กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 791

อาจารย์ผู้เฒ่าหานยิ้มเอ่ย “การประชุมในครั้งนี้ ทุกท่านที่อยู่นอกศาลบุ๋น ไม่ว่าใครก็ไม่จำเป็นต้องละอายในการพูดถึงคำว่าผลประโยชน์”

รองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นที่เป็น ‘คนรู้ใจที่สุด’ ของหย่าเซิ่ง และเป็นผู้เสนอ ‘หลักการถ่ายทอดความคิดลัทธิขงจื๊อ’ ที่สมบูรณ์แบบออกมาก่อนใครผู้นี้ สิ่งที่เขาพูดในวันนี้ทำให้คนประหลาดใจอย่างมาก “ชื่อเสียง เงินทอง อาศัยคุณความชอบทางการสู้รบ คุณงามความดีมาแหกกฎแลกเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของสำนักเบื้องล่าง และยังมีรายชื่อที่มีจำกัดในการเปิดประตูของใต้หล้าห้าสีครั้งถัดไป วันนี้ทุกคนล้วนสามารถพูดคุยกันได้ คุยกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องกริ่งเกรงสิ่งใด”

กล่าวมาถึงตรงนี้อาจารย์ผู้เฒ่าหานมองเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป แล้วค่อยหันไปมองซ่งจ่างจิ้งแห่งแจกันสมบัติทวีป

หลิวทุ่ยที่มีรูปโฉมเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งจะอ่านตำราเล่มนั้นจบ โดยไม่ทันรู้ตัวก็กินผลไม้บนโต๊ะไปหมดสิ้นแล้ว ถามว่า “นอกจากราชวงศ์ใหญ่แห่งต่างๆ และแคว้นใต้อาณัติของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง กองกำลังทหารแห่งอื่นๆ มาจากที่ไหน พูดถึงแค่ฝูเหยาทวีปของพวกเรา ผู้ฝึกตนบนภูเขาและกองกำลังล่างภูเขาที่สามารถรวบรวมมาได้ก็ไม่มากพอหรอกนะ”

หลิวทุ่ยเอ่ยประโยคนี้ก็ไม่ถือว่าเอาเรื่องน่าอายในบ้านมาป่าวประกาศ เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันดี

ฝูเหยาทวีปก็แค่ดีกว่าใบถงทวีปเล็กน้อยเท่านั้น

สงครามใหญ่อุบัติขึ้น นอกจากฝูเหยาทวีปที่ภูเขาสายน้ำปริแตกไม่เหลือดีแล้ว ทวีปอื่นๆ อย่างทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ธวัลทวีป อุตรกุรุทวีป หลิวเสียทวีป ไม่พูดถึงการบาดเจ็บล้มตายของผู้ฝึกตนบนภูเขา พูดถึงแค่กองกำลังล่างภูเขาก็นับว่ารักษาไว้ได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์

คนทั้งสิ้นแปดคนซึ่งรวมหลิวทุ่ยเป็นหนึ่งในนั้น แต่ละคนต่างก็เป็นตัวแทนของแต่ละทวีปที่มีอำนาจตัดสินใจ บนโต๊ะของพวกเขาจึงมีตำราเล่มใหม่ปรากฏขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม

อาจารย์ผู้เฒ่าหานเอ่ยว่า “พวกเจ้าอ่านจบแล้วก็สามารถเพิ่มลดจำนวนคนโดยพิจารณาดูตามเหตุการณ์ได้”

เหวยอิ๋งเปิดตำรา หลังจากอ่านจบอย่างรวดเร็วก็ดึงเอากระดาษขาวสองสามแผ่นมาจากบนโต๊ะ หยิบพู่กันมาเขียนชื่อของผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งของสำนักเจินจิ้ง รวมไปถึงกองกำลังบนภูเขาจำนวนหนึ่งที่ทางศาลบุ๋นตกหล่นไป เพียงแต่ว่านอกจากสำนักเจินจิ้งบ้านตนแล้ว ตระกูลเซียนแห่งอื่นจำต้องระวังในเรื่องความเหมาะสมให้ดี ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นที่สงสัยว่ายกคนขึ้นอื่นมาบังหน้าหวังเอาผลประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรก็ยังต้องแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันได้ เหวยอิ๋งไม่ได้โง่จนถึงขั้นที่ว่ายอมให้ตัวเองกลายเป็นศัตรูร่วมกันของคนทั้งทวีปเพียงแค่เพื่อประจบเอาใจศาลบุ๋น

สุดท้ายเหวยอิ๋งเขียนสามตัวอักษรว่าสำนักใบถงลงไปบนกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง หลังจากนั้นเงยหน้าถามอาจารย์ผู้เฒ่าหานว่า “หากผู้ฝึกตนของสำนักใบถงมีคนยินดีไปลงสนามรบของเปลี่ยวร้าง ทางศาลบุ๋นจะตอบตกลงหรือไม่?”

