กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 791

การประชุมศาลบุ๋น

เมื่อเทียบกับตำแหน่งของการประชุมสองครั้งก่อนหน้านี้ที่กฎเกณฑ์เข้มงวด การประชุมครั้งนี้ก็ค่อนข้างจะผ่อนคลายตามแต่ใจ สามารถเลือกตำแหน่งที่นั่งได้ตามสบาย แล้วก็ไม่มีการแบ่งตำแหน่งประธานตำแหน่งรั้งท้ายอะไร คนที่มีมิตรภาพส่วนตัว สนิทกันมาหลายรุ่น หรือมีความสัมพันธ์ควันธูปต่อกันมากหน่อย ส่วนมากก็นั่งจะนั่งอยู่รวมกัน หลี่เซิ่งไม่อยู่ หย่าเซิ่ง เหวินเซิ่งก็หายตัวตามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าสำหรับทุกคนแล้ว ต่อให้เป็นผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ เจ้าขุนเขาสำนักศึกษาของศาลบุ๋น ก็ยังอดรู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลายส่วนไม่ได้

อาเหลียงนั่งแปะอยู่กับพื้น สองมือยันพื้น ยืดขาสองข้างออก ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด

จิงเซิงซีผิงเตรียมโต๊ะและเสื่อไผ่เขียวมาไว้เรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะแต่ละตัวมีกระดาษ พู่กัน หมึก แท่นฝนหมึก มีผลไม้ตระกูลเซียนหนึ่งถาด พุทราเซียนหลายลูกที่มาจากจวนตระกูลเซียนแห่งหนึ่งของเส้นทางโบราณเซียนเสีย ลวดลายบนเปลือกของพุทราเหมือนแสงเรื่อเรืองยามเย็นที่ไหลริน ผลซิ่งสีเหลืองทองหลายลูกที่มาจากอารามจิงเหว่ยลัทธิเต๋าแผ่นดินกลาง ท้อมรกตที่ปลูกอยู่ข้างศาลาราตรีมรกตของบรรพจารย์จวนฉวินอวี้อวิ้น นอกจากนี้ยังมีลูกเหมย กระจับที่มาจากถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลต่างกัน ของแต่ละอย่างปริมาณไม่มาก แต่มองดูแล้วหลากสีสัน มองแล้วสบายตา อาเหลียงหยิบท้อมรกตขึ้นมาลูกหนึ่ง กัดกินหนึ่งคำ รสชาติยอดเยี่ยม เคลิบเคลิ้มจนเขาต้องหรี่ตาลง จริงดังคาด เจ้าของสิ่งนี้ต้องรอให้สุกก่อนถึงจะอร่อยจริงๆ

