กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 778

ทะเลสาบขนาดเล็กแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยใบบัวปูแผ่ มีทางเส้นเล็กสายหนึ่งทอดยาวตรงไปยังศาลากลางทะเลสาบ

บนเส้นทาง ชายหญิงคู่หนึ่งยืนชมทัศนียภาพกันอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เข้าไปในศาลาที่ปัญญาชนวัยกลางคนและสิงกวานยืนอยู่

ข้างกายบุรุษหนุ่มคนหนึ่งมีเด็กสาวที่คล้องตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนข้อมือยืนอยู่ นางสวมชุดเรียบๆ แต่สะอาดสะอ้าน รูปโฉมงามพิลาส

บุรุษหนุ่มสวมชุดเขียวสะพายกระบี่ เรือนกายสูงใหญ่ ตรงเอวห้อยถุงใบเล็กสีเงินไว้ใบหนึ่ง แสงสีทองเล็กละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกซึมออกมาจนกลายเป็นเส้นสีเงินยวง สว่างไสวดุจแสงอรุโณทัย

ก็คือผู้ฝึกกระบี่แห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ ตู้ซานอิน เขากับโยวอวี้ต่างก็ถูกจับโยนเข้าไปในคุก ตู้ซานอินกลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสิงกวาน ส่วนโยวอวี้ก็กลายไปเป็นลูกศิษย์ของเฒ่าหูหนวกอย่างมึนๆ งงๆ คนหนึ่งติดตามสิงกวานกลับไพศาล อีกคนหนึ่งติดตามเฒ่าหูหนวกไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

เด็กสาวข้างกายตู้ซานอินมีนามว่าจี๋ชิง เคยมีชีวิตพึ่งพากันและกันกับฉางมิ่งอยู่ในคุก ในอดีตคอยซักผ้าอยู่ริมลำธารในคุกปีแล้วปีเล่า

ฉางมิ่งคือร่างจำแลงของบรรพบุรุษแห่งเงินเหรียญทองแดงแก่นทอง จี๋ชิงเองก็เป็นการจำแลงของบรรพบุรุษเงินเทพเซียนประเภทหนึ่งเช่นกัน

ตู้ซานอินถามเสียงเบา “แม่นางจี๋ชิง เป็นอู๋ซวงเจี้ยงแห่งตำหนักสุ้ยฉูคนนั้นจริงๆ หรือ เขาผสานมรรคาเป็นขอบเขตสิบสี่แล้วหรือ?”

สองฝ่ายที่อยู่ตรงศาลาต่างก็ไม่ได้จงใจปิดบังบทสนทนาของพวกเขา ฝั่งของตู้ซานอินจึงรับฟังกับหู จดจำไว้ในใจอยู่เงียบๆ

จี๋ชิงคลี่ยิ้มหวาน พยักหน้าเอ่ย “เกินครึ่งคงใช่แล้ว”

ตู้ซานอินลูบคลำปลายคาง “ในเมื่อเด็กชายคนนั้นคือจิตมารของอู๋ซวงเจี้ยง นี่ก็คล้ายคลึงกับการหนีจากบ้านไปสินะ? ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว ตามเหตุตามผลแล้ว ใต้เท้าอิ่นกวานก็ควรจะมอบตัวเขาออกไปกระมัง? ยังจะตีกันอีกทำไม นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยนะ”

จี๋ชิงเพียงคลี่ยิ้มไม่เอ่ยคำใด

ตู้ซานอินเอ่ยต่อไปอีกว่า “อีกอย่างใต้เท้าอิ่นกวานก็ขึ้นชื่อว่าทำการค้าเก่ง เหตุใดทางฝั่งของโรงเตี๊ยมไม่พูดคุยกันก่อนแล้วรอให้พูดคุยกันไม่รู้เรื่องเสียก่อนค่อยฉีกหน้าแตกหักกัน ทั้งสองฝ่ายต่างทิ้งคำขู่อาฆาตอะไรนั่นไว้ แล้วค่อยตีกันเล่า? ไม่เหมือนกับนิสัยการกระทำของอิ่นกวานพวกเราเลย คงไม่ใช่ว่าพอกลับมาถึงบ้านเกิด อิ่นกวานอาศัยสถานะของสายบุ๋นสานสัมพันธ์กับทางศาลบุ๋นของแผ่นดินกลาง ก็เลยไม่ต้องกังวลกับผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ที่มาจากต่างถิ่นคนหนึ่งหรอกกระมัง?”

