เผยเฉียนยิ้มเอ่ย “นับว่ายังดี อาจารย์พ่อสอนได้ดียิ่ง แต่ข้ากลับเรียนรู้มาได้แค่สองสามส่วนเท่านั้น”
มันพลันตบโต๊ะ เอ่ยอย่างมีโทสะว่า “เป็นแม่นางน้อยคนหนึ่ง เจ้ามาพูดเลียนแบบข้าทำไม?!”
เผยเฉียนรีบยกมือไปกดหน้าโต๊ะเอาไว้ทันที กลัวว่าจะเสียงดังจนปลุกให้หมี่ลี่น้อยตื่น
มันได้แต่เอ่ยขออภัยเผยเฉียนอย่างขลาดๆ “ขอโทษทีๆ ไม่ทันระวังเลยเปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริง”
จู่ๆ เผยเฉียนก็เอ่ยว่า “วันหน้าไปถึงภูเขาลั่วพั่ว เจ้าสามารถไปที่ร้านฉ่าวโถวในตรอกฉีหลงก่อนได้ ที่นั่นมีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่น่าจะพูดคุยกับเจ้าถูกคอ เจอกันแล้วต้องถูกชะตากันแน่ๆ”
เด็กชายผมขาวทำสีหน้าสนเท่ห์ “ผู้อาวุโสคนไหน? ขอบเขตบินทะยานหรือ? แถมยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วย?”
ภูเขาลั่วพั่วใช้ได้เลยนี่นา บวกกับหนิงเหยา แล้วก็บวกตนและผู้อาวุโสท่านนี้เข้าไป สามบินทะยานแล้ว! วันหน้าตนไปถึงใต้หล้าไพศาลจะไม่สามารถเดินวางก้ามเหมือนปูได้ทุกวันเลยหรือ?
เผยเฉียนส่ายหน้า “ขอบเขตประตูมังกร”
เด็กชายผมขาวร้องเพ้ยหนึ่งที “ล้อเล่นอะไรกัน ขอบเขตประตูมังกร? ข้าทนขายหน้าแบบนี้ไม่ได้หรอก!”
เผยเฉียนไม่เอ่ยอะไรอีก
เด็กชายผมขาวพนมสองมือเข้าด้วยกัน สีหน้าเคร่งขรึม พูดเออออกับตัวเองว่า “เด็กน้อยพูดจาไม่รู้ประสา เด็กน้อยพูดจาไม่รู้ประสา ขอให้สมพรปากเจ้า ขอให้สมพรปากเจ้า จะต้องได้ไปภูเขาลั่วพั่ว ได้ไปเยี่ยมเยือนเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตประตูมังกรของตรอกฉีหลงอะไรนั่นแน่นอน”
เผยเฉียนพลันมองเทวบุตรมารนอกโลกที่มีรูปโฉมเป็นเด็กชายผมขาวอย่างเหม่อลอย เอ่ยเสียงเบาว่า “ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในใจของคนอื่น ใช้ชีวิตกลายมาเป็นตัวเองอีกคนหนึ่ง จะต้องลำบากมากแน่ๆ”
เด็กชายผมขาวอึ้งตะลึง นั่งขัดสมาธิแทะเมล็ดแตงพลางยิ้มทะเล้นพูดหน้าเป็นว่า “นังหนูน้อยอายุใหญ่เท่าก้น อันที่จริงไม่ว่าอะไรก็ล้วนไม่รู้เรื่อง ยามพูดถึงเรื่องนี้จึงเป็นแค่คำพูดบางเบา ไม่อาจปลอบใจคนได้”
เผยเฉียนอืมรับหนึ่งที ไม่ได้ตอบโต้ ฟุบตัวลงนอนบนโต๊ะ สองมือวางทับซ้อนกัน วางปลายคางแหลมเล็กไว้บนหลังมือ
เด็กชายผมขาวเหลือบมองมวยผมทรงกลมของหญิงสาว “มีความรู้สึกทุกอย่างร่วมกัน ทุกครั้งไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ล้วนรับรู้ไปพร้อมกัน ไม่ได้ผ่อนคลายเลย ดังนั้นเจ้าอย่าได้เรียนรู้จากอาจารย์พ่อของเจ้าทุกเรื่อง เฉินผิงอันเองก็ไม่หวังให้เป็นเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็คอยดูไปเถอะ ฝึกกระบี่ ฝึกบำเพ็ญตน วันใดจิตมารผุดขึ้นมา เมื่ออยู่ในใจของเจ้าก็จะใหญ่เท่าเขาพระสุเมรุที่ขัดขวางทางไปของเจ้า ทำให้เจ้าลำบากจนพูดไม่ออก ถึงเวลานั้นเจ้าถึงเพิ่งจะรู้ว่าอะไรคือความ ‘ลำบาก’ ที่แท้จริง ปีนั้นตอนที่อยู่ในคุก มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อโยวอวี้ เป็นคนโง่ที่มีโชคของคนโง่ อยากจะคิดให้มากก็ยังไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไร และมีเจ้าเด็กคนหนึ่งชื่อตู้ซานอินที่มีชีวิตเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก ไม่ต้องสนใจแม่งหรอกว่าดีหรือเลว จุดที่สายตามองไปเห็น ของดี เป็นของข้า ไม่ว่าอะไรก็ล้วนเป็นของข้า ของที่ไม่มีค่า ขอแค่เป็นไปได้ ต่อให้ทุบจนเละเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางยกให้คนอื่นแน่นอน ในใจไม่มีกฎเกณฑ์กรอบระเบียบใดๆ บนเส้นทางการฝึกตนก็มีคนสองประเภทนี้นี่แหละที่กลับกลายเป็นว่าจะเดินไปได้ง่ายกว่าคนอื่นหน่อย”
จากนั้นคนทั้งคู่ก็พากันเงียบไป
หมี่ลี่น้อยหลับฝันหวาน เผยเฉียนฟุบตัวนอนเหม่อลอย เด็กชายผมขาวนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความเบื่อหน่าย คอยพนมมือยกขึ้นสูงเหนือหัวอยู่เป็นระยะ ปากก็ท่องพึมพำ คาดว่าคงขอร้องเทพเซียนจากทุกฝ่ายที่ขอร้องได้ครบไปแล้วรอบหนึ่ง
สุดท้ายมันก็ถอนหายใจ ชำเลืองตามองสีท้องฟ้าราตรีนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง สีเทามืดทะมึนราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
อู๋ซวงเจี้ยงผู้นั้น สำหรับมันและนางในอดีต สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็คือหลุมที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่อาจข้ามผ่านไปได้
ปีนั้นอู๋ซวงเจี้ยงทำเรื่องหนึ่งให้สำเร็จก่อน จิตมารก็คือนาง นางคือจิตมาร นี่ก็เหมือนโครงสร้างทั้งหมดและกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่อู๋ซวงเจี้ยงกำหนดมาไว้นานแล้ว
ด้วยเรื่องนี้อู๋ซวงเจี้ยงได้ตั้งใจเตรียมการมานานถึงร้อยกว่าปี
อู๋ซวงเจี้ยงทำลายจิตมารได้อย่างไร?
นั่นก็คือกลายเป็นจิตมารของ ‘นาง’
ตอนนั้นในสายตาของเหล่าบรรพจารย์ตำหนักสุ้ยฉู อู๋ซวงเจี้ยงเสียเวลาเปล่าอยู่ที่คอขวดก่อกำเนิดนานเป็นร้อยปี คนรอบกายล้วนพากันฉงนสนเท่ห์ว่าเหตุใดคนที่มีคุณสมบัติในการฝึกตนโดดเด่นเช่นอู๋ซวงเจี้ยงถึงได้หยุดชะงักที่ขอบเขตก่อกำเนิดนานเช่นนี้
ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่า แท้จริงแล้วก่อนหน้านั้นเมื่อนานมากแล้ว อู๋ซวงเจี้ยงได้เตรียมเส้นทางสำหรับการบินทะยานของตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นที่ว่าควรจะเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่อย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการไว้นานแล้ว
ก็เหมือนกับคนคนหนึ่งที่เกิดมาก็รู้ทุกอย่าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นนางหรือเทวบุตรมารนอกโลก ก็ล้วนรู้เรื่องหนึ่งชัดเจนดียิ่งกว่าใคร อู๋ซวงเจี้ยงไม่ใช่คนที่เกิดมาแล้วล่วงรู้ทุกอย่าง บุรุษที่เวลาปกติเงียบขรึมพูดน้อย มักจะให้ความรู้สึกเฉยชาแก่ผู้คน หรืออย่างมากสุดก็เป็นภาพจำที่ว่าเขาเป็นคนสุขุมหนักแน่นผู้นี้ เพียงแค่ชอบคิดมากเท่านั้น
เด็กชายผมขาวพลันปวดหัว ลำพังเพียงแค่คิดถึงอู๋ซวงเจี้ยงก็ปวดหัวราวหัวจะแตกแล้ว สองมือจึงยกขึ้นกุมศีรษะ