ปีนั้นไปเยี่ยมเยือนจวนฉวินอวี้อวิ้น ตอนอยู่ศาลาราตรีมรกตไม่มีใครบอกกับตนว่าท้อมรกตสุกแล้วหรือยัง ถึงอย่างไรเมื่อท้อมรกตสุกงอมเต็มที่แล้วก็ไม่มีทางเป็นสีแดงปลั่ง อาเหลียงเด็ดเอามาหอบใหญ่ ตอนนั้นเพราะมีธุระติดตัวต้องรีบเดินทาง จึงไม่ทันได้ทักทายกับทางฝั่งของอวิ้นฟู่ ลงจากเขามา เปรี้ยวจนเกือบฟันหัก ผลท้อที่ตนเด็ดมา ต่อให้ต้องกลั้นน้ำตาก็ควรต้องกินให้หมดไม่ใช่หรือ? บันเทิงคนเดียวไม่สู้บันเทิงกันเป็นกลุ่ม ภายหลังออกเดินทางท่องไปทั่วหล้า อาเหลียงจึงมอบให้กับสหายบนภูเขาไปหลายคน ใช้แทนหนี้เหล้าสองสามก้อน ไม่รู้ว่าเหตุใด ภายหลังในช่วงเวลาหลายสิบปีถึงมีคำกล่าวว่าท้อมรกตของศาลาราตรีมรกตไม่สมชื่อ เดิมทีรายงานขุนเขาสายน้ำทุกฉบับล้วนให้คำชมสรรเสริญว่าเป็นผลท้ออันดับหนึ่งในใต้หล้า กลายเป็นว่าอันดับหนึ่งนับมาจากช่วงท้าย นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย อาเหลียงรู้สึกอยุติธรรมอย่างยิ่ง รู้สึกว่าท้อมรกตนี้รสชาติประหลาด แต่หากจะบอกว่าเป็นอันดับหนึ่งนับมาจากด้านหลัง ก็ไม่ถึงขนาดนั้นจริงๆ ดังนั้นจึงอาศัยรายงานขุนเขาสายน้ำของตระกูลที่คุ้นเคยกันดีมาเอ่ยทวงความเป็นธรรมแทนท้อมรกตของศาลาราตรีมรกต คิดไม่ถึงว่าทางฝั่งของจวนฉวินอวี้อวิ้นจะไม่แบ่งดีร้าย ถึงกับตั้งป้ายห้ามเข้าที่ทำให้คนเสียใจอย่างมาก บอกว่าอาเหลียงและหมาห้ามขึ้นเขามาเด็ดลูกท้อ

อาเหลียงใช้คุณธรรมตอบแทนความแค้น ยังคงพูดจาดีๆ แทนท้อมรกตของศาลาราตรีมรกต บอกว่ากินท้อมรกตของศาลาราตรีมรกตไปหนึ่งลูก บัณฑิตสามารถสติปัญญาเปิดกว้าง รวบรวมปราณวิญญาณฟ้าดินให้กลายเป็นโชคชะตาบุ๋น ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสามารถเพิ่มพลังได้หกสิบปี การหลอมลมปราณเข้าฌานของผู้ฝึกตนก็ราวกับมีเทพคอยช่วยเหลือ ภายหลังได้ยินมาว่าในช่วงเวลาหลายปีนั้น ทางจวนของฉวินอี้อวิ้นมีแขกที่เลื่อมใสในชื่อเสียงมาเยือนหลายคน เป็นเหตุให้ท้อมรกตของศาลาราตรีมรกตได้ผลเก็บเกี่ยวไม่ค่อยดีนัก

ผดุงคุณธรรมเพื่อคนอื่น ทำสำเร็จแล้วก็ไม่คิดจะทิ้งชื่อไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนปฏิบัติต่อผู้อื่นเป็นอย่างดี ทุกเรื่องล้วนสร้างความสะดวกสบายให้ผู้อื่น นี่ก็คือวัตถุประสงค์ในการออกท่องยุทธภพของอาเหลียง

บนโต๊ะยังวางกาเหล้าไว้สองกา กาหนึ่งคือเหล้าชิงเสินของถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ อีกกาหนึ่งคือเหล้าหมักสิบบุปผาของพื้นที่มงคลร้อยบุปผา

จอกเหล้าคือจอกเทพีบุปผาจำลองที่มีเฉพาะของพื้นที่มงคลร้อยบุปผา ก็ถือว่าเป็นของทางการที่เลียนแบบทางการ ราคาไม่ธรรมดาแล้ว

จอกเหล้าบนโต๊ะของอาเหลียงใบนี้คือจอกดอกท้อ วาดเป็นรูปดอกท้อชูช่อ สีแดงเข้มสีแดงอ่อนน่ารักน่าเอ็นดู คล้ายสตรีที่บ้างประทินโฉมเข้มบ้างประทินโฉมอ่อนจาง ด้านข้างยังเขียนกลอนร่ายบุปผาบทหนึ่งของอาจารย์ผู้เฒ่าหานรองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นเอาไว้ด้วย

อาเหลียงหันหน้าไปมองซีผิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ต้องให้อาเหลียงสอบถาม ซีผิงที่สัมผัสได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายกล่าวว่า “นอกจากพู่กัน หมึก กระดาษและแท่นฝนหมึกแล้ว ของอย่างอื่นล้วนเอาไปได้”

อาเหลียงถาม “โต๊ะกับเสื่อไม้ไผ่ล่ะ?”