จี๋ชิงส่ายหน้า เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “บ่าวก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ตู้ซานอินยิ้มกล่าว “หากอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเรา อู๋ซวงเจี้ยงย่อมไม่มีทางกล้าลงมือแบบนี้แน่ เพราะถึงอย่างไรหนิงเหยาก็ไม่ใช่เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส”

จี๋ชิงกลับหันหน้าไปมองกลางทะเลสาบแล้ว คล้ายมีคนยืนอยู่ท่ามกลางน้ำมรกต ถือร่มใบบัวหลายคัน ริ้วน้ำกระเพื่อมไหว ใบบัวแผ่ขยาย กลิ่นหอมสดชื่นรวยริน ทำให้จิตใจคนปลอดโปร่งโล่งสบาย บางครั้งยังมียวนยางคู่เล่นน้ำอยู่ด้วยกันลอดผ่านไปตามใบบัว ใบบัวสีเขียวเข้มราวมวยผม ดอกบัวดั่งสาวงามประทินโฉม ใบบัวขยับไหวโดยไร้ลม ไม่ใช่ปลาว่ายน้ำก็ต้องเป็นนกยวนยาง

จี๋ชิงเริ่มคิดถึงพี่หญิงฉางมิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว หากมีโอกาสได้พบเจอกันอีกครั้งนางจะต้องถามใต้เท้าอิ่นกวานที่เห็นแล้วเงินตาโตผู้นั้นสักหน่อยว่า จำได้หรือไม่ว่าครานั้นที่ได้พบกันครั้งแรก แรกเริ่มที่อิ่นกวานหนุ่มมองพวกนางได้วางตัวอยู่ในกฎในระเบียบอย่างมาก ภายหลังพอรู้รากฐานของพวกนางกลับยิ้มอย่างสนิทสนมทันทีทันใด ความใกล้ชิดในสายตานั้น จะซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่อยู่ บุรุษผู้หนึ่งในสายตาคล้ายไม่เคยมีสาวงาม กลับมีแต่เงินอย่างเดียวเท่านั้น

พอเด็กสาวคิดเรื่องพวกนี้อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย นางจึงทรุดตัวลงนั่งยอง ยิ้มพลางดึงใบบัวเขียวเล่น

ตู้ซานอินยิ้มกล่าว “แม่นางจี๋ชิง หากชอบใบบัวพวกนี้ วันหน้าข้าจะบอกกับเจ้านครโจวสักคำ ให้เจ้าได้เก็บไปให้เต็มตะกร้าไม้ไผ่”

จี๋ชิงหันหลังให้ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนนั้น นางเหลือกตามองบนอย่างซุกซน คร้านจะเอ่ยอะไรให้มากความ เงินใต้หล้านี้ไม่ได้หากันเช่นนี้ มองดูเหมือนเก็บมาได้เปล่าๆ ได้ใบบัวเต็มหนึ่งตะกร้ามานั่นก็คือความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขาแล้ว นั่นไม่ใช่เงินหรอกหรือ? แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าและโจวเหม่ยหลางผู้นั้นก็ไม่ได้สนิทสนมกันจนถึงขั้นนี้จริงๆ เสียหน่อย

ตู้ซานอินก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ใบบัวหนึ่งตะกร้าเท่านั้น ไม่มีค่าพอให้ต้องสิ้นเปลืองความคิดจิตใจอะไร ส่วนใหญ่แล้วเขาคิดเรื่องใหญ่อย่างการฝึกตนของตัวเองมากกว่า

จะฝึกกระบี่อย่างไรให้ฝ่าทะลุขอบเขตเร็วยิ่งกว่าเดิม ควรจะเพิ่มระดับขั้นของกระบี่บินอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะกลายมาเป็นหนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ในอนาคต

วันหน้าเมื่อออกไปจากข้างกายของอาจารย์ เดินทางไกลท่องเที่ยวไปคนเดียว อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นจะสามารถพาจี๋ชิงไปอยู่ข้างกายได้หรือไม่ ต้องไปเยือนทักษินายทวีปสักรอบหนึ่งก่อน เพื่อไปเยี่ยมเยือนเซียนกระบี่ผู้อาวุโสฉีถิงจี้และลู่จือหรือเปล่า…เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนต้องให้เขาใคร่ครวญให้ดีตั้งแต่ตอนนี้ เขาไม่ใช่โยวอวี้ที่มึนๆ งงๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขาหวังว่าผ่านไปอีกสักไม่กี่สิบปีหรือร้อยปี เมื่อได้กลับมาพบเจอกับโยวอวี้คนรุ่นเดียวกันผู้นั้นอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายก็จะกลายเป็นหนึ่งฟ้าหนึ่งดินไปแล้ว

สิงกวานผู้เป็นอาจารย์ไม่ชอบพูดคุย ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ต่อให้ตู้ซานอินจะอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายตลอดเวลาก็ยังได้รู้แค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น ไม่ถือว่าเข้าใจอะไรอาจารย์มากนัก แซ่อะไรชื่ออะไร เรียนกระบี่อย่างไรกลายเป็นเซียนกระบี่ได้อย่างไร แล้วได้มาเป็นสิงกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้อย่างไร ล้วนเป็นปริศนาทุกเรื่อง

