ห่างจากคนชุดเขียวผู้นั้นมาค่อนข้างไกลแล้ว ถัวเหยียนฮูหยินก็ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าหรือจะกลัวเขา? ล้อเล่นอะไรกัน”
เด็กสาวพลันเอ่ยเตือนว่า “พี่หญิงถัวเหยียน คงไม่ใช่ว่าท่านชอบเขาหรอกนะ?!”
ถัวเหยียนฮูหยินปากอ้าตาค้าง รีบยื่นมือไปอุดปากนังหนูโง่คนนี้ “อย่าพูดเหลวไหล!”
หากเจ้าหมอนั่นได้ยินเข้า อย่างน้อยที่สุดนางคงต้องชดใช้ด้วยสวนดอกเหมยอีกแห่งหนึ่ง
ชอบเขา? ไม่เท่ากับว่าคิดจะถามหมัดทั้งยังถามกระบี่ต่อใต้เท้าอิ่นกวานที่ใจดำอำมหิตแต่หน้ายิ้มตาหยีผู้นั้นหรอกหรือ?
หากไม่ทันระวังอาจถูกเขาซ้อมจนตายหรือเล่นงานจนตายก็เป็นได้
ริมลำคลอง เฉินผิงอันตกปลาหลีสีทองมาได้อีกหนึ่งตัว จึงใส่ไว้ในข้องจับปลา
คนที่อยู่สองฝั่งล้วนพากันหันมามอง
แน่นอนว่าไม่ได้ละโมบอยากได้ปลาหลีตัวนั้น
แต่เป็นเพราะคนทั้งสองกลุ่มต่างก็สามารถอาศัยโอกาสนี้มามองประเมินคนชุดเขียวที่อายุยังน้อยได้อีกครั้งพอดี
เป็นฝ่ายเรียกกุ้ยฮูหยินว่า ‘น้ากุ้ย’
แล้วยังได้รับคำชมจากกู้ชิงซงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เจ้าหนู มีอนาคต มองคนไม่ผิด ไม่พูดจาสั่งสอนแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเป็นถ้อยคำที่ผู้อาวุโสบนภูเขาใช้เอ่ยกับเด็กรุ่นเยาว์ของบ้านตัวเองครึ่งตัว
ดูเหมือนว่าจะรู้จักเฮ้อเสี่ยวเหลียงแห่งอุตรกุรุทวีปด้วย เพราะเขาเรียกนางว่าเจ้าสำนักเฮ้อ
หากมองไม่ผิด ดูเหมือนเฮ้อเสี่ยวเหลียงจะมีรอยยิ้มด้วย?
ไม่ค่อยเหมือนกับข่าวลือเล็กๆ ในรายงานขุนเขาสายน้ำในอดีตสักเท่าไรเลย
ในฐานะลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิง แล้วยังเป็นขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งที่สามารถก่อสำนักตั้งพรรคอยู่ในอุตรกุรุทวีปได้
แน่นอนว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงยังรูปโฉมงามล้ำ
อีกทั้งยังได้ยินมาว่านางตั้งใจฝึกตนอย่างยิ่ง ไม่เคยสนใจเรื่องความรักของชายหญิง แม้แต่สวีเซวี่ยนลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของเซียนกระบี่ใหญ่ป๋ายฉางแห่งอุตรกุรุทวีปก็ยังหลงใหลคลั่งใคล้นาง แต่เพียงแค่เพราะเฮ้อเสี่ยวเหลียงรู้สึกว่าคนผู้นี้ตามตอแยนางจนน่ารำคาญ จึงถึงกับลงไม้ลงมือทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส ไม่ไว้หน้าป๋ายฉางแม้แต่น้อย สุดท้ายเป็นเหตุให้สำนักของทั้งสองฝ่ายผูกปมแค้นต่อกัน ดูเหมือนป๋ายฉางยังเคยประกาศด้วยว่าชีวิตนี้เฮ้อเสี่ยวเหลียงอย่าได้หวังว่าจะเลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานได้?
ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ล้วนมองเฮ้อเสี่ยวเหลียงมากหน่อย บุรุษมองนานหน่อยก็ยิ่งรู้สึกว่าบุคลิกของนางโดดเด่นหลุดพ้นโลกีย์ มีความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวตัดขาดโลกภายนอก เป็นคู่รักบนภูเขากับสตรีที่เป็นเช่นนี้ นั่นก็สมกับคำกล่าวที่ว่าไม่อิจฉายวนยางไม่อิจฉาเซียนจริงๆ แล้ว สตรีมองนางมากหน่อยคาดว่าคงอยากจะให้การมองของตัวเองหนึ่งครั้งทำให้ความงามของนางลดหายไปส่วนหนึ่งกระมัง?
ไม่ว่าจะอย่างไร คนทั้งสองกลุ่มต่างก็มองคนหนุ่มที่กำลังตกปลาสูงขึ้นอีกนิดอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็รู้จักผู้ฝึกตนใหญ่มากมายถึงเพียงนี้
หลี่เป่าผิงเอ่ย “อาจารย์อาน้อย ดูเหมือนพี่หญิงเฮ้อยังคงมีรูปโฉมอ่อนเยาว์เหมือนครั้งแรกที่ได้พบกันปีนั้นเลยนะ แต่เหมือนจะ…งามกว่าเดิมเสียอีก?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ได้สังเกต”
เขาเพียงแต่อยู่ดีๆ ก็นึกถึงสตรีบนภูเขาลั่วพั่วบ้านตน เฉินยวนจีที่มานะฝึกเดินนิ่งและหยวนเป่าที่ฉายประกายเฉียบคม อันที่จริงผู้ฝึกยุทธสองคนนี้ ทุกวันนี้ต่างก็อายุไม่น้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงาน ก็สตรีนี่นะ ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องกังวลเรื่องออกเรือน ต่อให้หางตาจะมีตีนกาเพิ่มมาขีดสองขีดก็ยังคงไม่ถ่วงรั้งการที่จะถูกบุรุษชื่นชอบ อีกทั้งภูเขาบ้านตนมีลมและน้ำอย่างไร ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ไม่มีใครที่หน้าอัปลักษณ์เป็นแตงเบี้ยวพุทราแตกเสียหน่อย จูเหลี่ยน เจียงซ่างเจิน หมี่อวี้ ชุยตงซาน เฉาฉิงหล่าง หยวนไหล…นี่ยังไม่ได้นับรวมเว่ยซานจวินและพวกเค่อชิงทั้งหลายเลยนะ เวทกระบี่วิชาหมัด พิณ หมากล้อม พู่กัน ภาพวาด หวีผมประทินโฉม มีเรื่องอะไรที่พูดคุยไม่ได้ มีเรื่องอะไรที่ไม่เชี่ยวชาญบ้าง? แล้วก็เพราะเจ้าขุนเขาอย่างเขาหน้าบางในการหาเงินมากที่สุด ไม่อย่างนั้นหากเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำเมื่อไหร่ เงินเทพเซียนของแจกันสมบัติทวีปนี้จะไม่เป็นดั่งน้ำท่วมทะลักทำนบที่กรูเข้าหาภูเขาลั่วพั่วอย่างบ้าคลั่งเลยหรอกหรือ?
และสตรีผู้ฝึกยุทธ ขอแค่เลื่อนเป็นขอบเขตหลอมลมปราณ ก็ไม่เพียงแต่สามารถหล่อหลอมเรือนกาย ยังสามารถบำรุงจิตวิญญาณได้อีกด้วย แม้ว่าจะไม่มีศาสตร์คงรูปโฉมอย่างผู้ฝึกลมปราณที่เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังชัดเจนอย่างมาก รอกระทั่งพวกนางเลื่อนเป็นขอบเขตโอสถทองเมื่อไหร่ก็จะได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมมาอีกส่วนหนึ่ง หวงอีอวิ๋นแห่งภูเขาผูซานของใบถงทวีปก็อายุไม่น้อยแล้วเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็มองดูเหมือนคนอายุไม่มากไม่ใช่หรือ?
