กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 786

ฉีถิงจี้หรี่ตาลง

หนึ่งในเค่อชิงของสำนักกระบี่หลงเซี่ยง ถัวเหยียนฮูหยินแห่งสวนดอกเหมยภูเขาห้อยหัวในอดีต เป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนที่มีชาติกำเนิดเป็นภูตตนหนึ่ง

เหวยอิ๋งเจ้าสำนักกุยหยกก็เกิดความคิดเช่นเดียวกัน ฮ่วนซาฮูหยินผู้นั้น แท้จริงแล้วออกจากจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์กลับมายังใบถงทวีป

ดวงตาของตั้นตั้นฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่ฉายประกายเจิดจ้า นางพลันรู้สึกถูกชะตากับหยวนพางผู้นี้ขึ้นมาทันที เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาของนางนอกจากเซียนจับปลาซึ่งเป็น ‘เสมียนเก่าแห่งหลุมน้ำลู่’ และตู๋ฉีหลางแห่งทะเลทักษิณไม่กี่คนนั้นแล้ว ก็ยังมีเผ่าปีศาจห้าขอบเขตบนตนหนึ่งที่ได้แต่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกวันนี้สถานะของนางก็สูงศักดิ์ ไม่ได้ขาดลูกสมุนที่เป็นเช่นนี้ เก็บอีกฝ่ายไว้ข้างกายไม่ได้มีความหมายมากนัก ต่อให้จำต้องคลายพันธะสัญญา ยอมให้มันไปก่อสำนักตั้งพรรคขึ้นมาเอง ถึงเวลานั้นเป็นเจ้าสำนัก ยามที่คนอื่นพูดถึงขึ้นมา ก็ยังเป็นหน้าเป็นตาให้นางได้อยู่ดี

ถึงเวลานั้นค่อยให้เจ้าหมอนั่นมอบยศเจ้าสำนักไท่ซ่างให้ตน…

นางพลันสัมผัสได้ถึงสายตาหนึ่ง เป็นของฮว่อหลงเจินเหรินผู้นั้น! นางจึงรีบเก็บงำสีหน้า ได้แต่นินทาในใจไม่หยุด แน่จริงเจ้าก็ไปหาเอาเองสิ นักพรตยอดเขาพาตี้ของพวกเจ้าชอบกำจัดปีศาจปราบมารกันนักไม่ใช่หรือ เวลานี้ได้แต่อึ้งงันแล้วล่ะสิ?

ฮว่อหลงเจินเหรินใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “อึ้งงันอะไร?”

ตั้นตั้นฮูหยินสีหน้าแข็งค้าง ลองพึมพำในใจอย่างหยั่งเชิงไปหนึ่งประโยค ฮว่อหลงเจินเหรินท่านผู้อาวุโสก็เป็นศาสตร์อ่านใจคนด้วยหรือ?

ฮว่อหลงเจินเหรินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “มรรคกถาของข้าผินเต้าตื้นเขิน ไหนเลยจะรู้ศาสตร์การอ่านใจคน”

สีหน้าของตั้นตั้นฮูหยินขมขื่น น่าอนาถนัก ดูท่าพอจบงานประชุมของศาลบุ๋นครั้งนี้คงต้องรีบเผ่นหนีเสียแล้ว

ฮว่อหลงเจินเหรินยิ้มเอ่ยอีกว่า “หมวกขุนนางใหญ่ขนาดนั้น ที่ว่าการก็ใหญ่โตโอ่อ่าปานนั้น จะเผ่นหนีไปที่ไหนอีกเล่า?”

ตั้นตั้นฮูหยินถึงกับมีใจนึกอยากตายแล้ว

ระหว่างผู้ฝึกตนสองคนที่เป็นขอบเขตเดียวกัน จะเอาศาสตร์การอ่านใจผายลมสุนัขมาจากไหนกัน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?!

เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ด้วยการยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อย่าขู่ตั้นตั้นฮูหยินให้กลัวอีกเลย”

ตั้นตั้นฮูหยินโล่งอก พลันสังเกตเห็นว่าในสายตาของฮว่อหลงเจินเหรินเต็มไปด้วยแววดูแคลน นางที่รู้สึกตัวช้าเพิ่งจะคิดได้ว่า หรือว่าคนที่เป็นศาสตร์การอ่านใจยังมีเทียนซือใหญ่ด้วยอีกคน?

