นักพรตเฒ่าที่นั่งยองอยู่ริมทางเพิ่งจะแทะแตงโมครึ่งหนึ่งในมือเสร็จ แตงโมกึ่งดิบยังไม่สุกงอมดี รสชาติธรรมดา จึงเตรียมจะหยิบอีกครึ่งที่เหลือมากิน พอได้ยินสองชื่อนี้ก็พลันตัวสั่นเยือก ค้อมเอวลงอีกครั้ง ยื่นมือออกไปปาดช้อน แนบหลังมือไว้กับพื้นดิน ฝ่ามือประคองแตงโมเหมือนเซียนเหรินประคองขุนเขาไว้ในฝ่ามือ ไยจะไม่มีมาดของเทพเซียนเล่า นักพรตเฒ่าลูบหนวดยิ้ม แตงไม่สุกไม่หวาน ทว่าวิชาคาถาบนร่างนับว่ายังพอใช้ได้ ไม่เคยรู้สึกติดขัดไม่คุ้นมือแม้แต่น้อย
ทว่าคำว่าสองชื่อที่เขากล่าวนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับสหายน้อยเฉินที่เพียงพบเจอก็ถูกชะตา จึงสนิทสนมกลมเกลียวกันแม้แต่น้อย แต่เป็นชื่อของนครบินทะยานและชื่อหนิงเหยาต่างหาก
เซียนกระบี่อะไรนั่น นักพรตเฒ่าเห็นมานักต่อนักแล้ว
ทว่าบุคคลอันดับหนึ่งของตลอดทั้งใต้หล้าตัวจริง น้ำหนักหนักว่าแตงโมครึ่งซีกใต้ฝ่ามือของนักพรตวัวดำในเวลานี้มากนัก
พี่ใหญ่ซุนแห่งอารามเสวียนตูนั่นเพิ่งจะเป็นบุคคลอันดับที่เท่าไรในใต้หล้ามืดสลัวกันเชียว? ดูเหมือนว่าจะเป็นอันดับที่ห้ามิใช่หรือ?
ฝูลู่อวี๋เสวียน น้องอวี๋ของพวกเราคนนั้น สองชายแขนเสื้อบรรจุเต็มไปด้วยแผ่นยันต์ เพิ่งจะเป็นบุคคลอันดับที่เท่าไรของไพศาลเอง? ดูเหมือนว่าจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำกล่าวที่แน่ชัดว่าเขาอยู่ในอันดับใดกระมัง? แต่สรุปก็คือลำดับชื่ออยู่ค่อนไปทางด้านหลังอย่างมาก
หากหนิงเหยาเป็นเพียงแค่หนิงเหยาแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่กลับยังดี คำกล่าวที่ว่าอนาคตบนมหามรรคามีความหวัง ก็เป็นแค่เรื่องในอนาคตที่อาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้มากมาย แต่หากเป็นหนิงเหยาที่อยู่ในนครบินทะยานแล้ว หนิงเหยาที่เป็นขอบเขตบินทะยานแล้ว กลับเป็นเรื่องตรงหน้าที่จริงแท้แน่นอนแล้ว
ในเมื่อตอนอยู่ใต้หล้าแห่งที่ห้านางเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตบินทะยานได้สำเร็จ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าบนเส้นทางการฝึกตนต่อจากนี้ ขอแค่ภายในเวลาแปดร้อยปีพันปี หนิงเหยาไม่ได้ไปอาละวาดก่อเรื่องที่ศาลบุ๋น หรือไปถามกระบี่ที่ป๋ายอวี้จิง ก็จะไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับนางแล้ว
ดังนั้นหนิงเหยาในวันนี้พกกระบี่เดินทางไกลมาเยือนไพศาล การออกจากบ้านเกิดของนาง เป็นการนำพา ‘มหามรรคาแห่งใต้หล้า’ มาบนร่างนางด้วย อะไรที่เรียกว่ามังกรข้ามแม่น้ำ ก็คืออย่างนี้นี่เอง
นักพรตเฒ่าอดไม่ไหวหันหน้าไปมอง ไม่ทันมีเวลามาสนใจว่านักพรตน้อยเฉินจะจดจำความแค้นหรือไม่ เพราะเขาอยากจะเหลือบมองสตรีผู้เดินทางไกลที่สะพายกล่องกระบี่ไว้ด้านหลังคนนั้นอีกหน่อย ได้มองมากอีกแค่แวบเดียวก็ถือเป็นกำไรนี่นา
คนเก่าแก่ในยุทธภพหมายความว่าอะไร ก็หมายความว่าบนเส้นทางชีวิตเคยพบเจอใคร เคยดื่มเหล้ากับใคร เรียกพรรคพวกเรียกสหาย เคยประลองฝีมือประชันมรรคกถากับใคร ฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเคยชนะใครมาก่อนไม่แน่เสมอไปว่าจะร้ายกาจอย่างไร แต่เคยแพ้ให้กับใคร กลับกลายเป็นไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นเรื่องที่ทำให้มีหน้ามีตาก็เป็นได้
เฮ้ย! สหายน้อยเฉิน เจ้าโจรน้อยช่างใจกล้านัก ถึงกับลงไม้ลงมือกับเทพธิดาหนิงเลยหรือ?!
