ไหวอินหนึ่งในสิบคนของแผ่นดินกลางมีสีหน้าปั้นยาก พอได้เจอกับอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้น ความคิดก็ขยับไหวเล็กน้อย จากนั้นรีบนับนิ้วคำนวณ พิถีพิถันในเรื่องการ ‘คิดในใจแบบอ้อมเส้นทาง’ อย่างยิ่ง ทำไมถึงยิ่งรู้สึกว่าอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้ทับซ้อนเข้ากับ ‘สหายเฉิน’ ในอุตรกุรุทวีปที่ไหวเฉียนเคยย้ำพูดถึงนักนะ? หรือว่าจะเป็น ‘เจ้าโจรเจ้าเล่ห์’ ที่อยู่ข้างกายซุนไหวจงแห่งอารามเสวียนตูใหญ่คนนั้นจริงๆ? ตามคำกล่าวของไหวเฉียน คนผู้นี้ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด กลอุบายลึกล้ำ เชี่ยวชาญการหลบเลี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง ความสามารถในการรักษาตัวรอดและการเก็บตกของดีเรียกได้ว่าสุดยอดเป็นอันดับหนึ่ง
เฉาผู่ราชครูแคว้นเส้าหยวน ในที่สุดก็ได้พบเจอกับใต้เท้าอิ่นกวานที่ลูกศิษย์หลินจวินปี้คิดถึงคำนึงหาอยู่ตลอดเวลาเป็นครั้งแรก
ปีนั้นเฉินผิงอันยังเคยฝากให้หลินจวินปี้นำความไปมอบแก่ราชครูเส้าหยวนที่มีชาติกำเนิดจากสายหย่าเซิ่ง คือหลักการเหตุผลไม่เล็กไม่ใหญ่ข้อหนึ่ง สันดานมนุษย์นั้น ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าดีหรือเลว พูดถึงแค่คนดีกับจิตใจที่ดีงาม บอกว่าจิตใจที่ดีงามของคนก็คือแสงของตะเกียง มีอยู่กลาดเกลื่อนทั่วทุกหนแห่งในโลกมนุษย์ แค่ต้องดูว่าคนข้างกายจะยินดีลืมตามองหรือไม่
สตรีที่เป็นเซียนเหรินของหลิวเสียทวีปอย่างชงเชี่ยนรู้สึกคุ้นหน้าอิ่นกวานผู้นี้อยู่ไม่น้อย
ไม่ใช่รูปโฉม แต่เป็นดวงตาคู่นั้น
คิดไปคิดมานางก็พลันเบิกตากว้าง ชายฉกรรจ์ที่อยู่บนทะเลใกล้กับเกาะหลูฮวา เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าเฉาโม่เค่อชิงแห่งสำนักกุยหยกตอนอยู่ถ้ำแห่งโชควาสนา แต่ตอนที่ชงเชี่ยนได้พบเจอเขาได้มีเรือข้ามฟากเพิ่มมาลำหนึ่ง ตอนนั้นบนเรือยังมีเด็กอยู่ด้วยเก้าคน
ใช่แล้ว มีเพียงอิ่นกวานแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่เท่านั้น ถึงจะสามารถพาตัวอ่อนด้านการฝึกตนเก้าคนมาไว้ข้างกาย ‘เดินอาดๆ โอ้อวดตน’ ตอนอยู่ในแถบน่านน้ำมหาสมุทรของสำนักอวี่หลงได้
ตอนนั้นชงเชี่ยนยังพูดคุยกับเขาสองสามประโยค เจ้าหมอนี่บอกว่าตัวเองรู้จักเจียงซ่างเจิน ทว่าเจ้าคนที่มีหัวใจมากมายเป็นกระบุงโกยผู้นั้นกลับไม่รู้จักเขา เวลานั้นอีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าที่จริงใจยิ่ง
มาย้อนนึกดู ตอนนั้นเฉินผิงอันผู้นี้คงจะอาศัยถุงหอมที่นางพกติดตัวมาวิเคราะห์ได้ถึงตัวตนของนางที่เป็นเจ้าของพื้นที่มงคลซงอ่าย เป็นศิษย์พี่หญิงของเซียนเหรินฉินจ่าวแห่งธวัลทวีปอย่างแน่นอน
ดีนักนะ เสแสร้งเก่งเสียจริง ไม่เสียแรงที่เป็นใต้เท้าอิ่นกวาน มิน่าเล่าถึงยืนอยู่ข้างอาเหลียงได้