ซีผิงย้อนถาม “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

อาเหลียงเข้าใจทันที ได้สินะ

พี่ซีผิงช่างมีคุณธรรมน้ำใจเสียจริง

ซีผิงที่รู้ทันรีบเอ่ยทันทีว่า “วันหน้าเมื่อไปถึงสวนกงเต๋อยังจะได้ดื่มชาลวี่เจี่ยก่อนฝนที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่มงคลชิงโหย่วของปีนี้ด้วย เป็นอาจารย์ลู่ที่ไปเด็ดมาเองกับมือ ไหว้วานปู้เย่โหวให้นำมาส่งที่ศาลบุ๋น เวลาปกติอาจารย์ต่งยังตัดใจดื่มไม่ลงด้วยซ้ำ”

อาเหลียงยิ้มอย่างรู้ทัน เข้าใจแล้ว วันหน้าจะให้จั่วโย่วไปที่สวนกงเต๋อแล้วเอากลับบ้านมา หรือไม่ก็ถือโอกาสมอบให้ซิ่วไฉเฒ่าไปเลยก็แล้วกัน

ลู่จือรินเหล้าชิงเสินหนึ่งจอก ดื่มสุราในถ้วยจนหมด ทำไมดื่มแล้วรู้สึกเหมือนว่าจะเป็นเหล้าปลอม?

อันที่จริงรสชาติของสุรานั้นไม่เลว เพียงแต่ยังคงมีความรู้สึกว่าไม่ใช่รสชาตินั้น ยังคงเป็นเหล้าภูเขาชิงเสินที่ร้านเตี๋ยจ้างกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่ดื่มแล้วคุ้นเคยมากกว่า

อาเหลียงหันหน้าไปถามฉีถิงจี้ กินหรือไม่ ดื่มหรือไม่ ฉีถิงจี้ยิ้มเอ่ยว่าเอาไปให้หมดได้เลย อาเหลียงจึงไม่เกรงใจ บัณฑิตที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องกิจการงานต่างๆ แถมยังหน้าบางเช่นตน หาเงินได้ยากมากนัก แถมยังติดหนี้นอกบ้านไว้มาก ได้แต่เป็นดั่งนกนางแอ่นที่คาบเอาโคลนมาทำรัง สะสมทีละน้อย ได้ก้อนหนึ่งก็คือก้อนหนึ่ง ส่วนจั่วโย่ว ไม่แม้แต่จะต้องถาม อาเหลียงเอาเหล้า จอกเหล้าและผลไม้ของคนทั้งสองย้ายมาที่โต๊ะของตัวเองรวดเดียวหมด ตำแหน่งใกล้เคียงมีคนหนุ่มอย่างพวกจ้าวเหยากวง หลินจวินปี้นั่งอยู่ด้วย อาเหลียงจึงบอกให้เทียนซือน้อยช่วยนำความไปบอก คนที่ไม่ดื่มเหล้า เอาทั้งกาเหล้าและจอกเหล้ามา ส่วนคนที่ดื่ม เก็บเหล้าไว้ อย่าได้ทำตัวเป็นคนขี้เหนียว ดื่มเหล้าต้องผึ่งผาย ใช้จอกเหล้าจะนับเป็นอะไรได้ เอาจอกเหล้ามา อึกเดียวดื่มออกมาเป็นขอบเขตบินทะยานไม่ได้หรอก ล้วนเอามาให้หมด