เทพธิดาหนิง สามารถออกกระบี่ได้แล้ว ฟันเท้าหมาคู่นั้นของเขาซะ เรื่องแบบนี้หากแพร่ออกไปจะไม่ทำให้คนนอกเห็นเป็นเรื่องตลกเปล่าๆ หรอกหรือ…เดี๋ยวก่อน เรื่องคืนนี้ใครจะเอาไปบอกต่อได้? สหายนักพรตน้อยเฉินคนนั้นคงไม่เปลี่ยนสีหน้าไม่จำคน เป่าลมข้างหมอนอะไรนั่นให้เทพธิดาหนิงฟัง แล้วให้นางมาฆ่าคนปิดปากหรอกกระมัง? ช่างเถิด คู่รักเทพเซียนคู่หนึ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้า คู่สร้างคู่สมที่สวรรค์สรรค์สร้าง อยู่ใต้แสงจันทร์เบื้องหน้ามวลบุปผา ออดอ้อนคลอเคลียกันจนกระทั่งแสงจันทร์ยังอาย เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว
เป็นข้าผินเต้าที่เป็นส่วนเกินสินะ
ยังคงกินแตงต่อดีกว่า
เฉินผิงอันกอดหนิงเหยาเบาๆ แล้วก็ปล่อยนางอย่างรวดเร็ว ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว “มาได้อย่างไร?”
สีแดงแผ่ลามข้างจอนหูของหนิงเหยา ผงชาดอะไร วาดขนคิ้วอะไร หวีผมประทินโฉมอะไร จำเป็นเสียที่ไหน
หนิงเหยายื่นกระบี่ยาวในมือให้เฉินผิงอัน เอ่ยว่า “ประมาทเกินไปหน่อยหรือไม่? กระบี่พกประจำตัวก็กล้ามอบให้คนอื่นหรือ?”
เฉินผิงอันรับเย่โหยวมาสะพายไว้ด้านหลัง ยิ้มเอ่ย “เทพเซียนผู้เฒ่าเฟิงจวินเป็นบุคคลที่เปิดเผยตรงไปตรงมา มอบกระบี่เย่โหยวให้เขา ข้าวางใจอย่างมาก ไม่ต่างจากยามที่สะพายไว้เองเลย”
หนิงเหยารู้สึกกังขาเล็กน้อย เฟิงจวิน?
เฉินผิงอันหันหลังให้วัวดำที่กินหญ้าและนักพรตที่กินแตง ขยิบตาให้หนิงเหยา เอ่ยเตือนว่า “ก็คือนักพรตวัวดำที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างไรล่ะ อันที่จริงก็เป็นเทพเซียนผู้เฒ่าท่านนี้ที่เป็นคนแรกสุดที่เสนอให้ ‘นอกใช้ยันต์ในหลอมยา หยินหยางส่งเสริมควบวิชาคาถา’ น่าเสียดายก็แต่ธรณีประตูในการรับลูกศิษย์ของนักพรตผู้เฒ่าสูงเกินไป เสียเปรียบมามาก ชื่อเสียงถึงยังไม่โด่งดังไปหลายใต้หล้าอย่างจริงจังเสียที มีคนมากมายบนโลกใบนี้ที่คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ความสามารถไม่คู่ควรกับชื่อเสียง ทว่าเทพเซียนผู้เฒ่าเฟิงจวินกลับตรงกันข้ามกันเลย ช่างชวนให้คนรู้สึกอยุติธรรมแทนเขานัก”
หนิงเหยาร้องอ้อหนึ่งที “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็หนึ่งในสี่ผู้อาวุโสของลัทธิเต๋าที่เจ้าเคยพูดถึงเมื่อก่อนนี่เอง”
นักพรตเฒ่าที่นั่งยองอยู่ห่างไปไกล อันที่จริงคอยเงี่ยหูตั้งใจฟังอยู่ตลอดเวลา เวลานี้ฟังจนดวงตาสองข้างเปล่งประกาย สองไหล่สั่นสะท้านน้อยๆ แตงที่อยู่ในมือชิ้นนี้ทิ้งรสชาติอบอวลไว้เต็มปาก พอนึกจะหวานก็ช่างหวานจริงๆ
สี่คนไหน?
