นความลับไม่แพร่งพรายให้ใครรู้อีกเล่มหนึ่งด้วย
ส่วนข้อที่ว่าทำไมถูกปิดเป็นความลับไม่แพร่งพรายแล้วยังถูกเล่าลือออกมาได้ เรื่องบนภูเขาประเภทนี้แค่รู้กันดีอยู่แก่ใจก็พอแล้ว นี่ก็เป็นหลักการเดียวกับเรื่องลับบางอย่างที่ถูกบันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ล่างภูเขานั่นแหละ
เจียงซ่างเจินขยับเคลื่อนสายตา “ยังคงเป็นยอดเขาตุ้ยเซวี่ยที่มองดูแล้วน่ารักกว่าหน่อย”
ยอดเขาตุ้ยเซวี่ย (หันเข้าหาหิมะ) เนื่องจากเป็นยอดเขาสองแห่งคุมเชิงกันอยู่ ภูเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของยอดเขาตุ้ยเซวี่ยมีหิมะตกสะสมตลอดทั้งปี แต่ยอดเขาแห่งนั้นกลับไม่มีชื่อ แค่ได้ยินมาว่าบรรพจารย์เปิดภูเขาของยอดเขาตุ้ยเซวี่ย ภายหลังได้เป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดท่านหนึ่ง เคยฝึกบำเพ็ญตนอยู่บนภูเขาฝั่งตรงข้ามร่วมกับคู่รัก คู่รักยังไม่ทันเลื่อนเป็นโอสถทองก็จากโลกนี้ไปเสียก่อน เซียนกระบี่ที่นิสัยสันโดษแปลกแยกผู้นี้จึงปิดภูเขาลูกนี้เอาไว้ เวลาหลายร้อยปีให้หลัง นางก็อยู่บนยอดเขาตุ้ยเซวี่ยตลอดเวลา บอกว่าปิดด่าน แต่แท้จริงแล้วเพราะเบื่อหน่ายกิจธุระในสำนัก จึงเท่ากับสละเก้าอี้ของเจ้าขุนเขาเจ้าสำนักภูเขาตะวันเที่ยงไป
เพียงแต่ว่าความจริงที่ถูกบันทึกไว้ในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยงกลับไม่ได้โศกเศร้าชวนให้คนซาบซึ้งใจเช่นนี้แล้ว
ชุยตงซานเล่าเจื้อยแจ้วถึงเรื่องขุนเขาสายน้ำที่ให้ตายก็หนีไม่พ้นคำว่ารักเรื่องนั้นให้ฟัง
คู่รักของบรรพจารย์หญิงจากยอดเขาตุ้ยเซวี่ยผู้นั้น ตอนที่นางปิดด่านเกิดได้ใหม่แล้วลืมเก่า พอนางออกจากด่านแล้วรู้เรื่องเข้าก็ฆ่าเขาทิ้งทันที แล้วยังจุดตะเกียงวิญญาณไว้ดวงหนึ่ง เอาไปวางไว้บนยอดเขาฝั่งตรงข้ามกับยอดเขาตุ้ยเซวี่ย ให้หิมะที่หนาวเหน็บแช่แข็งไว้นานหลายสิบปี ทว่านับแต่นั้นมานางก็เกิดจิตมาร สุดท้ายการปิดด่านครั้งสุดท้ายที่พยายามจะฝ่าทะลุคอขวดก่อกำเนิด ธาตุไฟก็เข้าแทรก จึงถูกผู้ฝึกกระบี่ในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยงร่วมมือกันล้อมสังหาร โชคชะตากระบี่บนร่างของนางกลับเป็นน้ำดีที่ไม่ไหลเข้านาคนอื่น ถูกกักกันไว้ในอาณาเขตของภูเขาตะวันเที่ยง
เรื่องเก่าแก่นานนมในแจกันสมบัติทวีปพวกนี้ ชุยตงซานรู้เยอะมากจริงๆ ตอนที่เขากับเจ้าตะพาบเฒ่าสองคนยังเป็นชุยฉานคนเดียวกันนั้น บางครั้งยามดึกดื่นเงียบสงัดก็จะหยิบเอาเหล้าออกมาหนึ่งกา ถั่วลิสงหนึ่งจาน ด้วยเคยชินที่จะจุดตะเกียงอ่านตำรายามค่ำคืน ในมือจึงดึงเอาตำราออกมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารลับบนภูเขา ประวัติร่องรอยเซียน เรื่องลับในวังหลวง บุญคุณความแค้นในยุทธภพ เขาล้วนอ่านทั้งหมด
“หากรู้แต่แรกคงไม่ฟังเรื่องวงในที่ทำลายบรรยากาศพวกนี้แล้ว”
เจียงซ่างเจินทอดถอนใจ สองมือสอดกันรองไว้ใต้ท้ายทอย ส่ายหน้าเอ่ย “ฝึกตนอยู่บนภูเขาก็เหมือนการเติมน้ำเข้าไปในสุรา ให้เหล้ากาหนึ่งเปลี่ยนเป็นน้ำเหล้าไหใหญ่ ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน ยิ่งเติมน้ำมาก ก็ยิ่งดื่มได้นาน ทว่ารสชาติกลับยิ่งเจือจางมากขึ้นเท่านั้น อักษรคำว่าเจ้า เขา นาง พวกเจ้า พวกเขา มีเพียง ‘ข้า’ เท่านั้นที่แตกต่าง ไม่มีอักษรคำว่าคนคอยแอบอิงอยู่ด้านข้างด้วย (你 เจ้า他 เขา她 นาง你们 พวกเจ้า他们 พวกเขา มีอักษรประกอบคืออักษร 人 ที่แปลว่าคนรวมอยู่ด้วย)”
ชุยตงซานพลันหัวเราะ “พวกเราสองคนมาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะพอดี ศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเสี้ยนเริ่มการประชุมกันแล้ว”
เจียงซ่างเจินเหลือบตามองรุ้งยาวแสงกระบี่ที่ผุดขึ้นมาจากยอดเขามากมาย “สมคำเล่าลือจริงๆ เซียนกระบี่มีเยอะมาก”
ชุยตงซานสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยว่า “ข้าเคยเห็นร้านแห่งกาลเวลาที่ว่างเปล่าร้านหนึ่งในซากปรักถ้ำสวรรค์แห่งหนึ่ง ไม่มีเถ้าแก่หรือลูกจ้างอยู่ในร้าน แต่กลับยังคงทำการค้าที่บังคับซื้อบังคับขายได้มากที่สุดในใต้หล้า”
เจียงซ่างเจินเอ่ยชื่นชม “อิจฉาในความรู้ที่กว้างขวางของน้องชุยจริงๆ”
เจียงซ่างเจินพลันหันหน้ามาถาม “น้องชุย ชั่วชีวิตนี้เจ้าไม่เคยเจอสตรีที่พอจะทำให้ใจเจ้าหวั่นไหวได้บ้างเลยหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!