เผยเฉียนคืนสติกลับมา ส่งเหล้าไปให้อีกกาหนึ่ง มันดื่มรวดเดียวหมดไปครึ่งกา หางตาเหลือบไปเห็นถุงเล็กๆ ใบหนึ่งก็กระโดดผลุงลุกขึ้นยืน ค้อมเอวเตรียมจะหยิบมาไว้ในมือ คิดไม่ถึงว่าเผยเฉียนเองก็ลุกขึ้น ยื่นมือไปกดปลาเล็กปลาน้อยตากแห้งถุงเล็กนั้นเอาไว้เบาๆ ออกจากบ้านเดินทางไกลครั้งนี้ เมล็ดแตงของหมี่ลี่น้อยมีไม่น้อย แต่ปลาตากแห้งกลับมีไม่มาก
มันจึงได้แต่หยิบปลาลำธารตากแห้งมาสามสี่ตัวแล้วกลับมานั่งที่เดิม โยนเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ ปลาแห้งหนึ่งตัวเหล้าหนึ่งอึก เอ่ยพึมพำว่า “ตอนเด็กทุกครั้งที่ทำกุญแจหายไปหรือทำด้วยแตกสักใบแล้วโดนด่า ก็จะนึกว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่เทียมฟ้าแล้ว”
เผยเฉียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดมันถึงพูดเรื่องพวกนี้ คิดไม่ถึงว่าเด็กชายผมขาวจะขยี้ตาแรงๆ แล้วน้ำตาแห่งความขมขื่นก็ไหลอาบหน้าในชั่วพริบตา พูดอย่างเสียใจในความผิดพลาดของตัวเองด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ “ข้ายังเป็นแค่เด็กนะ ยังเป็นแค่เด็ก ทำไมต้องมาถูกผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งรังแกด้วย ใต้หล้าไม่มีเหตุผลแบบนี้หรอกนะ บรรพจารย์อิ่นกวาน ฝีมือการต่อสู้เลิศล้ำค้ำโลกา ใต้หล้าไร้ศัตรูเทียมทาน ตีเขาให้ตาย ตีเจ้าตะพาบที่เสียสติผู้นั้นให้ตายไปเลย!”
เผยเฉียนนวดคลึงหว่างคิ้ว ฉวยโอกาสตอนที่อาจารย์พ่อไม่อยู่หยิบเหล้าหมักมาให้ตัวเองหนึ่งกา รินใส่ถ้วย จิบเหล้าหนึ่งอึก
เด็กชายผมขาวเช็ดน้ำตาแล้วก็ยังพูดเสียงสะอึกสะอื้นไม่หาย “เวลาที่เด็กเจ็บก็แค่ร้องไห้โฮดังๆ แต่คนโตล่ะ…”
กล่าวมาถึงตรงนี้มันก็เก็บสีหน้า พึมพำว่า “ชั่วชีวิตนี้มีชีวิตอยู่เหมือนคนที่ดื่มเหล้าดับทุกข์คนเดียว”
เผยเฉียนถาม “ขอละลาบละล้วงถามสักคำ เมื่อเจ้าตำหนักอู๋กายดับมรรคาสลายแล้ว เจ้าก็ต้อง?”
มันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้ารับ ในดวงตามีประกายสดใสเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยประโยคหนึ่งที่ยากจะทำให้คนข้างกายรู้สึกเห็นอกเห็นได้ใจ “ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างนะ”
ก่อนที่มันจะเจอกับอู๋ซวงเจี้ยงก็หวังว่าจะได้อิสรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นหรือตายก็ไม่ต้องคอยกลัดกลุ้ม พอได้เจอกับอู๋ซวงเจี้ยงก็หวังแค่ว่าตัวเองจะได้หลุดพ้น ไม่ต้องถูกกักขังอยู่ในหัวใจของเขาอีกต่อไป แต่ก็ไม่หวังให้อู๋ซวงเจี้ยงต้องกายดับมรรคาสลายไปนับแต่นี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมานางก็หวังมาโดยตลอดว่าระหว่างฟ้าดินจะยังคงมีเขา เขาที่มีชีวิตอยู่อย่างดี
เผยเฉียนยกถ้วยเหล้าขึ้น ยกส่งไปทางมัน เด็กชายผมขาวก็ชูกาเหล้าขึ้นชนกับถ้วยของนางเบาๆ ต่างคนต่างดื่มเหล้าของตัวเอง
ชีวิตเจอเรื่องไม่เบิกบานใจ ใช้เหล้าดับทุกข์ กลืนลงไปพร้อมกับสุรา
มันถามหยั่งเชิงว่า “พวกเราสองคนเป็นสหายรักที่สนิทสนมกัน ขอปลาแห้งอีกสักสองตัวสิ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!