นักพรตจมูกโคหน้าเหม็นอย่างตงไห่แห่งอารามกวานเต๋า ซุนไหวจงแห่งอารามเสวียนตูใหญ่ ฝูลู่อวี๋เสวียน เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ ฮว่อหลงเจินเหริน นี่ก็ตั้งห้าคนเข้าไปแล้ว
ไม่ว่าผินเต้าจะเบียดคนไหนหล่นไปก็ล้วนเป็นเรื่องงดงามที่ต้องจุดธูปขอบคุณให้มากจริงๆ หรือจะให้เป็นอันดับล่างสุดของสี่คนก็ได้
ก่อนหน้านี้นักพรตน้อยเฉินคุยเล่นกับตนที่ภูเขาเหนี่ยวจวี่ ทำไมไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย ปฏิบัติต่อคนอื่นไม่จริงใจมากพอเลยนะ ในเมื่อในใจมีความเคารพนับถือเช่นนี้อยู่นานแล้ว จะปิดบังไปทำไม?
หนังหน้าของคนหนุ่มหนาเกินไปย่อมไม่ได้ แต่บางเกินไปก็ยิ่งไม่ดี
ตอนนั้นกริชที่ไถลออกมาจากชายแขนเสื้อหมุนควงไม่หยุดนิ่ง ทำให้คนมองรู้สึกขนลุกขนชัน ทำเอาผินเต๋าเกือบจะเข้าใจผิดคิดว่าได้เจอกับเฉาโม่ผู้นั้นจริงๆ จากนั้นยังรวมเวทห้าอสนีไว้กลางฝ่ามือ เล่นไปเล่นมา ก็หนีไม่พ้นคำว่า ‘ของแท้ดั้งเดิม’ ทำไม คือผู้สูงศักดิ์น้อยจวนเทียนซือคนหนึ่งที่ลืมกระบี่ไม้ท้อไว้ในบ้านหรือ คิดไม่ถึงว่าที่แท้ล้วนเป็นความเข้าใจผิดกันทั้งนั้น
ก็เหมือนอย่างห่านกลางเมฆแมลงกลางพงหญ้ารบกวนความฝันคน ม้าเหล็กตะลุยลำคลองน้ำแข็งเข้าสู่ความฝัน ความเข้าใจผิดที่เป็นเช่นนี้กลับไม่ทำลายความงดงาม
นักพรตเฒ่าที่มีสีหน้าสดชื่นกระปรี้กระเปร่ารีบโยนแตงในมือทิ้งไปทันที สะบัดชายแขนเสื้อสองข้าง กระแอมเบาๆ หนึ่งทีเป็นการเตือน แล้วถึงได้ลุกขึ้นยืนช้าๆ เผชิญหน้ากับชายหญิงอายุน้อยคู่นั้น นักพรตเฒ่าไม่ลืมใช้ส้นเท้าเตะเปลือกแตงที่เหลืออยู่บนพื้นให้กระเด็นไปไกล
นักพรตเฒ่าลูบหนวดยิ้ม หลังจากชำเลืองตามองสตรีขอบเขตบินทะยานคนนั้นแล้วก็ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ยังคงไม่รู้สึกผิดบาปแม้แต่น้อย ยกมือคารวะตามขนบลัทธิเต๋า เอ่ยเสียงดังกังวานว่า “ผินเต้าเฟิงจวิน ฉายาว่าวัวดำ”
เฉินผิงอันเองก็คารวะแบบลัทธิเต๋ากลับคืนไปอย่างที่หาได้ยาก
ส่วนหนิงเหยากุมหมัดคารวะกลับคืน “ผู้เยาว์หนิงเหยา รู้สึกโชคดีที่ได้พบท่านนักพรต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!