อวี๋เสวียนปลอบใจนางด้วยสีหน้าจริงจัง “จ้าวเทียนซือคุณธรรมสูงส่ง ต่อให้เป็นศาสตร์อ่านใจก็ไม่มีทางร่ายใช้มันกับเจ้าหรอก”

ตั้นตั้นฮูหยินอึ้งงันเป็นไก่ไม้

หากเป็นไปได้ล่ะก็ นางอยากจะขอร้องนายท่านผู้เฒ่าหลี่เซิ่ง ให้นางออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุมแล้ว

จิตรกรท่านหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นได้เตรียมพู่กัน หมึก กระดาษและแท่นฝนหมึกมาวางไว้บนโต๊ะนานแล้ว แล้วก็ได้วาดภาพออกมาแล้วสามภาพ ภาพหนึ่งคือหลี่เซิ่ง อีกภาพหนึ่งเป็นของซิ่วไฉเฒ่าที่ได้สถานะเหวินเซิ่งกลับคืนมาอีกครั้ง อีกภาพหนึ่งคือเหล่านักปราชญ์แห่งเจ็ดสิบสองสำนักศึกษา ทว่าหลังจากที่หยวนพางเปิดปากพูด ผู้เฒ่าก็หัวเราะแล้ววาดภาพขึ้นมาอีกหนึ่งภาพ

เฉินผิงอันรู้ดีถึงความร้ายกาจของคำพูดประโยคนี้ของหยวนพาง

นี่ก็คือพลังของการใช้กฎระเบียบได้อย่างเชี่ยวชาญ เอากฎระเบียบมาใช้จนถึงจุดที่อัศจรรย์ คล้ายอาศัยฟ้าอำนวยดินอวยพรและคนสามัคคีมาสร้างฟ้าดินเล็กแห่งหนึ่ง

น่าเสียดายที่กู้ช่านไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นจะต้องได้ประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน

หากสำเร็จ ก็ยังมีศาลบุ๋นที่จะต้องจัดการวางแผนอย่างเป็นรูปธรรม หยวนพางก็จะมีคุณความชอบในให้การให้คำเสนอแนะ

ต่อให้เรื่องนี้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยที่สุดผู้ฝึกตนบนยอดเขาอย่างเช่นฉีถิงจี้ ตั้นตั้นฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่ เทพีบุปผาแห่งพื้นที่มงคลร้อยบุปผา ฯลฯ ก็จะต้องเห็นแก่น้ำใจของหยวนพางหนึ่งส่วน

จะบอกว่าเจ้าสำนักของสำนักแห่งอื่นรู้สึกชิงชังหยวนพางจริงๆ หรือ? ก็อาจจะมีบ้างคนสองคน ทว่าผู้ฝึกตนที่มากกว่านั้น นับแต่นี้ไปกลับจะเริ่มมองหยวนพางเป็นเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษา ไม่ได้มองเขาเป็นเพียงลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของสายหย่าเซิ่งเท่านั้นอีกต่อไป

หากหยวนพางสามารถทำให้แปดทวีปของไพศาลมีสำนักที่เป็นของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจเพิ่มมาแปดแห่งได้จริงๆ

เผ่าปีศาจในท้องถิ่นแทบทั้งหมดของใต้หล้าไพศาล เกรงว่าก็คงต้องเอ่ยขอบคุณหยวนพางจากใจจริง

มีคามเป็นไปได้ว่าหยวนพางในวันนี้อาจกลายมาเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของเผ่าปีศาจในใต้หล้าไพศาลด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเขา ถ้าอย่างนั้นการประชุมในศาลบุ๋นคราวหน้า เจ้าขุนเขาสำนักศึกษาหยวนพาง หรือรองผู้อำนวยการหยวน ผู้อำนวยการใหญ่หยวนของสถานศึกษาในอนาคตก็สามารถใช้ถ้อยคำแค่ไม่กี่คำ ก็สามารถตัดสินชะตาชีวิตของภูเขาต้นไม้เหล็กและปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งได้เช่นกัน และกวอโอ่วทิงผู้นั้น หากจะพูดถึงความสามารถในการเข่นฆ่า อย่าว่าแต่หยวนพางคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นหยวนพางหนึ่งกลุ่มก็ยังไม่สามารถสังหารนักพรตโยวหมิงผู้นี้ได้อยู่ดี