แต่ภูเขาบ้านตน หยวนไหลชอบเฉินยวนจีมานานแล้ว หยวนเป่าก็แอบชอบเฉาฉิงหล่าง ครั้งนี้ที่เฉินผิงอันกลับบ้านเกิดล้วนได้ยินคนเล่าให้ฟังหมดแล้ว
ในความเป็นจริงแล้วแม้แต่หมี่ลี่น้อยก็ยังสังเกตเห็น จึงมาบอกความลับกับเจ้าขุนเขาคนดีเป็นการส่วนตัว บอกว่าทุกครั้งที่เฉาฉิงหล่างอยู่ด้วย หยวนเป่าใหญ่ผู้นั้นจะพูดจาดุร้ายมากเป็นพิเศษ เสียงก็ดังมาก แล้วยังจงใจไม่หันไปมองเฉาฉิงหล่าง คิดจะหลอกใครกัน ตาไม่มอง แต่ในใจล้วนมีแต่เฉาฉิงหล่างเลยนะ
ดังนั้นทุกวันนี้จะมีแค่หยวนเป่าคนเดียวหรือไม่ที่เข้าใจผิดคิดไปว่าเรื่องที่นางชอบใคร มีแค่นางคนเดียวที่รู้?
หลี่เป่าผิงยิ้มถาม “อาจารย์อาน้อย กำลังคิดเรื่องที่มีความสุขอยู่หรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “คิดเรื่องช่วยภูเขาหาเงินอยู่น่ะ”
หลี่เป่าผิงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ได้ยินมาว่าบนเกาะยวนยางมีร้านผ้าห่อบุญที่ใหญ่มากร้านหนึ่ง ดูเหมือนกว่ากิจการจะดีมากเลย หากอาจารย์อาน้อยมีเวลาว่างก็สามารถไปเที่ยวเล่นที่นั่นได้”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ถ้าว่างแล้วก็จะไป อืม ทางที่ดีที่สุดพวกเราควรพาหลี่ไหวไปด้วย”
เฉินผิงอันรีบหยิบยันต์กระดาษเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ เอามือปาดไปบนแก่นยันต์ แสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งวูบหนึ่งที เฉินผิงอันพึมพำในใจหนึ่งประโยค ยันต์ก็กลายเป็นนกกระสากระดาษเหลืองตัวเล็กที่สยายปีกบินจากไป
ไปหาหลี่ไหวที่อำเภอพ่านสุ่ย ให้เขารีบมาเจอกันที่เกาะยวนยาง
ผู้เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่งลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นนกกระสาเหลืองส่งข่าวบินจากไปไกลก็ร้องเอ๊ะหนึ่งที เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจอยู่บ้าง เหตุใดผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคนหนึ่งถึงกลายเป็นผู้ฝึกตนสายยันต์ที่แผ่กลิ่นอายของเซียนดินแล้วเล่า?
หรือว่าจะเป็นลูกหลานสกุลเย่ผูซานของใบถงทวีป
คุณชายสูงศักดิ์ที่นอนเอนตัวดื่มสุราแหงนหน้ากระดกเหล้าหมดรวดเดียว เจ้าตัวดี บังเกิดแรงบันดาลใจในการแต่งกลอนแล้ว จึงร่ายบทกลอนพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะ
กระสาเหลืองส่งเสียงร้องนอกหอเรือน ตกปลาฆ่าเวลาดื่มสุราดับทุกข์ เหล้าเซียนคลายความเมามายในภูผา พลันรู้สึกว่ากายาเบาดุจขนนกล่องนภา
เฉินผิงอันพลันรู้สึกว่าที่แท้เรื่องของการแต่งกลอนตลกขบขัน หากไม่ต้องแต่งได้ก็อย่าแต่งเลยดีกว่า เพราะคนพูดเบิกบาน คนฟังกลุ้มใจจริงๆ
หลี่เป่าผิงถามเสียงเบา “อาจารย์อาน้อย ได้ยินเผยเฉียนกับหมี่ลี่น้อยเล่าว่าท่านแต่งกลอนเก่งมากเลยหรือ?”
เฉินผิงอันโบกมือ “ไม่จริงเสียหน่อย เจ้าอย่าไปฟังพวกนางพูดเหลวไหล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!