ไม่นานอาเหลียงก็เก็บสะสมจอกเทพีบุปผาสิบสองใบได้ครบชุด วางจอกแต่ละใบไว้ทับซ้อนกัน ส่วนใบไหนที่อยู่โดดเดี่ยวอาเหลียงก็ให้พวกจ้าวเหยากวงเรียกพรรคเรียกพวกมา สะสมจอกเทพีบุปผาให้ครบอีกชุด เป็นจอกดอกท้อเหมือนกัน กลอนที่เขียนกลับไม่เหมือนกัน อาเหลียงได้แต่ทอดถอนใจไม่หยุด เหนียงเนียงเจ้าแห่งบุปผาของพื้นที่มงคลร้อยบุปผารู้จักวางตัวจริงๆ

อาจารย์ผู้เฒ่าต่งที่เป็นเจ้าลัทธิของศาลบุ๋นเปิดปากพูดก่อนด้วยเสียงทุ้มหนัก “ใช้ความเที่ยงตรงตอบแทนความแค้น ขนาดใต้หล้าเปลี่ยวร้างยังรู้จักหลักการเหตุผลนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเจ้าจะไม่รู้”

ประโยคนี้ไม่ได้พูดให้พวกผู้ฝึกตนบนยอดเขาฟัง แต่พูดให้เจ้าขุนเขาสำนักศึกษาบางคนที่ความรู้ลึกล้ำมากพอ แต่ในอกในใจกลับกอดเก็บใต้หล้าไว้หลายแห่งเกินไปฟัง

อาจารย์บางคนศึกษาหาความรู้อย่างระมัดระวังรอบคอบ ส่วนใหญ่จึงมักจะคร่ำครึหัวโบราณเกินไป ความรู้สร้างผลประโยชน์ให้กับวิถีทางโลกมาก แต่เมื่อเกี่ยวพันกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุขปวงประชา กลับไม่ค่อยเท่าไรแล้ว

ดังนั้นตัวเลือกบางคนที่ศาลบุ๋นเลือกให้มาเสริมตำแหน่งเจ้าขุนเขาของเจ็ดสิบสองสำนักศึกษาในครั้งนี้ อันที่จริงฝ่ายในของศาลบุ๋นจึงยังมีการถกเถียงกันอยู่

การเปิดประเด็นนี้ของเจ้าลัทธิศาลบุ๋นทำให้บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียดขึ้นมาในชั่วพริบตา

ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อหลี่เซิ่งก้าวก้าวนั้นออกไป ก็หมายความว่าครั้งนี้ศาลบุ๋นจะต้องลงมือจัดการกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างอย่างจริงจังแล้ว

ระหว่างโต๊ะที่แยกออกเป็นสองฝั่ง ไอน้ำลอยอวลขึ้นมา สุดท้ายปรากฏเป็นภาพขุนเขาสายน้ำห้าภาพ

สี่มหาสมุทรของไพศาล แต่ละแห่งมีทางเข้ากุยซวีอยู่แห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

ศาลบุ๋นมีการตั้งชื่อให้กับกุยซวีทั้งสี่แห่ง เทียนมู่ ฉิงจี เสินเซียง รื่อจุ้ย

นอกจากนี้ก็คือท่าเรือสามแห่งที่ชื่อเรียกแบ่งเป็นท่าเรือปิ่งจู๋ ท่าเรือโจ่วหม่า ท่าเรือตี้ม่าย ท่าเรือตี้ม่ายหนึ่งในนั้นได้ถูกจวี้จื่อสำนักโม่สร้างนครขึ้นมาแห่งหนึ่งแล้ว

ทางทิศเหนือของท่าเรือสามแห่งก็คือกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่ยากจะซ่อมแซม

เมื่อเทียบกับกุยซวีสี่แห่งที่อยู่ห่างไกลกันค่อนข้างมาก ท่าเรือสามแห่งและกำแพงเมืองปราณกระบี่สองท่อนสามารถมองว่าเป็นพื้นที่เดียวกันได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!