หมัดก็คือเหตุผล

แต่เหตุผลก็คือหมัดเช่นกัน

หนึ่งนั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และอาจจะสะใจเต็มอารมณ์ได้มากกว่า ทว่าอย่างหลัง ฆ่าคนช่วยคนล้วนไร้รูปลักษณ์

ดังนั้นทั้งสองอย่างนี้ จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้

อาเหลียงใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “เฉินผิงอัน อย่าลืมนายท่านผู้เฒ่าป๋ายคนนั้นล่ะ”

เฉินผิงอันพยักหน้า

สุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องของการก่อตั้งสำนักในแปดทวีป ทางฝั่งของอาจารย์ผู้เฒ่าต่งแห่งศาลบุ๋นก็ยุติลงด้วยคำว่าไว้ค่อยหารือกัน

เรื่องที่ห้าก็คือชื่อเรียกของใต้หล้าแห่งที่ห้า รวมไปถึงกลยุทธ์ในการับมือของใต้หล้าไพศาลหลังจากที่ประตูใหญ่เปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที

ฉีถิงจี้พลันถามผู้ฝึกกระบี่สามคนที่อยู่ข้างกาย “ใต้หล้าใหม่เอี่ยมแห่งนั้นเป็นลัทธิขงจื๊อที่จ่ายค่าตอบแทนมหาศาลกว่าจะบุกเบิกมาได้ เหตุใดศาลบุ๋นกลับยินดีจะรับตัวผู้ฝึกตนของอีกสองใต้หล้าที่เหลือให้ไปอยู่ที่นั่นด้วย?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า นี่คือปริศนาที่ใหญ่เทียมฟ้าจริงๆ

ศิษย์พี่จั่วโย่วก็ยิ่งเป็นคนใบ้ยิ่งกว่าเฉินผิงอันเสียอีก

อาเหลียงเบ้ปาก “คงมีแค่บรรพจารย์ของสามลัทธิเท่านั้นที่รู้กระมัง”

อาเหลียงคิดแล้วก็เอ่ยเสริมมาอีกหนึ่งประโยค “บางทีหลี่เซิ่งแล้วก็เจ้าลู่เหล่าซานที่ชอบยิ้มหน้าเป็นผู้นั้นก็อาจจะเดาได้”

ชื่อสุดท้ายที่ทางศาลบุ๋นตั้งให้กับใต้หล้าแห่งที่ห้าก็คือชื่อที่ทำให้คนบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี

ใต้หล้าห้าสี

มาถึงอย่างเชื่องช้า ถ่วงเวลามานานหลายปี ไม่ว่าจะอย่างไร ในที่สุดก็มีการกำหนดที่แน่นอนแล้ว

เฉินผิงอันหรี่ตาลง เริ่มพลิกค้นความทรงจำอย่างว่องไว

‘แสงห้าสีห้อยย้อยจากบนนภา โลกมนุษย์สงบสันติ’ ‘บทประพันธ์ห้าสีตะขอเกี่ยวปะการัง ความคิดจิตใจกลั่นออกเป็นตำรา’ ทั้งสองประโยคล้วนเป็นถ้อยคำของนักกวี

ห้าสีกลายเป็นโลกสีทอง คือภาษาของลัทธิพุทธ

ประกายศักดิ์สิทธิ์สาดเก้าแสงห้าสี รวมกันเป็นไข่มุกหนึ่งเม็ดบนหอเซียน คือภาษาของลัทธิเต๋า

และยังมีอีกประโยคหนึ่ง แสงสว่างห้าสีสาดส่องทั่วหล้า ขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้ ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้สิ่งกีดขวาง