สีหน้าของอาจารย์ผู้เฒ่าหานแสดงความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด พยักหน้าเอ่ยว่า “ย่อมไม่มีปัญหา หลังจากที่เจ้าสำนักเหวยกลับไปยังบ้านเกิดแล้วก็สามารถช่วยทางศาลบุ๋นปรึกษาเรื่องนี้กับผู้ฝึกตนสำนักใบถงได้”

ในฐานะราชครูของราชวงศ์เส้าหยวน เฉาผู่กลับรู้สถานการณ์ของบนภูเขาและล่างภูเขาเกราะทองทวีปได้อย่างชัดเจนเหมือนเป็นสมบัติในบ้านตัวเอง เขาเสนอความคิดสองสามอย่างของตน ทางฝั่งศาลบุ๋นก็มีรองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนหนึ่งคอยทำหน้าที่ไขข้อข้องใจให้คำตอบ

ลำพังเพียงแค่ขั้นตอนของการปรึกษาหารือเกี่ยวกับกองกำลังในเก้าทวีปที่สามารถเข้าร่วมสงครามได้ ก็กินเวลาไปนานถึงครึ่งชั่วยาม อีกทั้งยังคงไม่อาจได้ข้อสรุปสุดท้าย อาจารย์ผู้เฒ่าหานบอกความเห็นของทางศาลบุ๋นว่า รอให้การประชุมครั้งนี้สุดสิ้นลง ทุกทวีปก็ควรจะประชุมกันอีกครั้ง ทางศาลบุ๋นจะเรียกรวมผู้ฝึกตนใหญ่ของแต่ละทวีปมามากกว่าเดิมเพื่อให้ประชุมเรื่องนี้กันโดยเฉพาะ จะได้อนุมานคำนวณรายละเอียดออกมาได้มากกว่านี้

เจ้าประมุขตระกูลชนชั้นสูงที่ถูกขนานนามว่าซ่งจื่อแห่งจัวลู่ผู้นั้นพลันเอ่ยว่า “ทางเข้ากุยซวีสี่แห่ง ตำแหน่งที่ตั้งบนภูมิศาสตร์ เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นตำแหน่งที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างตั้งใจเลือกมา”

ปราณวิญญาณบางเบา ทรัพยากรขาดแคลน ในรัศมีหมื่นลี้รอบด้าน หากไม่เป็นกระแสน้ำตัดสลับกันรุนแรงก็เป็นเทือกเขาสูงชันอันตราย สำหรับการผลักดันรุดหน้าไปบนสนามรบของกองทัพล่างภูเขาแล้วไม่สะดวกอย่างยิ่ง สำหรับผู้ฝึกตนของไพศาลก็ไม่มีผลประโยชน์ใดให้กล่าวถึง

พวกจ้าวเทียนไล่ เจิ้งจวีจง เผยเปย ต่างก็เคยไปปักหลักอยู่ที่กุยซวีหรือไม่ก็ท่าเรือบางแห่ง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนใหญ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างเล่นตุกติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องคอยจับตามองร่องรอยของอาจารย์ค่ายกลเป็นพิเศษ

อาจารย์ผู้เฒ่าต่งถาม “มีจุดใดที่จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อชดเชยช่องโหว่หรือไม่?”