‘ระหว่างที่เดินทางมา’ อาเหลียงใช้ความเร็วที่ฟ้าผ่าไม่ทันป้องหูสวมชุดลัทธิขงจื๊ออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่งกายสะอาดสะอ้านหมดจด ไม่เหลือความมอมแมมสกปรกอีกแม้แต่น้อย เวลานี้มายืนอยู่ตรงกลางระหว่างเฉินผิงอันกับจั่วโย่ว คาดว่าคงเป็นเพราะถูกชุดลัทธิขงจื๊อบนร่าง ‘สยบกำราบบนมหามรรคา’ ในที่สุดถึงพอจะมียางอายขึ้นมาบ้าง รู้จักหันหน้าไปอีกทางก่อน แล้วค่อยถ่มน้ำลายลงฝ่ามือ เอามาลูบเส้นผม ใช้ฝ่ามือดันผมตรงจอนหูสองข้างอย่างระมัดระวัง ครั้นจึงเอ่ยกับจั่วโย่วเบาๆ ว่า “คนมากมายขนาดนี้ต่างหันมามองข้า ทำให้คนลำบากใจยิ่งนัก”
จั่วโย่วพยักหน้า “คนหนึ่งในนั้นยังมีฮูหยินภูเขาชิงเสินด้วย”
อาเหลียงที่ตรงเอวห้อยดาบไม้ไผ่ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่ของภูเขาชิงเสินตามองตรงไปข้างหน้าไม่ล่อกแล่ก ยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี
ลู่จือเริ่มหลับตาทำสมาธิ
ก่อนที่จะเข้าร่วมงานประชุม ตอนที่อยู่สวนกงเต๋อ จั่วโย่วได้ถามเฉินผิงอันว่าจะรับมือกับการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไร เฉินผิงอันตอบเรียบง่ายยิ่ง ข้ารู้ว่าตัวเองคือใคร เคยทำอะไร ทำอะไรสำเร็จมาบ้าง ทำอะไรไม่สำเร็จบ้าง ถึงเวลานั้นเข้าร่วมการประชุมก็มองให้มากพูดให้น้อย หากไม่ต้องพูดได้ก็จะต้องปิดปากเงียบทำตัวเป็นคนใบ้
สวี่ป๋ายยืนอยู่ในกลุ่มของเหล่าบรรพจารย์ของเมธีร้อยสำนักที่มีจำนวนมากมาย อันที่จริงเขาไม่ได้ผ่อนคลายมากนัก
ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ผู้ฝึกตนที่อายุน้อยที่สุด อันที่จริงไม่ใช่เฉินผิงอัน แต่เป็นสวี่ป๋ายที่ได้รับคำเรียกขานว่า ‘เจียงไท่กงตอนเป็นเด็กหนุ่ม’ ทุกวันนี้เขาเพิ่งจะอายุสามสิบปีเท่านั้น
หนึ่งในตัวสำรองคนรุ่นเยาว์สิบคนผู้นี้ เมื่อเทียบกับอิ่นกวานหนุ่มของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เฉาสือผู้ฝึกยุทธแห่งราชวงศ์ต้าตวน หยวนพางลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสายหย่าเซิ่งแล้ว ก็ยังอายุน้อยยิ่งกว่า
ทว่าเวลานี้สวี่ป๋ายรู้สึกเพียงความกระอักกระอ่วนเท่านั้น
หากไม่เป็นเพราะบรรพจารย์ผู้เฒ่าเจียงดึงดันจะลากตัวเขามาด้วย ให้ตายอย่างไรสวี่ป๋ายก็ไม่มีทางมาโผล่หน้าที่นี่เป็นแน่ ต่อให้เขากับพวกหยวนพางจะเคยเป็นหน่วยจวินจีหลาง (หน่วยที่วางแผนการทางยุทธการ/แผนการทางการสู้รบ) ที่ศาลบุ๋นจัดตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ มีกันสามสิบกว่าคน มาจากศาลบุ๋น สำนักการทหาร สำนักหยินหยาง สำนักจ้งเหิง ฯลฯ ต่างก็เป็นคนอายุน้อยมากความสามารถที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงและของเมธีร้อยสำนัก ต่างก็เคยสร้างอิทธิพลต่อทิศทางการดำเนินไปของสนามรบบางแห่งในห้าทวีปในระดับที่แตกต่างกัน