ผู้ฝึกตนบนยอดเขาที่เชี่ยวชาญศาสตร์การคิดคำนวณทั้งหลายต่างก็เริ่มคิดคำนวณในใจเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น

อาเหลียงเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “จั่วโย่ว พวกเรามาจิบเหล้ากันสักหน่อยไหม? เจ้าเอาก่อนเลย ข้าขี้ขลาดเกินไป ไม่ค่อยกล้าหรอก”

จั่วโย่วกล่าว “ขอแค่เจ้ากล้าเอาเหล้าออกมาสองกา ข้าก็จะดื่ม”

อาเหลียงหัวเราะหึหึ เพียงแต่ว่าเพิ่งจะขยับเคลื่อนไหว ท่าทางที่เดิมทีจะหยิบเอากาเหล้าออกมาก็เปลี่ยนมาเป็นตบชายแขนเสื้อแทน

เพราะว่ามีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในทะเลสาบหัวใจของเขา “จะเลี้ยงเหล้าหลี่เซิ่ง เลี้ยงเหล้าข้าและเหวินเซิ่งคนละกาด้วยหรือไม่เล่า?”

อาเหลียงหัวเราะแห้งๆ สองสามทีแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

เกี่ยวกับเรื่องการเปิดประตูใหญ่ของใต้หล้าห้าสีครั้งถัดไป เหล่าบรรพจารย์เมธีร้อยสำนักต่างก็มีข้อคิดเห็นต่างกันไป

บวกกับเรื่องนี้ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับโชคชะตาของตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่มีคนออกความเห็นในการประชุมมากที่สุด

อาเหลียงถอนหายใจ รู้ว่าเหตุใดพวกบรรพจารย์ถึงได้แย่งชิงกันเสนอความเห็นเช่นนี้ เพราะว่าอีกไม่นานก็จะมีข้อเสนอหนึ่ง หรือควรพูดว่าไม่ถือว่าเป็นการปรึกษาหารือแล้ว แต่เป็นการตัดสินใจที่แน่นอนแล้วของศาลบุ๋น ตาแก่พวกนี้ก็ได้แต่ทำให้ดีที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้แต่ปล่อยไปตามชะตาฟ้าลิขิตเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นสำนักการค้า เหตุใดอาจารย์ฟ่านท่านนั้นถึงได้มั่นใจขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่าฐานะของสำนักการค้าจะได้เลื่อนขั้นในวันนี้ นอกจากนี้สำนักโอสถ สำนักกสิกรรม ฯลฯ ก็ล้วนจะเป็นเช่นเดียวกัน เพราะว่าท่ามกลางสงครามครานั้น พวกเขาคือกลุ่มคนที่หากไม่ออกแรงมากที่สุดก็บาดเจ็บล้มตายกันไปมากที่สุด ก็เหมือนแจกันสมบัติทวีปบ้านเกิดของเฉินผิงอันที่เดิมทีไม่ได้ใส่ใจผู้ฝึกลมปราณสำนักโอสถเท่าใดนัก ทุกวันนี้กลับให้ความเคารพนับถือกันแทบทุกคน ถึงขั้นที่ว่าเป็นเหตุให้ผู้ฝึกลมปราณสำนักโอสถทุกคนที่เดินทางไกลไปเยือนแจกันสมบัติทวีปล้วนถูกยกให้เป็นแขกผู้มีเกียรติในทุกๆ สถานที่ ต่อให้จะเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างคนหนึ่ง เดินอยู่บนถนนทางหลวง ขอแค่กองทัพม้าเหล็กของต้าหลีมาพบเข้า ฝ่ายหลังก็ยังต้องกุมหมัดคารวะแสดงความเคารพเหมือนกันหมด

ส่วนสำนักการทหาร แน่นอนว่าคุณความชอบย่อมยิ่งใหญ่มาก เพียงแต่ว่าจะเลื่อนขั้นไปอย่างไรได้อีก? เดิมทีก็เป็นสามลัทธิหนึ่งสำนักที่สถานการณ์หมื่นปีไม่แปรเปลี่ยนอยู่แล้ว หรือว่าสำนักการทหารจะตั้งตนเป็นลัทธิขึ้นมาอีก? ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!