จิตของเจิ้งจวีจงขยับไหวเล็กน้อย ทางออกของกุยซวีที่มีชื่อว่าเสินเซียงและท่าเรือโจ่วหม่าก็มีแผนที่ภูมิศาสตร์สองผืนที่มีรายละเอียดชัดเจนครอบคลุมมากกว่าของศาลบุ๋นปรากฎขึ้นมา มีเทือกเขาและสายน้ำไหลเพิ่มมากขึ้น อาณาเขตขยับขยายไปมากกว่าเดิมเกือบหนึ่งเท่า

จ้าวเทียนไล่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา สองนิ้วประกบติดกันแล้ว ‘ชี้แนะขุนเขาสายน้ำ’ ไปยังทางออกของกุยซวีเทียนมู่ บนม้วนภาพขุนเขาสายน้ำนั้นก็มีแสงสว่างที่เข้มจางไม่เท่ากันปรากฎขึ้นมาหลายสิบจุด ล้วนเป็นร่องรอยที่ซ่อนเร้นอำพรางอยู่ของปีศาจใหญ่ นอกจากนี้แล้วตรงริมขอบของอาณาเขตหลายแห่งยังมีเส้นสีทองปรากฎขึ้นอีกหกเส้น คือค่ายกลอำพรางที่ปีศาจใหญ่ของเปลี่ยวร้างจัดวางไว้อย่างตั้งใจ

ไหวอินมองด้วยอาการชาไปทั้งหนังศีรษะ ก่อนหน้านี้ตอนที่เฝ้าพิทักษ์อยู่ที่ท่าเรือและกุยซวีสองแห่ง แม้จะบอกว่าใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณสองสามปีเท่านั้น แต่เขาเองก็ถือว่าระมัดระวังรอบคอบ คอยทะยานลมไปทั่วสารทิศ ช่วยทางฝั่งของศาลบุ๋นตรวจสอบพื้นที่ภูมิศาสตร์ขุนเขาสายน้ำ ยิ่งโปรยยันต์ให้กลายเป็นกองทัพอย่างที่ไม่คิดเสียดาย บงการพวกหุ่นเชิดร้อยกว่าตนให้ลาดตระเวนไปทั่วทุกหนแห่ง ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่เคยมีวันใดที่หยุดอยู่เฉยๆ คิดว่าผลงานของตัวเองดีเลิศ เดิมยังนึกว่าจะเป็นไม้สูงที่เด่นเกินไพร คิดไม่ถึงว่ายังคงตกเป็นรองผู้อื่นอยู่ดี

เจ้านครจักรพรรดิขาว เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ สองคนนี้ไม่ได้มีการปิดบังอะไร ใช่ว่าก่อนหน้านี้จงใจปกปิดเรื่องวงในพวกนี้กับทางศาลบุ๋น เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เจิ้งจวีจงและจ้าวเทียนไล่ออกไปจากท่าเรือได้อาศัยวิชาอภินิหารของตัวเองจนได้ผลลัพธ์ใหม่ล่าสุดจากการตรวจสอบ

ฮว่อหลงเจินเหรินมีสีหน้าลำบากใจอย่างที่หาได้ยาก คนเปรียบเทียบกับคนชวนให้คนโมโหตายจริงๆ ผินเต้ากลายเป็นตัวไร้ประโยชน์เหมือนเจ้าไหวซ่วนผานเสียแล้ว

ช่วยไม่ได้ ครั้งหน้าที่ไปเยือนใต้หล้าเปลี่ยวร้างคงได้แต่ออกแรงให้มากขึ้นสักหน่อย ต้นไม้ต้องการเปลือก คนต้องการหน้าตา เป็นคนจะเป็นเหมือนไหวอินเกินไปไม่ได้

อวี๋เสวียนถาม “ตัวของกุยซวีเองจะมีแผนรับมือเบื้องหลังของภูเขาทัวเยว่ซุกซ่อนไว้หรือไม่?”

อาจารย์ผู้เฒ่าต่งพยักหน้ารับ “ไม่ตัดความเป็นไปได้ข้อนี้ทิ้ง”

หยวนพางเปิดปากกล่าว “พวกเราต้องเตรียมใจสำหรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ก่อน สามารถตั้งสมมติฐานไว้ได้ว่ากุยซวีทุกแห่งล้วนซุกซ่อนปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่มีพลังการสู้รบเทียบเท่าเฟยเฟยไว้คนหนึ่ง”

หลิ่วชียิ้มถาม “เจ้าขุนเขาหยวนมีแผนการรับมือหรือไม่?”