เพียงแต่ว่าศาลบุ๋นไม่เคยป่าวประกาศเรื่องนี้ ดังนั้นการดำรงอยู่ของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ในด้านชื่อเสียงจึงห่างไกลเกินกว่าจะเทียบเคียงกับคฤหาสน์หลบร้อนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้ติด ในบรรดาคนเหล่านี้ก็มีคนผู้หนึ่งที่สถานะพิเศษอย่างยิ่ง หลินจวินปี้แห่งราชวงศ์เส้าหยวน เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งผู้ฝึกกระบี่สายอิ่นกวาน แล้วก็เป็นทั้งคนหนุ่มหน่วยจวินจีหลางของศาลบุ๋น แต่กระนั้นหลินจวินปี้ก็ยังไม่อาจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้
ส่วนสวี่ป๋ายที่เพราะอายุน้อยที่สุด ดังนั้นจึงถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์ อันที่จริงก็เป็นเพราะเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะสายหนึ่งของสำนักการทหาร เป็นเพราะเซียนกระบี่ใหญ่แห่งแจกันสมบัติทวีปท่านนี้ยอมถอยให้ เขาถึงสามารถมาปรากฏตัวที่นี่ได้
และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดนี้ของสวี่ป๋าย ไม่ใช่แค่เขาที่คิดมากไปเอง
เพราะมีสายตาของผู้อาวุโสบนยอดเขาหลายท่านที่ไม่ปกปิดความเย็นชา เย้ยหยัน ดูแคลนเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้เห็นเด่นชัดนัก ทว่าการปิดบังอำพรางก็มีตื้นลึกต่างกันไป ทว่าสวี่ป๋ายสามารถอาศัยพรสวรรค์อย่างหนึ่งของตนมารับสัมผัสได้อย่างเลือนราง ที่น่ากลัวที่สุดยังเป็นผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาหลายท่านที่มีความสัมพันธ์ไม่เลวกับสำนักการทหาร ในนาทีหนึ่งมองดูเหมือนหันมายิ้มแย้มให้ตน ทว่าความคิดจิตใจกลับเย็นชายิ่ง
สวี่ป๋ายเองก็ไม่ถือสาสายตาดูแคลนของพวกคนที่เหมือนหลุบตามองเขาจากที่สูงเหล่านี้ แล้วก็ไม่อาจไปถือสาอะไรได้ด้วย เขาจึงได้แต่มองไปยังอิ่นกวานหนุ่มพร้อมกับคนอื่นๆ สีหน้าสุขุมเยือกเย็น ไม่ได้มีลักษณะของคนบ้าคลั่งที่นิสัยพยศยากกำราบอย่างที่จินตนาการไว้ แต่เป็นบุคลิกของคนที่สง่างามอ่อนโยนราวกับหยก
ในความคิดเดิมของสวี่ป๋าย สามารถหยัดยืนอยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้อย่างมั่นคง แล้วยังสามารถใช้สถานะของคนนอกที่เดินทางไกลมาท่องเที่ยวมารับหน้าที่เป็นอิ่นกวาน ปรมาจารย์ใหญ่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งที่บนเส้นทางการเดินขึ้นสู่ที่สูงของการเรียนวรยุทธไม่มีทางลัดใดๆ ให้ก้าวเดิน จะต้องเป็นคนหนุ่มที่ฉายประกายคมกริบอย่างถึงที่สุด
แน่นอนว่าคนเราไม่อาจมองกันแต่ภายนอกได้ นิสัยที่แท้จริงของอิ่นกวานผู้นี้เป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้
ข้างกายของหลี่เซิ่งมีหย่าเซิ่งและซิ่วไฉเฒ่ายืนอยู่
เพียงแต่ว่าซิ่วไฉเฒ่าในทุกวันนี้ยังคงไม่ใช่เหวินเซิ่งอยู่เหมือนเดิม
ซิ่วไฉเฒ่ามองมายังลูกศิษย์คนสุดท้ายของตัวเองแล้วใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ไม่ใจฝ่อ ไม่ขลาดกลัว สมเหตุสมผล ถูกต้องชอบธรรมตามหลักฟ้าดิน!”