อาจารย์ชอบดื่มเหล้า ดังนั้นตอนอยู่ในคุกถึงได้ฉายาว่าผีขี้เหล้า แต่หลังจากที่อาจารย์ได้กลับมายังใต้หล้าไพศาลก็มีน้อยครั้งนักที่จะดื่มเหล้า นอกจากนี้หลังจากที่ตนกราบอาจารย์แล้ว อาจารย์ก็ไม่มีข้อเรียกร้องอะไร มีแค่อย่างเดียว ในอนาคตรอให้เขาตู้ซานอินเรียนวิชากระบี่สำเร็จแล้ว ออกไปท่องเที่ยวในไพศาล ได้เจอกับโจรเด็ดบุปผาคนหนึ่งก็สังหารคนหนึ่ง เรื่องสุดท้าย ดูเหมือนว่าอาจารย์ที่รับหน้าที่เป็นสิงกวานจะไม่มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อคนที่ได้ครอบครองพื้นที่มงคลทุกคนในใต้หล้า ดังนั้นปีนั้นที่อยู่กับอิ่นกวาน อันที่จริงอาจารย์จึงไม่เคยทำสีหน้าดีๆ อะไรให้เห็น

ทางฝั่งของศาลา ปัญญาชนวัยกลางคนโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้งทำให้ตู้ซานอินไม่ได้ยินอะไรอีกแม้แต่ครึ่งคำ จากนั้นก็ยิ้มถามว่า “ลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า หรือว่าตอนอยู่บ้านเกิดก็เคยมีความแค้นกับเฉินผิงอันอยู่ก่อนแล้ว? ไม่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ดูเป็นคนฉลาดหัวไว ทุกวันเอาแต่คิดโน่นคิดนี่ เหตุใดถึงแสร้งทำเป็นตาบอดกับเรื่องนี้? คล้ายกับว่านึกอยากจะมอบจิตสังหารหลายๆ ส่วนให้เจ้าตำหนักอู๋เสียเต็มแก่?”

สิงกวานส่ายหน้า “เขากับเฉินผิงอันไม่ได้มีความแค้นอะไร คงเป็นเพราะต่างคนต่างไม่ชอบขี้หน้ากันกระมัง”

ปัญญาชนวัยกลางคนยิ้มเอ่ย “หากจะคิดจริงจังกันขึ้นมา ไม่พูดถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่และนครบินทะยาน ลำพังแค่ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างและมนุษย์ธรรมดาส่วนเกินมากมายขนาดนั้นที่สามารถรักษาชีวิตรอดมาได้เพราะสายของอิ่นกวานคฤหาสน์หลบร้อน ก็พูดได้แค่ว่าการที่เขาได้กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้า สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ยังต้องขอบคุณอิ่นกวานคนนั้นถึงจะถูก เหตุใดพอเฉินผิงอันเจอกับเจ้าตำหนักอู๋ขอบเขตสิบสี่ที่มาเอาเรื่อง เจ้าเด็กรุ่นหลังผู้นี้กลับดูมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นนัก?”

ตามการอนุมานอย่างละเอียดรอบคอบของเรือข้ามฟากลำนี้ ท่ามกลางสงครามครั้งนั้น แม้ว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่จะทำสงครามนานหลายปี แต่ก็เพราะการวางแผนกลยุทธ์การจัดขบวนรบของคฤหาสน์หลบร้อน ถึงได้มีคนรอดชีวิตเพิ่มมาอีกถึงหนึ่งหมื่นแปดพันคน

นี่หมายความว่านครบินทะยานไปถึงใต้หล้าแห่งที่ห้าจึงมีผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์กลุ่มใหญ่เพิ่มขึ้นมา ต่อให้แต่ละคนต่างก็ขอบเขตไม่สูง แต่กลับช่วยให้นครบินทะยานสร้างภาพบรรยากาศที่มีโชคชะตากระบี่จำนวนมากกว่าเดิมมารวมตัวกันได้ อีกทั้งการผลิดอกออกผลของเมล็ดพันธ์บนวิถีกระบี่ทุกเมล็ด บางทีอยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ในอดีตอาจไม่สะดุดตานัก ก็หนีไม่พ้นว่าจะตายช้าหรือตายเร็วบนสนามรบเท่านั้น ทว่าพอไปอยู่ใต้หล้าใหม่เอี่ยมแห่งนั้นกลับส่งอิทธิพลลึกล้ำยาวไกลเกินกว่าที่จะประมาณการณ์ได้

สิงกวานเอ่ย “ไม่รู้เหมือนกัน คร้านจะคิดให้ละเอียด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!