หยวนพางพยักหน้ารับ บนโต๊ะทุกตัวมีสมุดเล่มเล็กเพิ่มมาอีกหนึ่งเล่ม

บัณฑิตทั่วไปมักจะวางตัวพูดคุยแต่ในเรื่องสุภาพสูงส่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก รากฐานอันเป็นต้นกำเนิดของพวกเขามักจะอยู่ที่สามารถถามปัญหาได้ แต่กลับไม่อาจไขคำตอบได้ หรือไม่ก็ไม่เคยคิดจะไขคำตอบเลย

หลิ่วชีพลิกเปิดสมุดอ่านแล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม คำพูดประโยคนี้ของอาจารย์น้อยหยวนถือว่าพุ่งตรงสู่เป้าหมายจริงๆ

ตั้นตั้นฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่ที่ทุกวันนี้ควบคุมดูแลโชคชะตาน้ำของแผ่นดิน สุ่ยจวินห้าทะเลสาบใหญ่ซึ่งมีหลี่เย่โหวแห่งทะเลสาบเจี่ยวเยว่เป็นหนึ่งในนั้น และยังมีเทพวารีอีกกลุ่มใหญ่ พวกเผ่าพันธุ์น้ำเซียนน้ำ ล้วนมีชื่อปรากฏอยู่บนสมุด หนึ่งในนั้นก็มีสุ่ยจวินทะเลสาบเซิ่นเจ๋อของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง หลิงหยวนกงแห่งลำน้ำจี้ตู๋แห่งอุตรกุรุทวีป เสิ่นหลินแห่งตำหนักหนันซวิน หลี่หยวนหลงถิงกง หยางฮว่าเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูแห่งต้าหลีแจกันสมบัติทวีป เจียวเฒ่าตัวหนึ่งของแม่น้ำเฉียนถังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้…สรุปก็คือเทพวารีตำแหน่งสูงของแต่ละทวีป รวมไปถึงกองกำลังคร่าวๆ รากฐานของจวนน้ำที่ลึกหรือตื้นเขิน ล้วนถูกศาลบุ๋นจดบันทึกไว้อย่างละเอียด ครบถ้วนทุกรายละเอียด

อาเหลียงจุ๊ปากเอ่ยชื่นชม “ให้เทพวารีเป็นผู้คุมกัน ค่อนข้างน่าสนใจ”

กองกำลังทหารยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว เสบียงก็นำไปก่อนแล้ว กองกำลังทหารมาจากไหน ควรจะเดินทัพคร่าวๆ อย่างไร ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ก็ควรพูดคุยถึงเรื่องการปักหลักตั้งฐานทัพอยู่ในเปลี่ยวร้างแล้ว

จวี้จื่อแห่งสำนักโม่หนึ่งนครหนึ่งคนที่อยู่ในท่าเรือตี้ม่ายจะย้ายไปทางทิศใต้อย่างต่อเนื่อง ในนครใหญ่สามารถรองรับกองกำลังทหารกล้าของล่างภูเขาไว้ได้สองแสนนาย

นอกจากนี้อีกสามสายของสำนักโม่ยังมีคนอีกหกพันกว่าคนที่จะร่วมมือกับสำนักการช่างส่งตัวผู้ฝึกลมปราณออกมาทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นสองพันกว่าคน

ทั้งสองฝ่ายแยกกันไปพักอยู่ที่ท่าเรือปิ่งจู๋ ท่าเรือโจ่วหม่าสองแห่ง รับผิดชอบสร้างนครใหญ่ยักษ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปทางทิศใต้ได้เช่นกัน

ประตูใหญ่ของกุยซวีสี่แห่งที่เหลือล้วนมีการวางแผนจัดการ

สายของฝูลู่อวี๋เสวียน จวนเทียนซือใหญ่ภูเขามังกรพยัคฆ์ แบ่งออกเป็นอยู่ที่กุยซวีสองแห่งอย่างเทียนมู่ เสินเซียง ต่างฝ่ายต่างใช้มัลละยันต์ หุ่นเชิดย้ายภูเขาเปิดเส้นทาง เคลื่อนย้ายขุนเขาสร้างสะพานเชื่อมโยง

ผู้ฝึกตนสำนักการทหารและอาจารย์ค่ายกลสำนักหยินหยางแยกกันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับกุยซวีสองแห่งอย่างฉิงจีและรื่อจุ้ย รับผิดชอบคอยสร้างค่ายกลใหญ่เอามาใช้รวบรวมปราณวิญญาณขุนเขาสายน้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!