แต่จากนั้นซิ่วไฉเฒ่าก็เอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “เพียงแต่ว่าเป็นเช่นนี้จะไม่ทำให้เทพเซียนผู้เฒ่าหลายคนที่จิตใจคับแคบรู้สึกขวางหูขวางตา รู้สึกขัดใจหรอกหรือ? จัดการแบบนี้ไม่เหมาะเลยนะ”
ครั้งนี้หย่าเซิ่งไม่ได้รู้สึกว่าซิ่วไฉเฒ่าได้เปรียบแล้วยังเรียกร้องไม่พอใจ
มหาสมุทรความรู้กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ถามแต่เรื่องหว่านไถ ไม่ถามหาผลเก็บเกี่ยว คนหลายคนบนภูเขาขอบเขตสูง แต่แท้จริงแล้วไม่ได้หมายความว่าจะบ่มเพาะจิตใจได้ลึกล้ำยาวไกล ยังคงชอบมองแต่ผลเก็บเกี่ยว ไม่ถามเรื่องการหว่านไถอยู่เหมือนเดิม
สายตาที่คนเหล่านี้มองคนหนุ่มแปลกหน้าที่ดูเหมือนว่าอยู่ดีๆ ก็โผล่มาบนโลกผู้นี้ ตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ทำไมถึงได้เป็นอิ่นกวาน กลายมาเป็นอิ่นกวานได้อย่างไร หลังจากผสานมรรคากับกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้วก็แทบจะเท่ากับว่าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ต้องเผชิญหน้ากับแผนการของกระโจมเจี่ยจื่อและมหาสมุทรความรู้โจวมี่ ต้องคอยคุมเชิงกับผู้ฝึกกระบี่หลงจวินอยู่ทุกวัน…เรื่องราวในอดีตเหล่านี้ พวกเขามักจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และการที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ยินในทุกๆ ครั้ง ก็จะกลายเป็นหมื่นหนึ่งในการฝึกตนบนภูเขา หากพบเจอเข้าโดยบังเอิญ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันที่อันตรายอย่างมาก
หลี่เซิ่งเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “อยากจะขัดใจก็ขัดใจไปสิ ใครรู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็ให้เขามาหาข้า”
หย่าเซิ่งยิ้มบางๆ พลางพยักหน้ารับ “ความสมเหตุสมผลส่วนนั้นของเฉินผิงอัน ไม่ใช่มาจากพละกำลังอันเปี่ยมล้นของคนหนุ่ม แต่มาจากผู้ฝึกกระบี่ทุกคนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่รบตายไป เขาในฐานะที่เป็นอิ่นกวานจำเป็นต้องยืดอกตั้งยืนอยู่ตรงนี้ เทพเซียนผู้เฒ่าที่แม้แต่เหตุผลเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ รู้สึกว่าขัดใจ ขวางหูขวางตา ถ้าอย่างนั้นก็จงทนอัดอั้นไปเสียโดยดีเถอะ วันนี้ใครมีวี่แววว่าไม่เก็บซ่อนอารมณ์ให้ดี เหวินเซิ่งเจ้าก็จดลงบัญชีได้เลย วันหน้าเจ้าค่อยให้คนผู้นั้นชดใช้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ขัดขวางแล้ว”
หลังจากที่เฉินผิงอันได้เป็นอิ่นกวาน ตอนอยู่ภูเขาห้อยหัวเคยหาตัวปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในใต้หล้าไพศาลอย่างมิดชิดเจอ จึงร่วมมือกับเฉินฉุนอันสังหารอีกฝ่ายตอนอยู่บนเรือข้ามฟากเหนือมหาสมุทร ทว่าคนหนุ่มกลับไม่ละโมบในคุณความชอบ
ภายหลังระหว่างที่เดินทางกลับคืนบ้านเกิด ได้ผ่านใบถงทวีป ก็ไปเจอกับตราประทับตำรา ‘หนอนหนังสือเฒ่า’ ของโจวมี่อีกชิ้นหนึ่ง แล้วก็สั่งให้คนนำมามอบให้ศาลบุ๋นอย่างรวดเร็ว
วางตัวดีเยี่ยม รอบคอบพร้อมด้วยประสบการณ์ ทำอะไรก็อยู่ในกฎในเกณฑ์
ดังนั้นต่อให้เฉินผิงอันจะมาจากสายเหวินเซิ่ง แต่หย่าเซิ่งก็ยังคงชื่นชมคนหนุ่มที่เป็นเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!